เมนู

ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ภาค 1
บทนำ
อู่อารยธรรมของโลก
กำเนิดแห่งอารยธรรมของโลก เราพอแบ่งได้เป็น 4 อู่ด้วย
กัน คือ
1. อู่อารยะรรมแห่งแม่น้ำไนล์ อู่นี้มีอายุเก่าแก่ประมาณ
7,000 ปีมาแล้ว มีทำเลอยู่ในประเทศอียิปต์ ทวีปอาฟริกาเดี่ยวนี้
สัญลักษณ์แห่งอารยธรรม อาทิ เช่น อักษรรูปภาพ ซึ่งเป็นอักษรที่
เก่าที่สุดของโลก และปิรามิดใหญ่ซึ่งเป็นสุสานฝั่งพระศพของกษัตริย์อียิปต์
โบราณ
2. ออารยธรรมแห่งลุ่มน้ำไตกริส และยูเฟรตีส วึ่งมีทำเล
อยู่ในเอเชียไมเนอร์ หรือเอเชียตะวันตก ปัจจุบันได้แก่ที่ตั้งประเทศ
ซีเรีย อิรัค และจอร์แดนน เป็นต้น มีอายุประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว
และมีชนชาติโบราณเป็นเจ้าของ เช่น พวกสุเมอร์เรียน พวกเฟนิเซียน
พวกอัสสิเรียน อารธรรมอู่นี้ ภายหลังนี้ได้เข้าไปฝั่งรากแห่งความเจริญ
ให้แก่พวกกรีกและโรมัน ในยุโีรบ
3. อู่อารยธรรมแห่งลุ่มน้ำเหลือง อู่นี้มีทำเลอยู่ตอนเหนือ
ของประเทศจีนเดี๋ยวนี้มีอายุประ 4,000 ปีมาแล้ว และเป็นอุ๋ที่มี
อารยธรรมยั่งยืนตรายถึงทุกวันนี้ มีประชากรไม่ต่ำกว่า 600 ล้านคน
































และยังมีประเทศบริวารซึ่งรับอารยธรรมจากอู่นี้ไปหลายแห่ง เช่น ญวน
เกาหลี และญี่ปุ่น
4. อู่อารยะธรรมแห่งแม่น้ำสินธุและคงคา อู่นี้มีทำเลอยู่
ในอินเดียตอนเหนือ และตอนกลาง มีอายุประมาณ 4,000 ปี
เหมือนกัน และยั่งยืนถึงปัจจุบันด้วย มีประชากรประมาณ 400 ล้สน
คน และมีประเทศบริวารทีรับอารยธรรมไป เช่น ลังกา, พม่า, ไทย,
เขมร, ลาว, อินโดนีเซีย, และฟิลิปปินส์ เป็นต้น
นอกจากนี้อารยธรรมอู่นี้ยังได้นำความเจริญมาสู่จิตใจและวัตถุ
เป็นอย่างสูงให้แก่คนโลกครึ่งค่อนโลกอีกด้วย นั่นคือ พระพุทธ
ศาสนา
ภูมิประเทศอินเดีย
อินเดียมีภูมิประเทศและลมฟ้าอากาศ ตั้งแต่หนาวสุดจนกระทั่ง
ร้อนสุด ในเขตหนสวได้แก่บริเวณที่ราบสูงของเทือกเขาหิมาลัย ส่วน
เขตร้อนได้แก่บริเวณทะเลทราย ในแคว้นราชสถานทางอินเดีย
ตะวันตก และภาคใต้ของประเทศ ส่วนในเขตที่มีฝนตกชุกได่แก่บริเวณ
อินเดียตะวันนออกต่อแดนพม่า ในเขตทีอุดมสมบูรณ์มากคือ แถบลุ่ม
แม่น้ำสินธุและคงคา กับภาคใต้ของประเทศ เพราะฉะนั้นอินเดียจึง
มีความสมบูรณ์และแห้งแล้ง เป็นปัจจัยให้นักคิดทางปรัญญาได้
เปรียบเทียบข้อเท็จจริงระหว่างความสุขและความทุกข์ของชีวิตไ่ด้เป็น
อย่างดี โดยลักษณะทั่วไปแล้ว อินเดียใรลักษณะเป็นแหลมยื่นลงใน
มหาสมุทรอินเดีย


































































































































































































































































































































































อินเดียก่อนพวกอารยัน
อินเดียเป็นประเทศที่มีมนุษย์พูดภาษไม่เหมือนกันกว่า 200
ประเภท ปัจจุบันนี้แบ่งได้เป็นพวกใหญ่ คือ พวกฮินดู พวกเบ็งคาลี
พวกมหาราษฎรฺ พวกทมิฬ พวกซิกซ์ ฯลฯ
นักโบราณณคดี ได้ขุดดค้นพบว่า เมื่อราวล้านเป็นเศษมาแล้ว มี
มนุษย์อาศัยอยู่ในประเทศอืนเดียเป็นหลักฐาน คือ พวกมนุษย์ยุคหิน
แล้วเปลี่ยนมาเป็นยุคทองแดง แต่มนุษย์พวกนี้จะได้สืบพงศ์พันธุ์ มาถึง
ปัจจุบันหรือไม่ ยังไม่มีหลักฐานปรากฎชัด เท่าที่ปรากฎเป็นหลักฐาน
เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อ 4,000 ปี ก่อนพุทธศักราช ได้มีมนุษย์เผ่า
นิกริโต ซึ่งเป็นพวกผิวดำ ผมหยิก คล้ายกัยพวกนิโกรเดี๋ยวนี้ อาศัย
อยู่ในประเทศอินเดีย พวกนี้มีอารยธรรมในขั้นต่ำมาก เช่นเดียวกับ
พวกคนป่าในใจกลางทวีปออสเตรเลีย ต่อมาถึงราว 2,000 ปี หรือ
3,000 ปีก่อนพุทธศักราช ได้มีมนุษย์สองพวกอพยพเข้ามาสู่อินเดีย
พวกหนึ่งเรียกว่า พวกทราวิฑ ซึ่งฝรั่งเรียกว่า ดาราวิเดียน พวก
นี้มีอารยธรรมสูง เข้ามาสร้างบ้านเมืองอยู่ในแถบลุ่มแม่น้ำสินธุ รู้จักใช้
หนังสือและมีอุตสาหกรรมในครอบครัว นักโบราณคดีได้ขุดพบนคร
โบราณของพวกนี้ ในตำบลที่เรียกกันว่า โมเหนโจทาโร เป็นเมือง
สร้างลงไปเป็นชั้นๆ ถึงเจ็ดชั้น มีถนน และพบเหรียญตราด้วย ตลอด
คำจารีกซึ่งยังไม่มีผู้ใดอ่านออก พบภาพเขียนเป็นรูปโค แสดงว่า
พวกนี้เลี้ยงปศุสัตว์ พวกทราวิฑ ผิวคล้ำ มีศูนย์กลางอยู่ที่ลุ่มแม่น้ำสินธุ
ต่างจากมนุษย์อีกพวกหนึ่งในสกุลมงโกลอย ผิวเหลือง อพยเข้ามา










ทางตะวันออกลงมาตั้งมั่นทางภาคเหนือของลุ่มแม่น้ำ ยมุนา และคงคา
แต่พวกนี้มีไม่มากเหมือนพสกทราวิฑ
พื้นฐานของพวกอารยัน
พวกอารยันเป็นมนุษย์เผ่าใหญ่ของโลก เช่นเดียวกัมนุษย์เผ่า
มงดกลอย มนุษย์เผ่าต่างๆ แต่ดึงดำบรรพ์มาแล้ว มีรกรากอยู่ในใจ
กลางทวีปเอเซีย ซึ่งเมื่อหลายแสนปีมาแล้ว ในกลางทวีปเอเซียมีได้
มรุกันดารอย่างเดี๋ยวนี้ แต่เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ จำเนียรกาล
ต่อมาได้เกิดความวิปริตทางธรรมชาติ ทำให้เกิดแห้งแล้งขึ้นจนบางแห่ง
กลายเป็นทะเลทราย มนุษย์ต่าง ๆ จึงไม่สามารถจะอาศัยต่อไปได้
แยกย้ายกันอพยพไปสู่กภาคต่างๆ ของโลก ในกาละครั้งนั้น แผ่นดินของ
ทวีปต่างๆ ยังติดเนื่องกัน อาจเดินกันได้ จึงเป็นนเหตุให้มนุษย์เข้า
ไปตั้งรกรากอยู่ ตามทวีปต่าง ๆ พวกอารยันเป็นบรรพบุรุษของชนชาติ
ต่างๆ ในโลกที่สำคัญ ทั้งในยุโรปเอเซีย อาฟริกา เช่น พวกโรมัน
กรีซ อังกฤษ เยอรมัน และฝรั่งเศษ และพวกอียิปต์โบราณ พวก
บาบิโลน พวกเฟนีเซียน พงกอาหรับ ยิว อิหร่าน และอินเดียอารยัน
โดยปกตินั้น พวกอารยัน ผิวขาว นัยน์ตาสีฟ้า แต่เมื่อมีการผสมพันธุ์
กับพวกพื้นเมือง ก็ทำให้เปลี่ยนแปลงไป คือ ผิวอาจไม่ขาว และตา
อาจเป็นสีอื่น เช่นเดียวกับพวกอารยันในอินเดียและพวกอาหรับ
เป็นต้น ราว 2,000 ปีก่อนพุทธศักราช พวกอารยันสาขาหนึ่ง ได้
อพยพมุ่งหน้ามาทางตะวันออก จากทะเลสาบแคสเปี่ยน พวกนี้เมื่อ
อพยพมาถึงตอนเหนือของอาฟกานิสถาน ได้เกิดการแตกแยกสามัคคี


ในเรื่องลัทธิศาสนา จึงแยกออกเป็นสองพวก พวกหนึ่งบ่ายหน้าลงมา
ทางใต้เข้าสู่ประเทศอิหร่านเดี๋ยวนี้ กลายเป็นชนชาติอิหร่าน หรือเรียก
กันแต่ก่อนว่าพวกเปอร์เซีย อีกพวกหนึ่งมุ่งหน้ามาทางตะวันออกเฉียง-
ใต้ ผ่านช่องเขาไคเบอร์ สู่อินเดียทางตอนเหนือของลุ่มแม่น้ำสินธุ์ ที่
รู้ว่าพวกอิหร่านกับอารยันอินเดียแต่เดิมเป็นพวกเดียวกันมาก่อนนั้น ก็
เพราะลัทธิศาสนา ตลอดจนภาษาที่ใช้คล้ายคลึงกันมากเช่น พระ-
เป็นเจ้าของพวกอารยันอินเดียองค์สำคัญคือ อินทระ แต่ฝ่ายอิหร่าน
ถือว่า อินทระ เป็นศัตรูกับพระเจ้าของเขาที่เรียกว่า อาหุระ แต่อาหุระ
นี้พวกอารยันอินเดียถือว่าเป็นศัตรู และเรียกว่า อาสุระ นั่นเอง
วรรรณคดี ของอิหร่านกับอินเดีย กล่าวถึงเทวสุรสงคราม คือพวก
เทวดาและอสูรรบกันชิงความเป็นใหญ่ เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงทาง
ประวัติศาสตร์ คือเป็นเรื่องของพวกอารยันชิงอำนาจกันก่อนหน้าจะเข้า
มาอิหร่านและอินเดีย แล้วในที่สุดแยกพวกเด็ดขาด พวกที่ไปอยู่ใน
อิหร่านเป็นพวกอสูร ส่วนพวกเทวดาคือพวกที่เข้ามาอินเดีย ศาสนา
โบราณของชาวอิหร่านที่เรียกว่า ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ถือว่าพระ-
เป็นเจ้าของเขาเรียกว่า อาหุระ เป็นศัตรูกีบพนะอินทร์ ซึ่งเป็นการชี้
ให้เห็นอย่างชัดเจน ในการแตกแยกทางศาสนาระหว่างพวกอารยันสอง
เผ่านี้ จนเป็นเหตุให้ต้องแยกทางกันเดิน คือพวกที่นับถืออสูรเป็น
พระเจ้า (อิหร่านโบราณออกเสียงตัว ส เป็น ห ) ลงมาตั้งราก-
ฐานอยู่ในประเทศอิหร่านเดี๋ยวนี้ ส่วนพวกที่นับถือพระอินทร์เป็นพระ-
เจ้าก็แยกมาอินเดีย พวกอารยันไนอินเดียได้รบชนะพวกทราวิฑ ไล่



พวกเหล่านี้ลงไปอยู่ทางใต้ แล้วสร้างอาณาจักรขึ้นครอบครองในกลุ่ม
แม่น้ำสินธุและคงคา พวกอารยันในชั้นแรกเป็นพวกเลี้ยงปัตุสัตว์ แยก
กันเป็นคณะ เรียกว่า โคตร ในโคโตรหนึ่งๆ มีหัวหน้าเป็นผู้นำใน
การป้องกันปศุสัตว ์ พวกนี้จึงชื่อว่า ราชา ครั้นมาอยู่อินเดียแล้วเปลี่ยน
อาชีพจากการพเนจรมาทำเกษตรกรรม พวกหัวหน้าจึงได้ชื่อว่าขัตติยะ
ในหมู่พวกอารยัน มีคัมภีร์ทางศาสนา ซึ่งแต่เดิมแต่งเป็นบทเพลงไว้
สวด ในเวลาทำศึกบ้าง ในเวลาสังเวยบ้าง ราวก่อนพุทธกาล 2,000 ปี
ได้รับผู้รวบรวมบทเพลงเหล่านี้เป็นหมวดหมู่เรียกว่า ฤคเวท คัมภีร์
ฤคเวทจึงสะท้อนภาพังคมของชาวอารยันในสมัยนั้น จนนักปราชญ์
นับถือกันว่า เป็นประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในสมัยดึกดำบรรพ์ ซึ่งจำถ่าย
ทอดกันมา เพิ่งจะมาจารึกเป็นตัวอักษร หลังพุทธปรินิพพานร่วม 1
พันปี ทัศนะในเรื่องพระเจ้าในยุคพระเวทนี้ พวกอารยันนับถือเทวรูป
ประจำธรรมชาติต่าง ๆ ซึ่งเป็นธรรมดาทั่วไปของมนุษย์ในยุคดึกดำบรรพ์
เข้าลักษณะพหเทวนิยม พวกอารยันที่มีหน้าที่ท่องจำพระเวท
เหล่านี้ ได้กลายเป็นชนวรรณะพราหมณ์ขึ้น ต่อมาราว 1,500 ปีก่อน
พุทธกาล พวกพราหมณ์ได้แต่งขยาย คัมภีร์ฤคเวท ออกมาใหม่สอง
คัมภีร์ ให้ชื่อว่า สามเวท และยชุรเวท เนื้อความก็เป็นบทเห่กล่อม
แสดงความจงรักภักดีและกลัวเกรงต่อพระเป็นเจ้าต่าง ๆ มาถึงยุคนี้พวก
อารยันได้สร้างบ้านเมืองใหญ่ๆ ขึ้นหลายแห่ง การอาชีพนอกจาก
โครักขกรรมและเกษตรกรรมแล้ว พาณิชยกรรมและอุตสาหรรมก็
เฟื่องฟูขึ้น ฤาษีอคัสตยะได้พาอารยธรรมลงไปสู่อินเดียภาคใต้ ส่วนทาง