‘‘อปเรหิปิ , อุปาลิ, ปญฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ กาตพฺพํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? พุทฺธสฺส อวณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส อวณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส อวณฺณํ ภาสติ, มิจฺฉาทิฏฺฐิโก จ โหติ, อาชีววิปนฺโน จ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติฯ
อนิสฺสิตวคฺโค นิฏฺฐิโต ปฐโมฯ
ตสฺสุทฺทานํ –
อุโปสถํ ปวารณํ, อาปตฺติ จ คิลานกํ;
อภิสมาจารลชฺชี จ, อธิสีเล ทเวน จฯ
อนาจารํ อุปฆาติ, มิจฺฉา อาปตฺติเมว จ;
ยายาปตฺติยา พุทฺธสฺส, ปฐโม วคฺคสงฺคโหติฯ
2. นปฺปฏิปฺปสฺสมฺภนวคฺโค
[420] ‘‘กติหิ นุ โข, ภนฺเต, องฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฏิปฺปสฺสมฺเภตพฺพ’’นฺติ?
‘‘ปญฺจหุปาลิ, องฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฏิปฺปสฺสมฺเภตพฺพํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ ? อาปตฺติํ อาปนฺโน กมฺมกโต อุปสมฺปาเทติ, นิสฺสยํ เทติ, สามเณรํ อุปฏฺฐาเปติ, ภิกฺขุโนวาทกสมฺมุติํ สาทิยติ, สมฺมโตปิ ภิกฺขุนิโย โอวทติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฏิปฺปสฺสมฺเภตพฺพํฯ
[จูฬว. 8-9, 18, 30-31, 43, 53, 62, 72] ‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฏิปฺปสฺสมฺเภตพฺพํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? ยาย อาปตฺติยา สงฺเฆน กมฺมํ กตํ โหติ ตํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ, อญฺญํ วา ตาทิสิกํ, ตโต วา ปาปิฏฺฐตรํ, กมฺมํ ครหติ, กมฺมิเก ครหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฏิปฺปสฺสมฺเภตพฺพํฯ
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน กมฺมํ นปฺปฏิปฺปสฺสมฺเภตพฺพํฯ