อธิบายอาขยาต
พระมหานาค อุปนาโค ป. ธ. 9 วัดบรมนิวาส
เรียบเรียง
อธิบายอาขยาต
อาขยาต คือ อะไร ? อาขยาตได้แก่ ศัพท์ที่กล่าวถึงกิริยา คือ
ความทำ อันเป็นอาการที่ปรากฏขึ้นในคน สัตว์ และ สรรพสิ่งต่างๆ
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตัวประธานคือผู้หรือสิ่งที่เป็นเจ้าของกิริยาทำอะไร
แสดงอาการเคลื่อนไหวหรือคงที่ให้ปรากฏออกมาอย่างไร เช่นศัพท์
กิริยาเหล่านี้ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด ไป มา
เป็นต้น. ศัพท์นี้มีมูลเดิมมาจาก อา บทหน้า ขฺยา ธาตุ ในความ
กล่าว (กิริยา) ศัพท์นั้นชื่อ อาขยาต ศัพท์กล่าวกิริยาคือความทำ
ของนามที่เป็นประธานนี้เป็นส่วนสำคัญมาก จะขาดเสียมิได้ ถ้าขาด
เสียแล้ว เราก็จะทราบไม่ได้ว่า นามที่เป็นประธานจะแสดงกิริยาอาการ
อย่างไร แต่ศัพท์ที่กล่าวกิริยาหาได้ชื่ออาขยาตเสมอไปไม่ เพราะ
ยังมีศัพท์ที่แสดงกิริยาอีกแผนกหนึ่งคือกิริยากิตก์ การที่เราจะสังเกตให้
ทราบแน่ชัดได้ ต้องอาศัยสังเกตดูเครื่องปรุงของศัพท์นั้น ๆ เพราะ
กิริยาศัพท์ทั้งหมด ย่อมมีมูลเดิมมาจากธาตุคือศัพท์อันเป็นมูลรากเป็น
สำคัญเสมอกัน เมื่อจะให้เป็นกิริยาฝ่ายใด ก็ใช้เครื่องประกอบของฝ่าย
นั้นปรับปรุงเข้า เครื่องปรุงเป็นเหตุให้สังเกตรู้ได้ว่าเป็นกิริยาแผนกไหน
ตลอดถึงพวกนามศัพท์ก็ยังต้องมีเครื่องปรุงประจำแผนกของตน ๆ คือ
ลิงค์ วจนะ วิภัตติ เพื่อเป็นเครื่องหมายให้ทราบได้ว่าเป็นศัพท์จำพวก
นามศัพท์. ฉะนั้น ศัพท์ที่จะได้ชื่อว่าอาขยาตเต็มที่ก็ต้องประกอบ
พร้อมด้วยเครื่องปรุงสำหรับอาขยาต อันท่านจัดไว้เป็นส่วน ๆ สำหรับ
ทำหน้าที่ของตน ๆ ซึ่งจะขาดเสียแม้แต่อย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมไม่ได้
ถ้าขาดเสีย ก็เท่ากับว่าศัพท์นั้นมีความเป็นอาขยาตยังไม่สมบูรณ์. เครื่อง
ปรุงเหล่านี้จะงดไว้ก่อน จะได้อธิบายในลำดับต่อไป.
ความสำคัญของอาขยาต
อาขยาต สำคัญอย่างไร ? เมื่อผู้ศึกษาได้เรียนรู้ถึงนามศัพท์คือ
คน สัตว์ ที่ สิ่งของ พร้อมด้วยลักษณะและคำแทนชื่อ อันเป็น
ส่วนว่าด้วยนามแล้ว ยังไม่พอแก่ความต้องการ จำเป็นต้องเรียนรู้ถึง
ความเคลื่อนไหวหรือความคงที่อันเป็นเครื่องแสดงความทำของนามซึ่ง
ได้แก่กิริยาอีก เพราะเพียงแต่นามศัพท์หาเป็นเครื่องให้รู้ถึงความเป็น
ไปของภาษามคธได้เพียงพอไม่ มิฉะนั้น ก็จะรู้แต่เพียงชื่อ ซึ่งหา
ให้สำเร็จประโยชน์อย่างแท้จริง ในการเข้าในภาษามคธได้พอแก่ความ
ประสงค์ไม่ ลำพังนามศัพท์เป็นแต่เพียงแสดงชื่อลักษณะหรือคำแทน
ชื่อเท่านั้น ถ้าไม่มีกิริยาเป็นเครื่องประกอบอีกต่อหนึ่งแล้ว จะทราบ
ไม่ได้เลยว่า นามศัพท์ทำอะไรบ้าง กิริยาคือความทำของนามศัพท์
จึงเป็นหน้าที่ของอาขยาตแสดงได้ปรากฏ อาขยาตย่อมเป็นสิ่งสำคัญใน
ส่วนกิริยา และยังใช้เป็นเครื่องคุมพากย์ คือคำพูดที่กล่าวออกไปเพื่อ
ให้ทราบได้ว่า จบประโยคแห่งคำพูดท่อนหนึ่ง ๆ กำกับความท่อน
ต่าง ๆ ไม่ให้คละกัน ถึงแม้ว่าจะมีกิริยาอีกแผนกหนึ่งซึ่งเรียกว่า
กิริยากิตก์ ก็ยังไม่สำคัญเท่ากิริยาอาขยาต เพราะกิริยากิตก์ไม่มีวิภัตติ
แผนกหนึ่งเหมือนอาขยาต ยังต้องอาศัยวิภัตตินาม บทและบุรุษก็
ต้องอาศัยอาขยาตเป็นเครื่องบ่ง ทั้งจะให้เป็นกิริยาคุมพากย์ไม่ได้เสมอ
ไป เพราะเหตุนี้ อาขยาตจึงเป็นปกรณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งซึ่งจำเป็นที่สุด
ที่ผู้ศึกษาจะต้องเรียนรู้และจะขาดเสียมิได้.
หลักสังเกตกิริยาอาขยาต
ลำพังเห็นกิริยาในภาษาไทย เช่นคำว่า ยืน เดิน นั่ง นอน
เป็นต้น จะรู้ไม่ได้เลยว่าเป็นกิริยาแผนกไหน จะเรียกว่าเป็นกิริยา
แผนกไหนก็ยังไม่ได้ทั้งนั้น เพราะคำเหล่านี้อาจจะประกอบเป็นภาษา
มคธใช้ได้หลายแผนก แล้วแต่จะใช้เครื่องปรุงแผนกไหนเข้าประกอบ
ดังนั้น การที่จะสังเกตกิริยาอาขยาตในภาษาไทยจึงเป็นการยากมาก และ
อาจจะเจ้าใจอย่างแท้จริงไม่ได้เลย แต่ที่จะสังเกตทราบได้ ต้องเป็น
ไปในภาษามคธ เพราะในภาษามคธ ท่านจัดเครื่องปรุงไว้สำหรับ
แผนกนั้น ๆ อย่างพร้อมมูลแล้ว เช่น นามกิตก์ก็มีเครื่องปรุง คือ
สาธนะ รูป และปัจจัย. กิริยากิตก์ก็มีวิภัตติ ซึ่งอาศัยนาม วจนะ
กาล ธาตุ วาจก และปัจจัย เป็นต้น ถึงแม้ว่าจะเป็นกิริยาชนิดเดียว
กัน แต่ก็ต่างกันด้วยเครื่องปรุง พึงสังเกตตัวอย่างดังต่อไปนี้ :-
นามกิตก์ กิริยากิตก์ กิริยาอาขยาต
ยืน ฐานํ, ติฏฺฐนฺโต ติฏฺฐามาโน ฐิโต, ติฏฺฐติ.
เดิน คมนํ, คจฺฉนฺโต คจฺฉมาโน คโต, คจฺฉติ.
คำว่า } นั่ง นิสชฺชา, นิสีทนฺโต นิสีทมาโน นิสินฺโน, นิสีทติ.
นอน สยนํ, สยนฺโต สยมาโน สยิตํ, สยติ.
เหล่านี้ยกมาเป็นตัวอย่าง เพื่อเป็นหลักสังเกต เพราะศัพท์เหล่า
นี้ อาจจะเปลี่ยนแปลงใช้ได้ต่าง ๆ อีกมาก แล้วแต่เครื่องปรุงของ
แผนกนั้น ๆ เพราะฉะนั้น หลักสังเกตกิริยาศัพท์ในฝ่ายปรุงของ
ต้องอาศัยเรียนรู้เครื่องปรุงทั้ง 8 ของกิริยาอาขยาตโดยละเอียดถี่ถ้วน
เสียก่อน จึงจะสามารถสังเกตและเข้าใจได้แน่ชัด.
เครื่องปรุงของอาขยาต
ศัพท์กิริยาที่เป็นแต่เพียงกล่าวออกมาเลย ๆ โดยังมิได้มีเครื่อง
ปรุงอย่างใดอย่างหนึ่งเข้าประกอบ เราก็คงยังรู้ไม่ได้เลยว่าเป็นกิริยา
แผนกไหน ฉะนั้น ศัพท์กิริยาที่จะได้นามว่าอาขยาตก็เช่นกัน ก่อน
ที่จะสำเร็จรูปเป็นอาขยาตได้ ก็ต้องอาศัยเครื่องปรุงส่วนต่าง ๆ ของ
อาขยาต ทำหน้าที่ร่วมกันปรับปรุงประกอบให้เป็นรูปขึ้น เหมือนเรือน
ที่จะสำเร็จเป็นรูปเรือนขึ้นได้ ต้องอาศัยทัพพสัมภาระต่าง ๆ ซึ่งเป็น
เครื่องสำหรับทำเรือน อันบุคคลนำมาผสมประกอบกันฉะนั้น กล่าว
อย่างง่ายก็คือ ศัพท์กิริยาฝ่ายอาขยาต ต้องประกอบด้วยเครื่องปรุงของ
อาขยาต ซึ่งท่านจำแนกไว้เป็น 8 ประการ คือ วิภัตติ กาล บท
วจนะ บุรุษ ธาตุ วาจก ปัจจัย.
เครื่องปรุงทั้ง 8 นี้ แต่ละอย่าง ๆ ย่อมมีหน้าที่ที่จะต้องทำตาม
ส่วน ไม่สับสนปนคละกัน ส่วนไหนมีหน้าที่อย่างไร จะได้กล่าว
ต่อไปในแผนกนั้น ๆ จัดว่าเป็นสำคัญทุก ๆ ส่วน ซึ่งจะขาดเสียแม้
แต่อย่างใดอย่างหนึ่งก็หาได้ไม่ เพราะแต่ละส่วนล้วนต่างช่วยกันปรุง
ศัพท์กิริยานั้น ๆ ให้ถึงความเป็นอาขยาตอย่างสมบูรณ์ อย่างหนึ่งก็มี
หน้าที่ในทางหนึ่งไม่เหมือนกัน แต่ก็ทำหน้าที่ร่วมกันไม่บกพร่องเหมือน
เครื่องเรือนคือทัพพสัมภาระต่างๆ ซึ่งแต่ละอย่างย่อมมีหน้าที่ที่จะต้อง
ปรับปรุงให้เป็นรูปเรือนแตกต่างกันไปคนละส่วน แต่ย่อมทำหน้าที่ร่วม
กันจะขาดเสียส่วนใดส่วนหนึ่งหาได้ไม่ฉะนั้น แต่นั่นแหละ เมื่อจะกล่าว
ถึงความสำคัญอย่างแท้จริงในเครื่องปรุงทั้ง 8 นี้ บางอย่างก็มีความ
สำคัญมาก คือให้สำเร็จกิจในหน้าที่ของตนได้โดยอิสระลำพังตน มิต้อง
อาศัยเครื่องปรุงอย่างอื่นประกอบ เครื่องปรุงเหล่านี้ เฉพาะที่สำคัญมี
อยู่ 3 คือ วิภัตติ ธาตุ ปัจจัย จัดเป็นประธาน นับเป็นหัวหน้าของ
ส่วนอื่น ๆ เพราะเป็นที่อาศัยปรากฏของส่วนต่าง ๆ ซึ่งนอกจากนี้
แต่บางอย่างก็มีความสำคัญน้อย คือต้องอาศัยเครื่องปรุงอย่างอื่นเป็น
เครื่องปรากฏ รับหน้าที่รองลงไปตามลำดับชั้น เครื่องปรุงเหล่านี้
ได้แก่ กาล บท วจนะ บุรุษ วาจก ทั้ง 5 นี้ เว้นวาจกอย่างเดียว
อาศัยวิภัตติเป็นเครื่องปรากฏ จึงทำหน้าที่ของตนได้ จัดว่ามีวิภัตติเป็น
แดนเกิด ถ้าไม่มีวิภัตติแล้ว ก็ทำหน้าที่ไม่ได้ ฉะนั้น เมื่อวิภัตติปรากฏ
ขึ้นในที่ใด ก็ย่อมเป็นเครื่องหมายให้ทราบได้ว่า เครื่องปรุงทั้ง 4 นี้
มีอยู่ในที่นั้น เมื่อกล่าวถึงวิภัตติ ก็เป็นเหตุให้เกี่ยวโยงถึงด้วย ธาตุ
ที่สำคัญก็เพราะว่าเป็นรากเง่าของศัพท์กิริยาทั้งหมด อาขยาตทั้งหมด
ต้องอาศัยธาตุเป็นรากเง่า จึงนับว่าเป็นเหตุอันสำคัญยิ่ง ซึ่งได้เกิดผล
เป็นอาขยาต เพราะถ้าขาดธาตุ เครื่องประกอบอื่น ๆ ก็หาประโยชน์
อะไรมิได้ โดยเหตุที่ไม่มีตัวตั้งสำหรับจะปรุง. ปัจจัยเป็นเครื่องอาศัย
ปรากฏของวาจา เมื่อปัจจัยปรากฏก็เป็นเครื่องชี้ให้ทราบวาจกได้จึงนับ
เป็นเครื่องปรุงที่สำคัญยิ่งส่วนหนึ่ง เหตุฉะนั้น เมื่อจะกล่าวถึงเครื่อง
ปรุงของอาขยาตแต่โดยย่อ เฉพาะที่สำคัญที่สุดก็มี 3 คือ วิภัตติ ธาตุ
ปัจจัย เท่านั้น นอกจากนั้นเป็นเครื่องช่วยเหลือทำหน้าที่ โดยต้อง
อาศัยเครื่องปรุงทั้ง 3 นี้เป็นหลัก ดังจะได้อธิบายเป็นลำดับต่อไปนี้ :-
1. วิภัตติ
วิภัตติ ได้แก่อะไร ? คำว่า "วิภิตติ" นี้ เมื่อจะแปลตาม
พยัญชนะก็ว่า "แจก" หรือ "แบ่ง" หมายความว่า แบ่งแยกมูลศัพท์
ออกไปเป็นส่วน ๆ เพื่อจะจำแนกศัพท์แล้วจัดได้เป็นหมวดหมู่ เป็นการ
สะดวกแก่การที่จะเข้าใจความหมายของศัพท์ที่ประกอบด้วยวิภัตตินั้นๆ
แล้วแต่วิภัตตินั้น ๆ จะประกอบกับศัพท์เช่นไร วิภัตตินี้มีที่ใช้อยู่ 2
แผนก คือ แผนกนาม เรียกว่า วิภัตตินาม 1 แผนกกิริยา เรียกว่า
วิภัตติอาขยาต 1. วิภัตติซึ่งอยู่ใน 2 แผนกนี้ ย่อมมีหน้าที่ทำคนละ
อย่าง หาเหมือนกันไม่. หากจะมีคำถามสอดเข้ามาว่า วิภัตตินามก็มี
อยู่แผนกหนึ่งแล้ว เหตุไฉนจึงเพิ่มวิภัตติอาขยาตเข้ามาอีก มิเป็นการ
ซ้ำซากไปหรือ ? ก็ต้องตอบว่า หาซ้ำซากไม่ เพราะต่างแผนกต่างก็