เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวรรค [1.มหาขันธกะ] 26. ปัญจาพาธวัตถุ
พวกเราพึงบรรพชาในพวกสมณะเชื้อสายศากยบุตร ในที่นั้นภิกษุทั้งหลายจักพยาบาล
และหมอชีวกโกมารภัจจักรักษา เราหายโรคก็จะสึก” จึงเข้าไปขอการบรรพชา ภิกษุ
ทั้งหลายได้ให้บรรพชาให้อุปสมบท
พวกภิกษุก็ต้องพยาบาลและหมอชีวกโกมารภัจก็ต้องรักษา เขาหายโรคแล้วก็
สึก
หมอชีวกโกมารภัจเห็นบุรุษนั้นสึกจึงถามว่า “ท่านได้บรรพชาในหมู่ภิกษุมิใช่หรือ”
บุรุษนั้นตอบว่า “ใช่ ขอรับ”
“ท่านได้ทำเช่นนั้นเพื่ออะไร”
บุรุษนั้นได้บอกเรื่องนั้นให้หมอชีวกโกมารภัจทราบ
หมอชีวกโกมารภัจจึงตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉนพระคุณเจ้า
ทั้งหลาย จึงให้กุลบุตรผู้ถูกโรค 5 ชนิดเบียดเบียนบรรพชาเล่า” แล้วเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ครั้นถึงแล้ว ได้ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง
ณ ที่สมควร กราบทูลว่า “ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายไม่พึง
ให้กุลบุตรผู้ถูกโรค 5 ชนิดเบียดเบียนบรรพชา พระพุทธเจ้าข้า”
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้หมอชีวกโกมารภัจเห็นชัด ชวนให้อยาก
รับไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมี
กถาแล้ว
ลำดับนั้น หมอชีวกโกมารภัจซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นชัด ชวนให้
อยากรับไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วย
ธรรมีกถาแล้วจึงลุกจากที่นั่งถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณจากไป

ทรงห้ามคนเป็นโรคติดต่อบรรพชา
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถาเพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ แล้ว
รับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรผู้ถูกโรค 5 ชนิดเบียดเบียน
ไม่พึงให้บรรพชา รูปใดให้บรรพชา ต้องอาบัติทุกกฏ”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 4 หน้า :144 }


พระวินัยปิฎก มหาวรรค [1.มหาขันธกะ] 27. ราชภฏวัตถุ
27. ราชภฏวัตถุ
ว่าด้วยราชภัฏบรรพชา1

พระเจ้าพิมพิสารทูลขออนุญาต
[90] สมัยนั้น เขตชายแดนของพระเจ้าพิมพิสารจอมทัพมคธรัฐเกิดความ
วุ่นวายขึ้น ท้าวเธอทรงรับสั่งเหล่ามหาอมาตย์ผู้เป็นแม่ทัพนายกองว่า “ท่าน
ทั้งหลายจงไปปราบเขตชายแดนให้สงบ”
เหล่ามหาอมาตย์ ผู้เป็นแม่ทัพนายกอง ทูลรับสนองพระกระแสรับสั่งของ
พระเจ้าพิมพิสารจอมทัพมคธรัฐ
ขณะนั้น พวกทหารที่มีชื่อเสียงต่างมีความปริวิตกว่า พวกเรายินดีในการรบ
จะไปทำบาปกรรม และจะประสพสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมาก ด้วยอุบายอย่างไรหนอ
พวกเราจะพึงเว้นจากกรรมชั่ว และทำกรรมดีได้เล่า
ทหารเหล่านั้นก็มีความคิดว่า “พระสมณะเชื้อสายศากยบุตรเหล่านี้ประพฤติ
ธรรม ประพฤติสงบ ประพฤติพรหมจรรย์ กล่าววาจาสัตย์ มีศีล มีกัลยาณ
ธรรม ถ้าพวกเราจะพึงบรรพชาในพวกสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรไซร้ ด้วยอุบาย
อย่างนี้ พวกเราจะพึงเว้นจากกรรมชั่วและทำกรรมดีได้” จึงพากันเข้าไปขอการ
บรรพชา ภิกษุทั้งหลาย ได้ให้บรรพชาให้อุปสมบท
เหล่ามหาอมาตย์ผู้เป็นแม่ทัพนายกอง ถามพวกราชภัฏว่า “ทหารผู้มีชื่อนี้
และมีชื่อนี้หายไปไหน”
พวกราชภัฏเรียนว่า “ทหารผู้มีชื่อนี้และมีชื่อนี้ไปบรรพชาในหมู่ภิกษุแล้ว
ขอรับ”
เหล่ามหาอมาตย์ผู้เป็นแม่ทัพนายกอง พากันตำหนิ ประณาม โพนทะนา
ว่า “ไฉนพระสมณะเชื้อสายศากยบุตรทั้งหลายจึงได้ให้ราชภัฏบรรพชาเล่า” แล้ว
นำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระเจ้าพิมพิสารจอมทัพมคธรัฐให้ทรงทราบ

เชิงอรรถ :
1 ราชภัฏ หมายถึงอมาตย์ มหาอมาตย์ หรือคนรับใช้ได้รับฐานันดรบางอย่างแล้วหรือยังไม่ได้รับ เป็นผู้ที่
พระราชาทรงเลี้ยงดูด้วยข้าวและเงินเดือน (วิ.อ. 3/90/57-58)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 4 หน้า :145 }