เมนู

พุทธศาสนสุภาษิต
เล่ม 2
1. อัตตวรรค คือ หมวดตน
1. อตฺตทตฺถํ ปรตฺเถน พหุนาปิ น หาปเย
อตฺตทตฺถมภิญฺญาย สทตฺถปสุโต สิยา.

บุคคไม่ควรพล่าประโยชน์ของตน เพราะประโยชน์ผู้อื่นแม้
มาก รู้จักประโยชน์ของตนแล้ว พึงขวนขวายในประโยชน์ขอตน.
(พุทฺธ) ขุ.
ธ. 25/37.

2. อตฺตานญฺเจ ตถา กยิรา ยถญฺญมนุสาสติ
สุทนฺโต วต ทเมถ อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม.

ถ้าสอนผู้อื่นฉันใด พึงทำตนฉันนั้น ผู้ฝึกตนดีแล้ว ควรฝึก
ผู้อื่น ได้ยอนว่าตนแลฝึกยากง
(พุทฺธ) ขุ.
ธ. 25/36.

3. อตฺตานเมว ปฐมํ ปฏิรูเป นิเวสเย
อถญฺญมานุสาเสยฺย น กิลิสฺเสยฺย ปณฺฑิโต.

บัณฑิตพึงตั้งตนไว้ในคุณอันสมควรก่อน สอนผู้อื่นภายหลัง
จึงไม่มัวหมอง.
(พุทฺธ) ขุ.
ธ. 25/36.

2. อัปปมาทวรรค คือ หมวดไม่ประมาท
4. อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสุ สุตฺเตสุ พหุชาคโร
อพลสฺสํว สีฆสฺโส หิตฺวา ยาติ สุเมธโส.

คนมีปัญญาดี ไม่ประมาทในเมื่อผู้อื่นประมาท มักตื่นในเมื่อ
ผู้อื่นหลับ ย่อมละทิ้ง (คนโง่) เหมือนม้าฝีเท้าเร็ว ทิ้งม้าไม่มีกำลัง
ไปฉะนั้น.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. 25/18,19.

5. อุฏฺฐานวโต สติมโต สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน
สญฺญตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ.

ยศย่อมเจริญ แก่ผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานสะอาด
ใคร่ครวญแล้วทำ ระวังดีแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. 25/18.

6. มา ปมาทมนุญฺเชก มา กามรติสนฺถวํ
อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต ปปฺโปติ ปรมํ สุขํ.

อย่ามัวแต่ประมาท อย่ามัวแต่สนิทชิดชอบในกาม เพราะผู้ไม่
ประมาท พิจารณาอยู่ ย่อมถึงบรมสุข.
(พุทธ) สํ. ส. 15/36.

3. กัมมวรรค คือ หมวดกรรม
7. อติสีตํ อติอุณฺหํ อติสายมิทํ อหุ
อิติ วิสฺสฏฺฐกมฺมนฺเต อตฺเถ อจฺเจนฺติ มาณเว.

ประโยชน์ทั้งหลายย่อมล่วงเลยคนผู้ทอดทิ้งการงาน ด้วยอ้างว่า
หนาวนัก ร้อนนัก เย็นเสียแล้ว.
(พุทฺธ) ที. ปาฏิ. 11/199.

8. อถ ปาปานิ กมฺมานิ กรํ พาโล น พุชฺฌติ
เสหิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ.

เมื่อคนโง่มีปัญญาทราม ทำกรรมชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึก เขาเดือดร้อน
เพราะกรรมของตน เหมือนถูกไฟไหม้.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. 25/33.

9. ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ
กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ.

บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อม
ได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว.
(พุทฺธ) สํ. ส. 15/333.

10. โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ กตตฺโถ นาวพุชฺฌติ
อตฺถา ตสฺส ปลุชฺชนฺติ เย โหนฺติ อภิปตฺถิตา.

ผู้ใด อันผู้อื่นทำความดี ทำประโยชน์ให้ในกาลก่อน แต่ไม่
รู้สึก (คุณของเขา), ประโยชน์ที่ผู้นั้นปรารถนาย่อมฉิบหาย.
(ทฬฺหธมฺมโพธิสตฺต) ขุ. ชา. สตฺตก. 27/228.

11. โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ กตตฺโถ มนุพุชฺฌติ
อตฺถา ตสฺส ปวฑฺฒนฺติ เย โหนฺติ อภิปตฺถิตา.

ผู้ใด อันผู้อื่นทำความดี ทำประโยชน์ให้ในกาลก่อน ย่อม
สำนัก (คุณของเขา) ได้ ประโยชน์ที่ผู้นั้นปรารถนาย่อมเจริญ.
(ทฬฺหธมฺมโพธิสตฺต) ขุ. ชา. สตฺตก. 27/228.

12. โย ปุพฺเพ กรณียานิ ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉติ
วรุณกฏฺฐํ ภญฺโชว ส ปจฺฉา อนุตปฺปติ.

ผู้ใด ปรารถนาทำกิจที่ควรทำก่อน ในภายหลัง ผู้นั้น ย่อม
เดือดร้อนในภายหลัง ดุจมาณพ (ผู้ประมาทแล้วรับ) หักไม้กุ่ม
ฉะนั้น.
(โพธิสตฺต) ขุ. ชา. เอก. 27/23.

13. สเจ ปุพฺเพกตเหตุ สุขทุกขํ นิคจฺฉติ
โปราณกํ กตํ ปาปํ ตเมโส มุญฺจเต อิณํ.

ถ้าประสพสุขทุกข์ เพราะบุญบาปที่ทำไว้ก่อนเป็นเหตุ ชื่อว่า
เปลื้องบาปเก่าที่ทำไว้ ดุจเปลื้องหนี้ฉะนั้น.
(โพธิสตฺต) ขุ. ชา. ปญฺญาส. 28/25.

14. สุขกามานิ ภูตานิ โย ทณฺเฑน วิหึสติ
อตฺตโน สุขเมสาโน เปจฺจ โส น ลภเต สุขํ.

สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการความสุข ผุ้ใดแสวงหาสุขเพื่อตน เบียด
เบียนเขาด้วยอาชญา ผู้นั้นละไปแล้ว ย่อมไม่ได้สุข.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. 25/32.

15. สุขกามานิ ภูตานิ โย ทณฺเฑน น หึสติ
อตฺตโน สุขเมสาโน เปจฺจ โส ลภเต สุขํ.

สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการความสุข ผู้ใดแสวงหาสุขเพื่อตน ไม่
เบียดเบียนเขาด้วยอาชญา ผู้นั้นละไปแล้ว ย่อมได้สุข.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. 25/32.

4. กิเลสวรรค คือ หมวดกิเลส
16. กามา กฏุกา อาสีวิสูปมา เยสุ มุจฺฉิตา พาลา
เต ทีฆรตฺตํ นิรเย สมปฺปิตา หญฺญนฺเต ทุกฺขิตา.

กามทั้งหลายเป็นของเผ็ดร้อน เหมือนงูพิษ เป็นที่คนโง่หมกมุ่น
เขาต้องแออัดทุกข์ยากอยู่ในนรกตลอดกาลนาน.
(สุเมธาเถรี) ขุ. เถรี. 26/499.

17. กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี อุนฺนฬา จาสมาหิตา
น เต ธมฺเม วิรูหนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต.

คนหลอกลวง เย่อหยิ่ง เพ้อเจ้อ ขี้โอ่ อวดดี และไม่ตั้งมั่น
ย่อมไม่งอกงามในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว.
(พุทฺธ) องฺ. จตุตฺก. 21/34.

18. โกธสฺส วิสมูลสฺส มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณ
วธํ อริยา ปสํสนฺติ ตญฺหิ เฉตฺวา น โสจติ.

พราหมณ์ ! พระอริยเจ้าย่อมสรรเสริญผู้ฆ่าความโกรธ ซึ่งมี
โคนเป็นพิษ ปลายหวาน, เพราะคนตัดความโกรธนั้นได้แล้ว ย่อม
ไม่เศร้าโศก.
(พุทฺธ) สํ. ส. 15/236.