เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวรรค [1.มหาขันธกะ] 41. ราหุลวัตถุ
ไตรสรณคมน์
ว่าด้วยการถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ
ข้าพเจ้า ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ
ข้าพเจ้า ขอถึงพระธรรมเป็นสรณะ
ข้าพเจ้า ขอถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ
ข้าพเจ้า ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ แม้ครั้งที่ 2
ข้าพเจ้า ขอถึงพระธรรมเป็นสรณะ แม้ครั้งที่ 2
ข้าพเจ้า ขอถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ แม้ครั้งที่ 2
ข้าพเจ้า ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ แม้ครั้งที่ 3
ข้าพเจ้า ขอถึงพระธรรมเป็นสรณะ แม้ครั้งที่ 3
ข้าพเจ้า ขอถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ แม้ครั้งที่ 3
ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตการบรรพชาเป็นสามเณรด้วยไตรสรณคมน์เหล่านี้”
ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตรได้ให้พระราหุลบรรพชาแล้ว

เรื่องพระเจ้าสุทโธทนะทูลขอพร1
ครั้งนั้น พระเจ้าสุทโธทนศากยะได้เสด็จไปเฝ้าพระผู้พระภาคถึงที่ประทับ
ครั้นถึงแล้วได้ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วประทับนั่ง ณ ที่สมควร ได้กราบทูล
พระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “พระเจ้าข้า หม่อมฉันทูลขอพรพระผู้มีพระภาคอย่างหนึ่ง”

เชิงอรรถ :
1 ในวันที่ 2 หลังจากที่เสด็จถึงกรุงกบิลพัสดุ์แล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าไปบิณฑบาตในกรุงกบิลพัสดุ์ในเวลาเช้า
พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบข่าว จึงเสด็จไปหา ตรัสว่า การที่พระพุทธองค์เสด็จเที่ยวบิณฑบาตนี้ ทำให้
ข้าพระองค์ละอายยิ่งนัก พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า การเที่ยวบิณฑบาตนี้เป็นวงศ์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
แล้วตรัสพระคาถาว่า
ไม่ควรประมาทในบิณฑบาตที่พึงลุกรับ พึงประพฤติธรรมให้สุจริต
ผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
เมื่อตรัสพระคาถานี้จบ พระเจ้าสุทโธทนะบรรลุโสดาปัตติผล ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคได้เสด็จเข้าพระ
นิเวศน์ตรัสพระคาถาว่า
พึงประพฤติธรรมให้สุจริต ไม่พึงประพฤติธรรมให้ทุจริต
ผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
พระเจ้าสุทโธทนะทรงบรรลุสกทาคามิผล วันต่อมาได้ทรงสดับธรรมปาลชาดก ทรงบรรลุอนาคามิผล
ก่อนที่จะสวรรคตประทับบนแท่นบรรทมภายใต้เศวตฉัตร ทรงบรรลุอรหัตตผล (วิ.อ. 3/105/71-72,
สารตฺถ.ฏีกา 3/105/301)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 4 หน้า :166 }