เมนู

มหาสติปัฏฐานสูตร แปล
ในทีฆนิกาย มหาวรรค หน้า 325 ถึงหน้า 351
และในมัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม 12 หน้า 103 ถึงหน้า 127
ในสุตตันตปิฎก

เอวมฺเม สุตํ ข้าพเจ้าได้ฟังมาแล้วอย่างนี้ :
เอกํ สมยํ ภควา สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาค
กุรูสุ วิหรติ เสด็จประทับอยู่ในแว่นเคว้นกุรุ
กมฺมาสธมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโม นิคมหนึ่งของแว่นแคว้นกุรุ ชื่อ
กัมมาสธัมมะ1
ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ในกาลนั้นแล พระผู้มีพระภาค
ภิกฺขโวติ ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย
ภทนฺเตติ เต ภิกฺขู ภควโต ภิกษุเหล่านั้นทูลรับว่า ข้าแต่
ปจฺจสฺโสสุํ พระองค์ผู้เจริญ
ภควา เอตทาโวจ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธ-
ภาษิตนี้ว่า :-

1. หมายความตามอรรถกถานัยว่า ทรงทำนิคมนั้นให้เป็นโคจรคาม.

[อุทเทส]
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งปลาย หนทางนี้เป็น
มคฺโค หนทางที่ไปอันเอก [เป็นที่ไป
ของบุคคลผู้เดียว]
สตฺตานํ วิสุทฺธิยา เพื่อความหมดจดวิเศษของสัตว์ทั้ง
หลาย
โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย เพื่อข้ามพ้นความโศกและความร่ำ
ไรเสีย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย เพื่ออัสดงค์ดับไป แห่งเหล่าทุกข์
และโทมนัส
ญายสฺส อธิคมาย เพื่อบรรลุธรรมที่ถูก
นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง
ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺฐานา หนทางนี้คือสติปัฏฐาน [ธรรม
เป็นที่ตั้งทั่วไปแห่งสติ] 4 อย่า
กตเม จตฺตาโร สติปัฏฐาน 4 อย่าง อะไรบ้าง ?
1. อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ กาเย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใน
กายานุปสฺสี วิหรติ ศาสนานี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายใน
กายเนือง ๆ อยู่

อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ
โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ [ความรู้สึก] มีสติ [ความระลึก]
นำอภิชฌาและโทมนัส [ความ
ยินดีและคามยินร้าย] ในโลก
เสียให้พินาศ.
2. เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี เธอย่อมพิจารณาเห็นเวทนาใน
วิหรติ เวทนาเนือง ๆ อยู่
อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ
โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสสํ มีสตินำอภิชฌาและโทมนัสในโลก
เสียให้พินาศ.
3. จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี เธอย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิต
วิหรติ เนือง ๆ อยู่
อาตาปี สมฺปชาโน สติมา มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ
วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ มีสตินำอภิชฌาและโทมนัสในโลก
เสียให้พินาศ.
4. ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี เธอย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม
วิหรติ เนือง ๆ อยู่
อาตาปี สมฺปชาโน สติมา มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ
วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ มีสตินำอภิชฌาและโทมนัสในโลก
เสียให้พินาศ.

อุทฺเทโส จบอุทเทส [เนื้อความย่อ].
[กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน]
1. กถญฺจ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อม
กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ พิจารณาเห็นกายในกายเนือง ๆ
อยู่อย่างไรเล่า ?
อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใน
ศาสนานี้
อรญฺญคโต วา ไปที่ป่าก็ตาม
รุกฺขมูลคโต วา ไปที่รุกขมูล [โคนไม้] ก็ตาม
สุญฺญาคารคโต วา ไปสู่เรือนว่างเปลาก็ตาม
นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นั่งคู้บัลลังก์ [คือขันสมาธิ]
อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้มั่น
อุปฏฺฐเปตฺวา เฉพาะหน้า
โส สโตว อสฺสสติ1 เธอย่อมมีสติหายใจออก
สโต ปสฺสสติ ย่อมมีสติหายใจเข้า.
[1] ทีฆํ วา อสฺสสนฺโต เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เรา
ทีฆํ อสฺสสามีติ ปชานาติ หายใจออกยาว
ทีฆํ วา ปสฺสสนฺโต ทีฆํ หรือหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า เรา
ปสฺสสามีติ ปชานาติ หายใจเข้ายาว.

1. นี้ แปลตามนัยแห่งอรรถกถาพระวินัย แต่ตามนัยแห่งอรรถกถาพระสูตร ท่านแปล
"อสฺสสติ" ว่า "หายใจเข้า" "ปสฺสติ" ว่า "หายใจออก"

[2] รสฺสํ วา อสฺสสนฺโต หรือหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เรา
รสฺสํ อสฺสสามีติ ปชานาติ หายใจออกสั้น
รสฺสํ วา ปสฺสสนฺโต รสฺสํ หรือหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เรา
ปสฺสสามีติ ปชานาติ หายใจเข้าสั้น.
[3] สพฺพกายปฏิสํเวที ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้
อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติ
กำหนดรู้กายทั้งหมด หายใจออก
สพฺพกายปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺ- ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้
สามีติ สิกฺขติ กำหนดรู้กายทั้งหมด หายใจเข้า.
[4] ปสฺสมฺภยํ ภายสงฺขารํ ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกาย-
อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติ สังขาร หายใจออก
ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ ปสฺสสิสฺ- ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกาย-
สามีติ สิกฺขติ สังขาร หายใจเข้า
เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว ทกฺโข ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ฉันใด
ภมกาโร วา ภมการนฺเตวาสี วา นายช่างกลึงหรือลูกมือของนายช่าง
กลึงผู้ฉลาด
ทีฆํ วา อญฺฉนฺโต ทีฆํ หรือชักเชือกกลึงยาว ก็รู้ชัดว่า
อญฺฉามีติ ปชานาติ เราชักเชือกกลึงยาว
รสฺสํ วา อญฺฉนฺโต รสฺสํ หรือชักเชือกกลึงสั้น ก็รู้ชัดว่า
อญฺฉามีติ ปชานาติ เราชักเชือกกลึงสั้น
เอวเมว โข ภิกฺขเว ภิกฺขุ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นนั่นแล
ภิกษุ.

[1] ทีฆํ วา อสฺสสนฺโต เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เรา
ทีฆํ อสฺสสามีติ ปชานาติ หายใจออกยาว
ทีฆํ วา ปสฺสสนฺโต ทีฆํ หรือหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า เรา
ปสฺสสามีติ ปชานาติ หายใจเข้ายาว.
[2] รสฺสํ วา อสฺสสนฺโต หรือหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เรา
รสฺสํ อสฺสสามีติ ปชานาติ หายใจออกสั้น
รสฺสํ วา ปสฺสสนฺโต รสฺสํ หรือหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เรา
ปสฺสสามีติ ปชานาติ หายใจเข้าสั้น.
[3] สพฺพกายปฏิสํเวที ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้
อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติ กำหนดรู้กายทั้งหมด หายใจออก
สพฺพกายปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺ- ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้
สามีติ สิกฺขติ กำหนดรู้กายทั้งหมด หายใจเข้า.
[4] ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกาย-
อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติ สังขาร หายใจออก
ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ ย่อมสำเหนียกว่า เราจะระงับกาย-
ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติ สังขาร หายใจเข้า.
อิติ อชฺฌตฺตํ วา กาเย อย่างนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกาย
กายานุปสฺสี วิหรติ ในกายเป็นภายในบ้าง
พหิทฺธา วา กาเย กายานุปสฺสี ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายเป็น
วิหรติ ภายนอกบ้าง