เมนู

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค [6. มหาโควินทสูตร]
ถวายบังคมลากษัตริย์ 6 พระองค์

ด้วยสตรี’ แล้วเสด็จเข้าไปหามหาโควินทพราหมณ์ ตรัสอย่างนี้ว่า ‘ในราชอาณาจักร
ทั้ง 7 นี้ มีสตรีมากมาย เราจะนำสตรีมาให้ตามที่ท่านต้องการ’
ท่านมหาโควินทพราหมณ์กราบทูลว่า ‘อย่าเลย พระเจ้าข้า ข้าพระองค์มี
ภรรยาฐานะเท่ากันถึง 40 คน ข้าพระองค์จะทอดทิ้งภรรยาทุก ๆ คน ออกจาก
เรือนบวชเป็นบรรพชิต ด้วยว่าข้าพระองค์ได้ฟังเรื่องกลิ่นชั่วร้ายที่พระพรหมตรัสบอก
กลิ่นชั่วร้ายเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้อยู่ครองเรือนจะกำจัดได้ง่ายนัก ข้าพระองค์จะออก
จากเรือนบวชเป็นบรรพชิต พระเจ้าข้า’
[323] กษัตริย์ทั้ง 6 พระองค์ตรัสว่า ‘ถ้าท่านโควินทะจะออกจากเรือน
บวชเป็นบรรพชิต พวกเราก็จะออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตบ้าง ท่านมีคติใด
พวกเราก็จะมีคตินั้นด้วย’
ท่านมหาโควินทพราหมณ์กราบทูลว่า
‘หากพระองค์จะทรงละสิ่งที่น่าปรารถนา
อันเป็นที่ข้องอยู่ของปุถุชน
ขอจงปรารภความเพียร
ทรงประกอบด้วยกำลังขันติ เจริญให้มั่นอยู่
ทางนี้เป็นทางตรง ไม่มีทางอื่นดีกว่า
นี้เป็นพระสัทธรรมที่สัตบุรุษรักษาไว้
เพื่อไปเกิดในพรหมโลก’
กษัตริย์ทั้ง 6 พระองค์ตรัสว่า ‘ถ้าเช่นนั้น ท่านมหาโควินทะขอจงรอคอยสัก
7 ปีเมื่อเวลาล่วง 7 ปี พวกเราจะออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ท่านมีคติใด
พวกเราก็จะมีคตินั้นด้วย’
ท่านมหาโควินทพราหมณ์กราบทูลว่า ‘ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เวลา
7 ปี นานเกินไป ข้าพระองค์ไม่อาจรอคอยพระองค์อยู่ได้ถึง 7 ปี ก็ใครจะ
รู้(ชะตา)ชีวิตได้เล่า บุคคลต้องไปปรโลก บัณฑิตจึงควรกำหนดรู้ด้วยปัญญา ควรทำ
กุศล ควรประพฤติพรหมจรรย์ ผู้เกิดมาแล้วไม่ตายไม่มี ข้าพระองค์ได้ฟังเรื่องกลิ่น
ชั่วร้ายที่พระพรหมตรัสบอก กลิ่นชั่วร้ายเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้อยู่ครองเรือนจะกำจัด
ได้ง่ายนัก ข้าพระองค์จะออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต พระเจ้าข้า’

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 10 หน้า :252 }