ทุติยอิพฺภวาทวณฺณนา
[265] อปรทฺธุนฺติ อปรชฺฌิํสุฯ เอกมิทาหนฺติ เอตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํฯ เอกํ อหนฺติ อตฺโถฯ สนฺธาคารนฺติ รชฺชอนุสาสนสาลาฯ สกฺยาติ อภิสิตฺตราชาโน ฯ สกฺยกุมาราติ อนภิสิตฺตาฯ อุจฺเจสูติ ยถานุรูเปสุ ปลฺลงฺกปีฐกเวตฺตาสนผลกจิตฺตตฺถรณาทิเภเทสุฯ สญฺชคฺฆนฺตาติ อุปฺปณฺฑนวเสน มหาหสิตํ หสนฺตาฯ สํกีฬนฺตาติ หสิตมตฺต กรณองฺคุลิสงฺฆฏฺฏนปาณิปฺปหารทานาทีนิ กโรนฺตาฯ มมญฺเญว มญฺเญติ เอวมหํ มญฺญามิ, มมญฺเญว อนุหสนฺติ, น อญฺญนฺติฯ
กสฺมา ปน เต เอวมกํสูติ? เต กิร อมฺพฏฺฐสฺส กุลวํสํ ชานนฺติฯ อยญฺจ ตสฺมิํ สมเย ยาว ปาทนฺตา โอลมฺเพตฺวา นิวตฺถสาฏกสฺส เอเกน หตฺเถน ทุสฺสกณฺณํ คเหตฺวา ขนฺธฏฺฐิกํ นาเมตฺวา มานมเทน มตฺโต วิย อาคจฺฉติฯ ตโต – ‘‘ปสฺสถ โภ อมฺหากํ ทาสสฺส กณฺหายนโคตฺตสฺส อมฺพฏฺฐสฺส อาคมนการณ’’นฺติ วทนฺตา เอวมกํสุฯ โสปิ อตฺตโน กุลวํสํ ชานาติฯ ตสฺมา ‘‘มมญฺเญว มญฺเญ’’ติ ตกฺกยิตฺถฯ
อาสเนนาติ ‘‘อิทมาสนํ, เอตฺถ นิสีทาหี’’ติ เอวํ อาสเนน นิมนฺตนํ นาม โหติ, ตถา น โกจิ อกาสิฯ
ตติยอิพฺภวาทวณฺณนา
[266] ลฏุกิกาติ เขตฺตเลฑฺฑูนํ อนฺตเรนิวาสินี ขุทฺทกสกุณิกาฯ กุลาวเกติ นิวาสนฏฺฐาเนฯ กามลาปินีติ ยทิจฺฉกภาณินี, ยํ ยํ อิจฺฉติ ตํ ตํ ลปติ, น ตํ โกจิ หํโส วา โกญฺโจ วา โมโร วา อาคนฺตฺวา ‘‘กิํ ตฺวํ ลปสี’ติ นิเสเธติฯ อภิสชฺชิตุนฺติ โกธวเสน ลคฺคิตุํฯ
เอวํ วุตฺเต มาณโว – ‘‘อยํ สมโณ โคตโม อตฺตโน ญาตเก ลฏุกิกสทิเส กตฺวา อมฺเห หํสโกญฺจโมรสทิเส กโรติ, นิมฺมาโน ทานิ ชาโต’’ติ มญฺญมาโน อุตฺตริ จตฺตาโร วณฺเณ ทสฺเสติฯ