พระสุตตันตปิฏก ทีฆนิกาย มหาวรรค [3. มหาปรินิพพานสูตร] บูชาพระพุทธสรีระ
มีเทวดาบางพวกเป็นผู้กำหนดแผ่นดินขึ้นบนแผ่นดิน สยายผม ประคองแขน
ร้องไห้คร่ำครวญ ล้มกลิ้งเกลือกไปมาเหมือนคนเท้าขาด ฯลฯ
ส่วนเทวดาที่ไม่มีราคะ มีสติสัมปชัญญะก็อดกลั้นได้ว่า สังขารทั้งหลายไม่
เที่ยงหนอ เหล่าสัตว์จะพึงหาได้อะไรจากที่ไหนในสังขารนี้
ท่านพระอนุรุทธะกับท่านพระอานนท์ให้เวลาผ่านไปด้วยการแสดงธรรมีกถา
ตลอดคืนยันรุ่ง
[226] ต่อมา ท่านพระอนุรุทธะสั่งท่านพระอานนท์ว่า ไปเถิด อานนท์ผู้มี
อายุ ท่านจงเข้าไปยังกรุงกุสินารา แจ้งแก่เจ้ามัลละทั้งหลายผู้ครองกรุงกุสินาราว่า
วาเสฏฐะทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคปรินิพพานแล้ว ขอท่านทั้งหลายจงกำหนดเวลา
ที่สมควร ณ บัดนี้เถิด ท่านพระอานนท์รับคำแล้ว ตอนเช้าจึงครองอันตรวาสกถือ
บาตรและจีวรเข้าไปยังกรุงกุสินาราเพียงผู้เดียว
ขณะนั้น พวกเจ้ามัลละผู้ครองกรุงกุสินารากำลังประชุมกันอยู่ที่สัณฐาคารเกี่ยว
กับเรื่องปรินิพพาน ท่านพระอานนท์เข้าไปที่สัณฐาคารของพวกเจ้ามัลละแล้วถวาย
พระพรว่า วาเสฏฐะทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคปรินิพพานแล้ว ขอท่านทั้งหลาย
จงกำหนดเวลาที่สมควร ณ บัดนี้เถิด
พวกเจ้ามัลละ โอรส สุณิสา และปชาบดีของพวกเจ้ามัลละ พอได้สดับ
ข่าว(จาก)ท่านพระอานนท์อย่างนี้แล้ว ทรงโศกเสียพระทัย เปี่ยมไปด้วยโทมนัส
บางพวกสยายพระเกศา ทรงประคองพระพาหา ทรงกันแสงคร่ำครวญ ล้มกลิ้งเกลือก
ไปมา เหมือนคนเท้าขาด ทรงเพ้อรำพันว่า พระผู้มีพระภาคด่วนปรินิพพาน พระสุคต
ด่วนปรินิพพานเสีย จักษุของโลกด่วนอันตรธานไปแล้ว
บูชาพระพุทธสรีระ
[227] ลำดับนั้น พวกเจ้ามัลละผู้ครองกรุงกุสินารารับสั่งข้าราชบริพารว่า
พนาย ถ้าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายจงเตรียมของหอมระเบียบดอกไม้และเครื่องดนตรี
ทุกอย่างที่มีในกรุงกุสินาราไว้ให้พร้อม แล้วทรงถือเอาของหอมระเบียบดอกไม้
เครื่องดนตรีทุกอย่างและผ้า 500 คู่ เสด็จเข้าไปยังสาลวันของพวกเจ้ามัลละซึ่งเป็น