เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวรรค [2. อุโปสถขันธกะ] 77. อุโปสถาเภทาทิ
เรื่องอาการที่ทำอุโบสถ
ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายได้มีการสนทนากันดังนี้ว่า “การทำอุโบสถมีเท่าไรหนอ”
จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย การทำอุโบสถนี้มี 4 อย่าง1 คือ
1. การทำอุโบสถแบ่งพวกโดยไม่ชอบธรรม
2. การทำอุโบสถพร้อมเพรียงกันโดยไม่ชอบธรรม
3. การทำอุโบสถแบ่งพวกโดยชอบธรรม
4. การทำอุโบสถพร้อมเพรียงกันโดยชอบธรรม
ภิกษุทั้งหลาย ในการทำอุโบสถ 4 อย่างนั้น การทำอุโบสถใดแบ่งพวกโดย
ไม่ชอบธรรม การทำอุโบสถเช่นนั้น ไม่พึงทำและเราไม่อนุญาตการทำอุโบสถเช่นนั้น
การทำอุโบสถใดพร้อมเพรียงกันโดยไม่ชอบธรรม การทำอุโบสถเช่นนั้น ไม่พึง
ทำและเราไม่อนุญาตการทำอุโบสถเช่นนั้น
การทำอุโบสถใดแบ่งพวกโดยชอบธรรม การทำอุโบสถเช่นนั้น ไม่พึงทำและเรา
ไม่อนุญาตการทำอุโบสถเช่นนั้น
การทำอุโบสถใดพร้อมเพรียงกัน โดยชอบธรรม การทำอุโบสถเช่นนั้น พึงทำ
และเราอนุญาตการทำอุโบสถเช่นนั้น

เชิงอรรถ :
1 เช่น ถ้าในวัดหนึ่ง มีภิกษุ 4 รูป ภิกษุ 3 รูปนำฉันทะและปาริสุทธิของภิกษุรูปหนึ่งมาทำปาริสุทธิอุโบสถ
หรือมีภิกษุอยู่ 3 รูป ภิกษุ 2 รูปนำฉันทะและปาริสุทธิของภิกษุรูปหนึ่งมายกปาติโมกข์ขึ้นแสดง นี้ชื่อ
ว่า การทำอุโบสถแบ่งพวกโดยไม่ชอบธรรม
ภิกษุ 4 รูป ประชุมกันทำปาริสุทธิอุโบสถ ภิกษุ 3 หรือ 2 รูป ยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง นี้ชื่อว่า
การทำอุโบสถพร้อมเพรียงกันโดยไม่ชอบธรรม
มีภิกษุ 4 รูป ภิกษุ 3 รูปนำปาริสุทธิของภิกษุรูปหนึ่งมายกปาติโมกข์ขึ้นแสดง หรือมีภิกษุ
3 รูป ภิกษุ 2 รูปนำปาริสุทธิของภิกษุรูปหนึ่งมา ทำปาริสุทธิอุโบสถ นี้ชื่อว่า การทำอุโบสถแบ่ง
พวกโดยชอบธรรม
ภิกษุ 4 รูป อยู่ในวัดหนึ่ง ทั้งหมดประชุมกันยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง ภิกษุ 3 รูปทำปาริสุทธิอุโบสถ
ภิกษุ 2 รูปทำปาริสุทธิอุโบสถต่อกันและกัน นี้ชื่อว่า การทำอุโบสถพร้อมเพรียงกันโดยชอบธรรม
(วิ.อ. 3/149/130-131)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 4 หน้า :227 }


พระวินัยปิฎก มหาวรรค [2. อุโปสถขันธกะ] 78. สังขิตตปาติโมกขุทเทสาทิ
ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล พวกเธอพึงสำเหนียกไว้ว่า จักทำอุโบสถ
กรรมชนิดที่พร้อมเพรียงกันโดยชอบธรรม ดังนี้ พวกเธอพึงสำเหนียกไว้อย่างนี้แล

78. สังขิตตปาติโมกขุทเทสาทิ
ว่าด้วยการยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงโดยย่อเป็นต้น

เรื่องประเภทแห่งปาติโมกขุทเทส
[150] ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายได้มีความสงสัยว่า “การยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง
มีเท่าไรหนอ” จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย การยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงนี้มี
5 แบบ คือ
1. ภิกษุยกนิทานขึ้นแสดงจบแล้ว พึงสวดอุทเทสที่เหลือด้วยสุตบท1นี้
เป็นการยกปาติโมกข์แบบที่ 1
2. ยกนิทานขึ้นแสดง ยกปาราชิก 4 ขึ้นแสดงจบแล้ว พึงสวดอุทเทส
ที่เหลือด้วยสุตบท นี้เป็นการยกปาติโมกข์แบบที่ 2
3. ยกนิทานขึ้นแสดง ยกปาราชิก 4 ขึ้นแสดง ยกสังฆาทิเสส 13 ขึ้น
แสดงจบแล้ว พึงสวดอุทเทสที่เหลือด้วยสุตบท นี้เป็นการยก
ปาติโมกข์แบบที่ 3

เชิงอรรถ :
1 การประกาศ สุตบท คือ การยกนิทานขึ้นแสดงสอบถามย้ำถึงความบริสุทธิ์ของแต่ละท่าน ในธรรม
เหล่านั้น ๆ แล้วประกาศอุทเทสที่เหลือโดยสุตบทอย่างนั้นว่า “ธรรม คือ ปาราชิก 4 ธรรมคือสังฆาทิเสส
13 ธรรมคืออนิยต 2 ธรรมคือนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 30 ธรรมคือปาจิตตีย์ 92 ธรรมคือปาฏิเทสนียะ
4 ธรรมคือเสขิยะ 75 ธรรมคืออธิกรณสมถะ 7 ท่านทั้งหลายได้ฟังแล้ว สิกขาบทของพระผู้มีพระภาค
นั้นมีเท่านี้ มาในสูตร นับเนื่องในสูตร มาสู่วาระที่จะยกขึ้นแสดงเป็นข้อ ๆ ตามลำดับทุกกึ่งเดือน
พวกเราทั้งหมด พึงพร้อมเพรียงกันร่วมใจกัน ไม่วิวาทกัน ศึกษาในพระสูตรนั้นเทอญ” (วิ.อ. 3/150/131)
สุตบทในอีก 4 วิธีที่เหลือ มีนัยเหมือนกับวิธีที่ 1 เพียงแต่ยกขึ้นแสดงจบตอนใดแล้ว ก็ไม่ต้องประกาศ
ตอนนั้นไว้ในสุตบทอีก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 4 หน้า :228 }