เมนู

คัณฐีธัมมปทัฏฐกถา
ยกศัพท์แปล ภาค 4

เรื่องพระราธเถระ
1. 2/16 ตั้งแต่ อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ
เป็นต้นไป.
อถ ครั้งนั้น เอกทิวสํ ในวันหนึ่ง ภิกฺขู อ. ภิกษุ ท. กถํ
ยังวาจาเป็นเครื่องกล่าวว่า กิร ได้ยินว่า สารีปุตฺตตฺเถโร อ. พระ
เถระชื่อว่าสารีบุตร กตญฺญู เป็นผู้รู้ซึ่งอุปการะอันบุคคลอื่นกระทำแล้ว
กตเวที เป็นผู้รู้ซึ่งอุปการะตอบอันตนกระทำแล้วโดยปกติ (หุตฺวา)
เป็น สริตฺวา ระลึกได้แล้ว อุปการํ ซึ่งอุปการะ กฏจฺฉุภิกฺขามตฺตํ
อันมีภิกษุอันบุคคลพึงถือเอาด้วยทัพพีเป็นประมาณ ทุคฺคตพฺราหฺมณํ
ยังพราหมณ์ผู้ถึงแล้วซึ่งทุกข์ ปพฺพาเชสิ ให้บวชแล้ว ราธตฺเถโรปิ
แม้ อ. พระเถระชื่อว่าราธะ โอวาทกฺขโม เป็นผู้อดทนต่อการโอวาท
(หุตฺวา) เป็น ลภิ ได้แล้ว โอวาทกฺขมํเอว อาจริยํ ซึ่งอาจารย์ ผู้
อดทนในการสั่งสอนนั่นเทียว อิติ ดังนี้ สมุฏฺฐาเปสุํ ให้ตั้งขึ้นพร้อม
แล้ว ธมฺมสภายํ ในธรรมสภา ฯ

สตฺถา อ. พระศาสดา สุตฺวา ทรงสดับแล้ว กถํ ซึ่งวาจาเป็น
เครื่องกล่าว เตสํ ภิกฺขูนํ ของภิกษุ ท.เหล่านั้น วตฺวา ตรัสแล้วว่า
ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุ ท. (สารีปุตฺโต) อ. ภิกษุชื่อสารีบุตร (กตญฺญู)
เป็นผู้รู้อุปการะอันบุคคลอื่นกระทำแล้ว (กตเวที) เป็นผู้รู้ซึ่งอุปการะ
ตอบอันตนกระทำแล้วโดยปกติ (โหติ) ย่อมเป็น อิทานิเอว ใน
กาลนี้นั่นเทียว น หามิได้ สารีปุตฺโต อ. ภิกษุชื่อว่าสารีบุตร กตญฺญู
เป็นผู้รู้ซึ่งอุปการะอันบุคคลอื่นกระทำแล้ว กตเวที เป็นผู้รู้ซึ่งอุปการะ
ตอบอันตนกระทำแล้วโดยปกติ (อโหสิ) ได้เป็นแล้ว ปุพฺเพปิ แม้
ในกาลก่อน อิติ ดังนี้ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ ตรัสให้พิสดารแล้ว
อลีนจิตฺตชาตกํ ซึ่งชาดกอันบัณฑิตกำหนดแล้วด้วยพระกุมารพระนามว่า
อลีนจิต ทุกนิปาเท ในทุกนิบาต อิมํ นี้ว่า

จมู อ. เสนา มหตี หมู่ใหญ่ นิสฺสาย อาศัยแล้ว
อลีนจิตฺตํ ซึ่งพระกุมารพระนามว่าอลีนจิต ปหฏฺฐา
ร่าเริงทั่วแล้ว อคาหยิ ได้ยังช้างให้จับเอาแล้ว
โกสลํ ซึ่งพระราชาพระนามว่าโกศล อสนฺตุฏฺฐํ
ผู้ไม่ทรงยินดีด้วยดีแล้ว เสน รชฺเชน ด้วยความ
เป็นแห่งพระราชา อันเป็นของพระองค์ ชีวคฺคาหํ
จับเอาด้วยความเป็นอยู่ ภิกฺขุ อ. ภิกษุ นิสฺสย-
สมฺปนฺโน ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยนิสัย เอวํ อย่างนี้
อารทฺธวีริโย ผู้มีความเพียรอันปรารภแล้ว ธมฺมํ

ยังธรรม กุสลํ อันเป็นกุศล ภาวยํ ให้เป็นอยู่
ปตฺติยา เพื่ออันบรรลุ โยคกฺเขมสฺส ซึ่งธรรม
อันเป็นแดนเกษม จากกิเลสเป็นเครื่องประกอบ
ปาปุเณ พึงบรรลุ สพฺพสํโยชนกฺขยํ ซึ่งความ
สิ้นไปแห่งสังโยชน์ทั้งปวง อนุปุพฺเพน ตามลำดับ
อิติ ดังนี้

ปกาเสตุํ เพื่ออันทรงประกาศ ตํ อตฺถํ ซึ่งเนื้อความนั้น ฯ
กิร ได้ยินว่า หตฺถี อ. ช้าง เอกจาริโก ตัวเที่ยวไปตัวเดียว
วฑฺฒกีหิ ปาทสฺส อโรคกรณภาเวน กตํ อตฺตโน อุปการํ ญตฺวา
สพฺพเสตสฺส หตฺถิโปตกสฺส ทายโก ตัวรู้ซึ่งอุปการะ อันนายช่าง
ไม้ ท. กระทำแล้ว แก่ตน โดยความเป็นคืออันกระทำซึ่งเท้า ให้เป็น
เท้าไม่มีโรค แล้วจึงให้ ซึ่งลูกแห่งช้าง ตัวมีอวัยวะทั้งปวงขาว ตทา
ในกาลนั้น สารีปุตฺตเถโร เป็นพระเถระชื่อว่าสารีบุตร อโหสิ ได้
เป็นแล้ว (เอตรหิ) ในกาลบัดนี้ ฯ
(สตฺถา) อ. พระศาสดา กเถตฺวา ครั้นตรัสแล้ว ชาตกํ ซึ่ง
ชาดก อารพฺภ ทรงพระปรารภ เถรํ ซึ่งพระเถระ เอวํ อย่างนี้
อารพฺภ ทรงพระปรารภ ราธตฺเถรํ ซึ่งพระเถระชื่อว่าราธะ วตฺวา
ตรัสแล้วว่า ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุ ท. ภิกฺขุนา นาม ชื่ออันภิกษุ
สุวเจน พึงเป็นผู้อันบุคคลว่ากล่าวได้โดยง่าย ราเธน วิย พึงเป็นผู้
เพียงดังว่าภิกษุชื่อว่าราธะ ภวิตพฺพํ พึงเป็น (อาจริเยน) โทสํ

ทสฺเสตฺวา โอวทิยมาเนนปิ ผู้แม้อันอาจารย์ แสดงแล้ว ซึ่งโทษ
กล่าวสอนอยู่ น กุชฺฌิตพฺพํ ไม่พึงโกรธ ปน อนึ่ง โอวาททายโก
ปุคฺคโล อ. บุคคล ผู้ให้ซึ่งโอวาท (ภิกฺขุนา) อันภิกษุ ทฏฺฐพฺโพ
พึงเห็น นิธิอาจิกฺขนโก วิย (หุตฺวา) เป็นเป็นผู้เพียงดังว่าผู้บอกซึ่ง
ขุมทรัพย์ อิติ ดังนี้ อนุสนฺธึ ฆเฏฺตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต เมื่อจะ
ทรงสืบต่อ ซึ่งอนุสนธิ แสดงซึ่งธรรม อาห ตรัสแล้ว คาถํ ซึ่ง
พระคาถา อิมํ นี้ว่า
(ปุคฺคโล) อ. บุคคล ปสฺเส พึงเห็น ยํ อาจริยํ
ซึ่งอาจารย์ใด วชฺชทสฺสินํ ผู้มีปกติแสดงซึ่งโทษ
นิคฺคยฺหวาทึ ผู้มีปกติกล่าวข่ม เมธาวึ ผู้มีปัญญา
(กตฺวา) กระทำ ปวตฺตารํ อิว ให้เป็นผู้เพียงดัง
ว่าผู้บอก นิธีนํ ซึ่งขุมทรัพย์ ท. ภเช พึงคบ
(ตํ) อาจริยํ ซึ่งอาจารย์นั้น ตาทิสํ ผู้เช่นนั้น
ปณฺฑิตํ ผู้เป็นบัณฑิต (หิ) เพราะว่า (ปุคฺคลสฺส)
เมื่อบุคคล ภชมานสฺส คบอยู่ ตาทิสํ อาจริยํ
ซึ่งอาจารย์ ผู้เช่นนั้น เสยฺโย คุโณ อ. คุณ
อันประเสริฐกว่า โหติ ย่อมมี ปาปิโย โทโส
อ. โทษอันลามกกว่า น (โหติ) ย่อมไม่มี
อิติ ดังนี้ ฯ

(อตฺโถ) อ. อรรถว่า นิธิกุมฺภีนํ ซึ่งหม้อแห่งขุมทรัพย์ ท.

หิรญฺญสุวณฺณาทิปูรนํ อันเต็มด้วยวัตถุมีเงินและทองเป็นต้น นิทหิตฺวา
ฐปิตานํ อันบุคคลฝังตั้งไว้แล้ว ตตฺถ ตตฺถ ฐเน ในที่นั้นนั้น (อิติ)
ดังนี้ ตตฺถ ปเทสุ ในบท ท. เหล่านั้นหนา (ปทสฺส) แห่งบทว่า
นิธีนํ อิติ ดังนี้ ฯ
(อตฺโถ) อ. อรรถว่า กิจฺฉชีวิเก ทุคฺคตมนุสฺเส อนุกมฺปํ
กตฺวา เอหิ สุเขน เต ชีวิตุปายํ ทสฺเสสฺสามิ อิติ นิธิฏฺฐานํ เนตฺวา
หตฺถํ ปสาเรตฺวา อิมํ ธนํ คเหตฺวา สุขํ ชีว อิติ อาจิกฺขนฺตารํ
วิย ให้เป็นผู้เพียงดังว่าผู้กระทำแล้ว ซึ่งความอนุเคราะห์ ในมนุษย์ผู้
ถึงแล้วซึ่งทุกข์ ผู้มีความเป็นอยู่โดยยาก กล่าวแล้วว่า อ. ท่าน จงมา
อ. เรา จักแสดง ซึ่งอุบายแห่งชีวิต ตามสบาย แก่ท่าน ดังนี้ นำไป
แล้ว สู่ที่แห่งขุมทรัพย์ เหยียดออกซึ่งมือ แล้วบอกว่า อ. ท่าน จง
ถือเอา ซึ่งทรัพย์นี้ จงเป็นอยู่ เป็นสุขเถิด ดังนี้ (อิติ) ดังนี้
(ปทสฺส) แห่งบทว่า ปวตฺตารํ อิติ ดังนี้ ฯ
(วินิจฺฉโย) อ. วินิจฉัย (ปเท) ในบทว่า วชฺชทสฺสินํ อิติ
ดังนี้ (ปณฺฑิเตน) อันบัณฑิต (เวทิตพฺโพ) พึงทราบ วชฺชทสฺสิโน
ชนา อ. ชน ท. ผู้แสดงซึ่งโทษโดยปกติ เทฺว 2 อิมินา นํ ปุคฺคลํ
อสารูปฺเปน วา ขลิเตน วา สงฺฆมชฺเฌ นิคฺคณฺหิสฺสามิ อิติ
(จินฺตเนน) รนฺธคเวสโก ชโน จ คือ อ. ชน ผู้แสวงหาซึ่งโทษ
ด้วยอันคิดว่า อ. เรา จักข่มขี่ ซึ่งบุคคลนั้น ในท่ามกลางแห่งสงฆ์
ด้วยมารยาทอันไม่สมควรหรือ หรือว่าด้วยความพลั้งพลาดนี้ ดังนี้ด้วย
อญฺญาตญฺญาปนตฺถาย ญาตํ ธมฺมํ อนุคฺคณฺหนตฺถาย สีลาทีนํ คุณานํ

อสฺ ปุคฺคลสฺส (อตฺตโน) วุฑฺฒิกามตาย ตํ ตํ วชฺชํ โอโลกเนน
อุลฺลุมฺปนวเสน สภาวสณฺฐิโต ชโน จ คือ อ.ชน ผู้ตั้งอยู่ด้วยดี
แล้วตามสภาพ ด้วยอำนาจแห่งการอุ้มชู ด้วยการแลดู ซึ่งโทษนั้นนั้น
เพื่อประโยชน์แก่อันยังบุคคลให้รู้ ซึ่งธรรมอันตนไม่รู้แล้ว เพื่อ
ประโยชน์แก่อันถือเอาตาม ซึ่งธรรมอันตนรู้แล้ว เพราะความที่แห่ง
ตนเป็นผู้ใคร่ซึ่งความเจริญแห่งคุณ ท. มีศีลเป็นต้น แก่บุคคลนั้นด้วย
อยํ สภาวสณฺฐิโต ชโน อ. ชน ผู้ตั้งอยู่ด้วยดีแล้วตามสภาพนี้ (ภควตา)
อันพระผู้มีพระภาคเจ้า อธิปฺเปโต ทรงพระประสงค์เอาแล้ว อิธ ปเท
ในบทนี้ว่า (วชฺชทสฺสินํ) อิติ ดังนี้ ฯ
ทุคฺคตมนุสฺโส อ. มนุษย์ผู้ถึงแล้วซึ่งทุกข์ (ปรปุคฺคเลน)
ตชฺเชตฺวาปิ โปเถตฺวาปิ นิธึ ทสฺสิโต ผู้อันบุคคลอื่น คุกคามแล้ว
ก็ดี โบยแล้วก็ดี แสดงแล้ว ซึ่งขุมทรัพย์ (วจเนน) ด้วยคำว่า
ตฺวํ อ. ท่าน คณฺหาหิ จงถือเอา อิมํ ธนํ ซึ่งทรัพย์นี้เถิด อิติ
ดังนี้ น กโรติ ย่อมไม่กระทำ โกปํ ซึ่งความโกรธ ปมุทิโต ว
เป็นผู้บันเทิงทั่วแล้วเทียว โหติ ย่อมเป็น ยถา ฉันใด โกโป
อ. ความโกรธ (ชเนน) อันชม ปุคฺคเล ครั้นเมื่อบุคคล เอวรูเป
ผู้มีรูปอย่างนี้ ทิสฺวา เห็นแล้ว อสารูปฺปํ วา ซึ่งมารยาทอันไม่สมควร
หรือ ขลิตํ วา หรือว่าซึ่งความพลั้งพลาด อาจิกฺขนฺเต บอกอยู่ น
กาตพฺโพ ไม่พึงกระทำ (เตน ชเนน) อันชนนั้น ตุฏฺฐนเอว พึง
เป็นผู้ยินดีแล้วนั่นเทียว ภวิตพฺพํ พึงเป็น ปวาเรตพฺพํเอว ซึ่งปวารณา
นั่นเทียวว่า ภนฺเต ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กมฺมํ อ. กรรม มหนฺตํ อัน