เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวรรค [4. ปวารณาขันธกะ] 129. วัคคาวัคคสัญญิปัณณรสกะ
จำนวนเท่ากัน ภิกษุที่ปวารณาแล้ว เป็นอันปวารณาดีแล้ว ที่มาทีหลังพึง
ปวารณาในสำนักของภิกษุเหล่านั้น พวกภิกษุที่ปวารณาแล้วไม่ต้องอาบัติ (14)
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ในอาวาสแห่งหนึ่ง ในวันปวารณานั้น
มีภิกษุที่อยู่ในอาวาสหลายรูป ... ขณะนั้น ภิกษุที่อยู่ในอาวาสพวกอื่นมาถึง
มีจำนวนน้อยกว่า ภิกษุที่ปวารณาแล้ว เป็นอันปวารณาดีแล้ว ที่มาทีหลังพึง
ปวารณาในสำนักของภิกษุเหล่านั้น พวกภิกษุที่ปวารณาแล้วไม่ต้องอาบัติ (15)
อนาปัตติปัณณรสกะ จบ

129. วัคคาวัคคสัญญิปัณณรสกะ
ว่าด้วยแบ่งพวกกันอยู่สำคัญว่าพร้อมเพรียง 15 กรณี
[223] ภิกษุทั้งหลาย ก็ในกรณีนี้ ในอาวาสแห่งหนึ่ง ในวันปวารณานั้น
มีภิกษุที่อยู่ในอาวาสหลายรูป แต่ประชุมกัน 5 รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง ภิกษุเหล่านั้น
รู้อยู่ว่า “ยังมีภิกษุที่อยู่ในอาวาสพวกอื่นที่ไม่ได้มาอยู่”
ภิกษุเหล่านั้นมีความสำคัญว่าเป็นธรรม เป็นวินัย ยังแบ่งพวกกันอยู่ แต่สำคัญ
ว่าเป็นผู้พร้อมเพรียง ปวารณา เมื่อภิกษุเหล่านั้นกำลังปวารณา ขณะนั้น ภิกษุที่อยู่
ในอาวาสพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า ภิกษุเหล่านั้นพึงปวารณาใหม่
พวกภิกษุที่ปวารณาแล้วต้องอาบัติทุกกฏ (1)
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ในอาวาสแห่งหนึ่ง ในวันปวารณานั้น
มีภิกษุที่อยู่ในอาวาสหลายรูป ... ขณะนั้น ภิกษุที่อยู่ในอาวาสพวกอื่นมาถึง
มีจำนวนเท่ากัน ภิกษุที่ปวารณาแล้ว เป็นอันปวารณาดีแล้ว ภิกษุที่เหลือ
พึงปวารณา พวกภิกษุที่ปวารณาแล้วต้องอาบัติทุกกฏ (2)
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ในอาวาสแห่งหนึ่ง ในวันปวารณานั้น
มีภิกษุที่อยู่ในอาวาสหลายรูป ฯลฯ ขณะนั้น ภิกษุที่อยู่ในอาวาสพวกอื่นมาถึง
มีจำนวนน้อยกว่า พวกภิกษุที่ปวารณาแล้ว เป็นอันปวารณาดีแล้ว ภิกษุที่เหลือ
พึงปวารณา พวกภิกษุที่ปวารณาแล้วต้องอาบัติทุกกฏ (3)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 4 หน้า :354 }


พระวินัยปิฎก มหาวรรค [4. ปวารณาขันธกะ] 129. วัคคาวัคคสัญญิปัณณรสกะ
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ในอาวาสแห่งหนึ่ง ในวันปวารณานั้น
มีภิกษุที่อยู่ในอาวาสหลายรูป แต่ประชุมกัน 5 รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง ภิกษุ
เหล่านั้น รู้อยู่ว่า “ยังมีภิกษุที่อยู่ในอาวาสพวกอื่นที่ไม่ได้มาอยู่”
ภิกษุเหล่านั้นมีความสำคัญว่าเป็นธรรม เป็นวินัย ยังแบ่งพวกกันอยู่ แต่
สำคัญว่าเป็นผู้พร้อมเพรียง ปวารณา พอภิกษุเหล่านั้นปวารณาเสร็จ ขณะนั้น
ภิกษุที่อยู่ในอาวาสพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า ภิกษุเหล่านั้นพึงปวารณาใหม่
พวกภิกษุที่ปวารณาแล้วต้องอาบัติทุกกฏ (4)
... พอภิกษุเหล่านั้นปวารณาเสร็จ ขณะนั้น ภิกษุที่อยู่ในอาวาสพวกอื่นมาถึง
มีจำนวนเท่ากัน พวกภิกษุที่ปวารณาแล้ว เป็นอันปวารณาดีแล้ว พวกภิกษุผู้
มาทีหลังพึงปวารณาในสำนักของภิกษุเหล่านั้น พวกภิกษุที่ปวารณาแล้วต้องอาบัติ
ทุกกฏ (5)
... ขณะนั้น ภิกษุที่อยู่ในอาวาสพวกอื่นมาถึง มีจำนวนน้อยกว่า ... (6)
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ในอาวาสแห่งหนึ่ง ในวันปวารณานั้น
มีภิกษุที่อยู่ในอาวาสหลายรูป แต่ประชุมกัน 5 รูปบ้าง เกินกว่าบ้าง ภิกษุเหล่านั้น
รู้อยู่ว่า “ยังมีภิกษุที่อยู่ในอาวาสพวกอื่นที่ไม่ได้มาอยู่”
ภิกษุเหล่านั้นมีความสำคัญว่าเป็นธรรม เป็นวินัย ยังแบ่งพวกกันอยู่ แต่สำคัญว่า
เป็นผู้พร้อมเพรียง ปวารณา พอภิกษุเหล่านั้นปวารณาเสร็จ บริษัทยังไม่ทันลุกขึ้น
ขณะนั้น ภิกษุที่อยู่ในอาวาสพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า ภิกษุเหล่านั้นพึง
ปวารณาใหม่ พวกภิกษุที่ปวารณาแล้วต้องอาบัติทุกกฏ (7)
... พอภิกษุเหล่านั้นปวารณาเสร็จ บริษัทยังไม่ทันลุกขึ้น ขณะนั้น ภิกษุที่
อยู่ในอาวาสพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน พวกภิกษุที่ปวารณาแล้ว เป็นอัน
ปวารณาดีแล้ว ที่มาทีหลัง พึงปวารณาในสำนักของภิกษุเหล่านั้น พวกภิกษุที่
ปวารณาแล้วต้องอาบัติทุกกฏ (8)
... ขณะนั้น ภิกษุที่อยู่ในอาวาสพวกอื่นมาถึง มีจำนวนน้อยกว่า ... (9)
... พอภิกษุเหล่านั้น ปวารณาเสร็จ บริษัทลุกขึ้นบางส่วน ขณะนั้น ภิกษุที่
อยู่ในอาวาสพวกอื่นมาถึง มีจำนวนมากกว่า ... (10)
... ขณะนั้น ภิกษุที่อยู่ในอาวาสพวกอื่นมาถึง มีจำนวนเท่ากัน ... (11)
... ขณะนั้น ภิกษุที่อยู่ในอาวาสพวกอื่นมาถึง มีจำนวนน้อยกว่า ... (12)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 4 หน้า :355 }