พระวินัยปิฎก มหาวรรค [3. วัสสูปนายิกขันธกะ] 110. ปัญจอัปปหิตานุชานนา
คิลานุปัฏฐากภัต หรือคิลานเภสัช จักถามอาการหรือจักพยาบาล แต่พึงกลับ
ใน 7 วัน
2. ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ความไม่ยินดีเกิดขึ้นแก่ภิกษุ ถ้าภิกษุนั้น
จะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ความไม่ยินดีเกิดขึ้นแก่กระผมแล้ว
ขออาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมประสงค์ให้มา ภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุนั้น
จะไม่ส่งทูตมา ก็ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ ไม่จำต้องกล่าวถึงเมื่อภิกษุนั้นส่งทูตมา
พึงไปด้วยตั้งใจว่า เราจักระงับความไม่ยินดีเอง หรือจักใช้ภิกษุอื่นให้ช่วยระงับ
หรือจักแสดงธรรมกถาแก่ภิกษุนั้น แต่พึงกลับใน 7 วัน
3. ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ความรำคาญเกิดขึ้นแก่ภิกษุ ถ้าภิกษุนั้น
จะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ความรำคาญเกิดขึ้นแก่กระผมแล้ว
ขออาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมประสงค์ให้มา ภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุนั้น
จะไม่ส่งทูตมา ก็ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ ไม่จำต้องกล่าวถึงเมื่อภิกษุนั้นส่งทูตมา
พึงไปด้วยตั้งใจว่า เราจักบรรเทาความรำคาญเอง หรือจักใช้ภิกษุอื่นให้ช่วยบรรเทา
หรือจักแสดงธรรมกถาแก่ภิกษุนั้น แต่พึงกลับใน 7 วัน
4. ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ความเห็นผิดเกิดขึ้นแก่ภิกษุ ถ้าภิกษุนั้น
จะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ความเห็นผิดเกิดขึ้นแก่กระผมแล้ว
ขออาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมประสงค์ให้มา ภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุนั้น
จะไม่ส่งทูตมา ก็ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ ไม่จำต้องกล่าวถึงเมื่อภิกษุนั้นส่งทูตมา
พึงไปด้วยตั้งใจว่า เราจักเปลื้องความเห็นผิดเอง หรือจักใช้ภิกษุอื่นให้ช่วยเปลื้อง
หรือจักแสดงธรรมกถาแก่ภิกษุนั้น แต่พึงกลับใน 7 วัน
5. ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุเป็นผู้ต้องครุธรรม1 ควรอยู่ปริวาส
ถ้าภิกษุนั้นจะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า กระผมต้องครุธรรม ควรอยู่
ปริวาส ขออาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมประสงค์ให้มา ภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุ
นั้นจะไม่ส่งทูตมา ก็ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ ไม่จำต้องกล่าวถึงเมื่อภิกษุนั้นส่งทูตมา
เชิงอรรถ :
1 ครุธรรม ในที่นี้หมายถึงอาบัติสังฆาทิเสส (ดู องฺ.อฏฺฐก. อ. 3/51/263)
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [3. วัสสูปนายิกขันธกะ] 110. ปัญจอัปปหิตานุชานนา
พึงไปด้วยตั้งใจว่า เราจักทำความขวนขวายให้ปริวาส หรือจักช่วยสวดกรรมวาจา
หรือจักเป็นคณปูรกะ1 แต่พึงกลับใน 7 วัน
6. ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุเป็นผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม
ถ้าภิกษุนั้นจะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า กระผมเป็นผู้ควรชักเข้าหา
อาบัติเดิม ขออาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมประสงค์ให้มา ภิกษุทั้งหลาย
แม้ภิกษุนั้นจะไม่ส่งทูตมา ก็ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ ไม่จำต้องกล่าวถึงเมื่อภิกษุนั้น
ส่งทูตมา พึงไปด้วยตั้งใจว่า เราจักทำความขวนขวายชักเข้าหาอาบัติเดิม หรือ
จักช่วยสวดกรรมวาจา หรือจักเป็นคณปูรกะ แต่พึงกลับใน 7 วัน
7. ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุเป็นผู้ควรมานัต ถ้าภิกษุนั้นจะพึง
ส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า กระผมเป็นผู้ควรมานัต ขออาราธนาภิกษุ
ทั้งหลายมา กระผมประสงค์ให้มา ภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุนั้นจะไม่ส่งทูตมา ก็ไป
ด้วยสัตตาหกรณียะได้ ไม่จำต้องกล่าวถึงเมื่อภิกษุนั้นส่งทูตมา พึงไปด้วยตั้งใจว่า
เราจักทำความขวนขวายให้มานัต หรือจักช่วยสวดกรรมวาจา หรือจักเป็น
คณปูรกะ แต่พึงกลับใน 7 วัน
8. ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุเป็นผู้ควรอัพภาน ถ้าภิกษุนั้นจะ
พึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า กระผมเป็นผู้ควรอัพภาน ขออาราธนาภิกษุ
ทั้งหลายมา กระผมประสงค์ให้มา ภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุนั้นจะไม่ส่งทูตมา
ก็ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ ไม่จำต้องกล่าวถึงเมื่อภิกษุนั้นส่งทูตมา พึงไปด้วยตั้งใจว่า
เราจักทำความขวนขวายให้อัพภาน หรือจักช่วยสวดกรรมวาจา หรือจักเป็น
คณปูรกะ แต่พึงกลับใน 7 วัน
9. ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ สงฆ์ต้องการจะทำกรรม คือ ตัชชนียกรรม
นิยสกรรม ปัพพาชนียกรรม ปฏิสารณียกรรม หรืออุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุ
ถ้าภิกษุนั้นจะพึงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า สงฆ์เป็นผู้ต้องการจะทำกรรม
แก่กระผม ขออาราธนาภิกษุทั้งหลายมา กระผมประสงค์ให้มา ภิกษุทั้งหลาย
เชิงอรรถ :
1 เข้าร่วมสังฆกรรมเพื่อให้ครบองค์สงฆ์