พระวินัยปิฎก มหาวรรค [3. วัสสูปนายิกขันธกะ] 109. สัตตาหกรณียานุชานนา
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้คล้อยตามพระราชา1
109. สัตตาหกรณียานุชานนา
ว่าด้วยทรงอนุญาตสัตตาหกรณียะเมื่อเขาสร้างวิหารถวายเป็นต้น
เรื่องอุบาสกสร้างวิหารเป็นต้นถวาย
[187] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กรุงราชคฤห์ตามพระอัธยาศัย
แล้วได้เสด็จจาริกไปทางกรุงสาวัตถี เสด็จจาริกไปโดยลำดับ จนถึงกรุงสาวัตถี ทราบว่า
พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี ในกรุง
สาวัตถีนั้น
สมัยนั้น อุบาสกชื่ออุเทนได้สร้างวิหารถวายอุทิศสงฆ์ ในแคว้นโกศลแล้วส่งทูต
ไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ข้าพเจ้าปรารถนา
จะถวายทาน ฟังธรรมและเห็นภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุทั้งหลายตอบไปว่า คุณโยม พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ภิกษุเข้า
จำพรรษาแล้วไม่อยู่ให้ตลอด 3 เดือนพรรษาต้น หรือ 3 เดือนพรรษาหลัง ไม่พึง
หลีกจาริกไป ขอโยมอุเทนจงรอจนกว่าภิกษุอยู่จำพรรษาจนออกพรรษาแล้วจักมา
แต่ถ้าโยมมีธุระจำเป็นรีบด่วน ก็ขอให้ถวายวิหารไว้ในสำนักภิกษุที่อยู่ในอาวาส ใน
แคว้นโกศลนั่นแหละ
อุบาสกอุเทนจึงตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า ไฉนเมื่อเราส่งทูตไปแล้ว
พระคุณเจ้าทั้งหลายจึงไม่มาเล่า เราก็เป็นทายก เป็นผู้สร้าง เป็นผู้บำรุงพระสงฆ์
เชิงอรรถ :
1 หมายถึงให้คล้อยตามบ้านเมือง แม้ในเรื่องอื่นที่ชอบธรรม ก็พึงคล้อยตาม แต่ไม่พึงคล้อยตามใคร ๆ
ในเรื่องที่ไม่ชอบธรรม (วิ.อ. 3/185-6/146)