พระสุตตันตปิฏก ทีฆนิกาย มหาวรรค [3. มหาปรินิพพานสูตร]
การถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
การถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
[233] สมัยนั้น ประมุขเจ้ามัลละ 4 องค์ ทรงสนานพระเศียรแล้วทรง
พระภูษาใหม่ ด้วยตั้งพระทัยว่า พวกเราจะจุดไฟที่จิตกาธานของพระผู้มีพระภาค
แต่ไม่อาจจะจุดไฟให้ติดได้
ลำดับนั้น พวกเจ้ามัลละผู้ครองกรุงกุสินาราตรัสถามท่านพระอนุรุทธะว่า
ท่านอนุรุทธะ อะไรหนอแลเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ที่ทำให้ประมุขเจ้ามัลละ
4 องค์นี้ ผู้ทรงสนานพระเศียรแล้วทรงพระภูษาใหม่ด้วยตั้งพระทัยว่า พวกเราจะ
จุดไฟที่จิตกาธานของพระผู้มีพระภาค แต่ไม่อาจจะจุดไฟให้ติดได้เล่า
ท่านพระอนุรุทธะถวายพระพรว่า วาเสฏฐะทั้งหลาย พวกเทวดามีความประสงค์
อีกอย่างหนึ่ง
พวกเจ้ามัลละตรัสถามว่า พวกเทวดามีความประสงค์อย่างไร พระคุณเจ้า
ท่านพระอนุรุทธะถวายพระพรว่า พวกเทวดามีความประสงค์ว่า ท่านพระ
มหากัสสปะพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ 500 รูป เดินทางไกลจากกรุง
ปาวามายังกรุงกุสินารา จิตกาธานของพระผู้มีพระภาคจะยังไม่ลุกโพลง ตราบเท่า
ที่ท่านพระมหากัสสปะยังไม่ได้ถวายอภิวาทพระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคด้วย
เศียรเกล้า
พวกเจ้ามัลละตรัสว่า ขอให้เป็นไปตามความประสงค์ของพวกเทวดาเถิด
พระคุณเจ้า
[234] ต่อมา ท่านพระมหากัสสปะเข้าไปยังมกุฏพันธนเจดีย์ของพวกเจ้ามัลละ
ในกรุงกุสินารา ถึงจิตกาธานของพระผู้มีพระภาค ห่มจีวรเฉวียงบ่าประนมมือกระทำ
ประทักษิณจิตกาธาน 3 รอบเปิดผ้าคลุมทางพระบาท ถวายอภิวาทพระยุคลบาท
ของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า แม้ภิกษุ 500 รูปเหล่านั้นก็ห่มจีวรเฉวียงบ่า
ประนมมือทำประทักษิณจิตกาธาน 3 รอบ ถวายอภิวาทพระยุคลบาทของพระผู้มี
พระภาคด้วยเศียรเกล้า เมื่อท่านพระมหากัสสปะและภิกษุ 500 รูป ถวายอภิวาท
เสร็จ จิตกาธานของพระผู้มีพระภาคได้ติดไฟลุกโพลงขึ้นเอง