เมนู

ประมวล
ปัญหาและเฉลยพุทธานุพุทธประวัติ
นักธรรมและธรรมศึกษาชั้นเอก

ข้อความทั่วไป
ถาม. คำว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ย่อมมีกำกับสำหรับ
โลกมาแต่ไหนแต่ไร แม้ในเรื่องพระพุทธประวัติก็มีคำเช่นนั้นปรากฏ
อยู่ ดูเหมือนคนในครั้งนั้นถือเป็นกวดขัน แต่จะมีเนื้อความเกี่ยวข้อง
กันอย่างไร เป็นข้อที่น่ารู้อยู่บ้าง ขอจงบริหารให้เห็นว่าเป็นสำคัญ
อย่างไร ?
ตอบ. เห็นว่าเป็นสำคัญเพราะเกี่ยวข้องกันดังนี้ ชาติที่จะถาวร
วัฒนาจำเป็นต้องอาศัยยึดศาสนาที่ดีเป็นหลัก แม้ศาสนาเล่าที่จะเจริญ
รุ่งเรื่องก็ต้องอาศัยชาติที่เป็นอิสระช่วยสนับสนุน ถ้าโลกจะไม่ประพฤติ
ตามธรรม คงตั้งอยู่เป็นอิสระไม่ได้ และธรรมถ้าไม่อาศัยโลกจัก
เจริญไม่ได้ โลกกับธรรมต้องอิงอาศัยกันฉันใด ชาติกับศาสนาก็ต้อง
อิงอาศัยกันฉันนั้น แต่สำหรับชาติที่จะตั้งมั่นคงดำรงอิสรภาพอยู่ได้ ก็
ต้องอาศัยพระมหากษัตริย์เป็นผู้ดำรงมั่นอยู่ในธรรม และมีพระปรีชา
สามารถยิ่งในสรรพกรณียกิจน้อยใหญ่เป็นหลัก เพราะฉะนั้น ประเทศ
ที่เจริญแล้จึงมักมีศาสนาที่ดีเป็นที่เคารพ และมีพระมหากษัตริย์ที่ทรง

พระคุณธรรมเป็นหลัก ก็แลศาสนาที่ดีนั้น จำต้องมุ่งสอนให้มีความ
สงบราบคาบ เว้นจากการเบียดเบียนกันเป็นต้น จึงจะเป็นหลักแก่
ชาติที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และชาติที่ได้ชื่อว่าสนับสนุน
ศาสนานั้น ก็ได้แก่ประชาชนจะต้องประพฤติตามหลักนิติธรรมและ
ศาสนธรรม ตั้งต้นแต่ประพฤติตนให้เป็นคนดี รู้จักกรณีย์อันเป็น
หน้าที่ของตน ตลอดถึงผดุงความสามัคคีให้วัฒนา เป็นกำลังเครื่อง
ตั้งมั่นแห่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และข้อว่าพระมหากษัตริย์เป็น
ประมุขของชาตินั้น ก็คือเป็นผู้นำพลเมืองให้ดำเนินในทางที่ดี เป็น
เหตุถึงความสงบสวัสดี ตลอดถึงความสมบูรณ์มั่งคั่ง และความสุข
สำราญด้วยกำลังพระปรีชาสามารถ เพราฉะนั้น ชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ จึงเป็นสำคัญและพรากจากกันไม่ได้ เช่นเดียวกับ
พระรัตนตรัย ซึ่งเป็นสำคัญของพระพุทธศาสนา จะพรากจากกันไม่ได้
ฉะนั้น.
2468
ถ. บรรดาหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องยึดยาว ท่านผู้แต่งมักแบ่งเป็น
ตอน เป็นภาค เป็นวิภาค เป็นบรรพ เพื่อสะดวกแก่ความทรงจำและ
ดูง่าย ตำราพุทธประวัติท่านก็แล่งเป็นภาคเช่นนั้นเหมือนกันมิใช่หรือ
อยากทราบว่าท่านแบ่งเป็นกี่วิภาค ฯ ไหนว่าด้วยอะไร ?
ต. ท่านแบ่งเป็นวิภาคเหมือนกัน แต่แบ่งเป็น 4 คือ วิภาค
ที่ 1 ว่าด้วยปุริมกาล คือเรื่องเป็นไปในกาลก่อนบำเพ็ญพุทธกิจและ
ปฐมโพธกาล คือเรื่องเป็นไปในกาลแรกตรัสรู้ ที่จะพึงเก็บรวบรวม

ได้จากบาลีประเทศนั้น ฯ อันกล่าวถึงในยุคนั้น ฯ. วิภาคที่ 2 ว่า
ด้วยมัชฌิมโพธิกาล คือเรื่องเป็นไปในระหว่างปฐมโพธกาลและ
ปัจฉิมโพธิกาล ที่จะพึงเก็บได้จากพระสูตรทั้งหลาย อันกล่าวความ
เฉพาะเรื่องไม่มี อนุสนธิ . วิภาคที่ 3 ว่าด้วยปัจฉิมโพธิกาล คือเรื่อง
เป็นไปในกาลจวนปรินิพพานซึ่งมาในมหาปรินิพพานสูตร และอปรกาล
คือเรื่องเป็นไปในภายหลัง ได้แก่เรื่องถวายพระเพลิงและแจกพระ
บรมสารีริกธาตุ. วิภาคที่ 4 ว่าด้วยเรื่องสังคีติกถา.
2471-76
ถ. พุทธประวัติกับปฐมสมโพธิ เป็นเรื่องแสดงพระพุทธ-
จรรยาอย่างเดียวกัน แต่ทางรจนาไปคนละอย่าง อย่างไหนท่านมุ่ง
อย่างไร ?
ต. พุทธประวัติท่านมุ่งตำนาน ปฐมสมโพธิท่านมุ่งอภินิหาร.
2466
ถ. เรื่องพุทธานุพุทธประวัติ ซึ่งพรรณนาความเป็นไปแห่งพระ
ศาสดาและพระสาวกทั้งหลาย มีข้อความที่ไม่น่าเชื่อแทรกแซงอยู่บ้าง
เข้าใจว่าเพราะเหตุไร ?
ต. เข้าใจว่า ท่านผู้รจนาตั้งใจแต่จะแสดงเหตุอัศจรรย์ต่าง ฯ
ให้คนภายหลังเห็นประหลาดแล้วเชื่อถือเท่านั้น ไม่ต้องการจะแสดง
คำสั่งสอนและความสามารถของพระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลายนัก
ยกไว้แต่ที่จำเป็นจะต้องกล่าว อันที่จริงก็เป็นธรรมดาของหนังสือที่แต่ง
แล้วในปางก่อน ไม่เลือกว่าของชาติใดภาษาไหน มักกล่าวข้อความ

ที่ไม่มีไม่เป็นได้ในภายหลังโดยชุกชุม ที่เราทั้งหลายจะไม่เชื่อตาม
ก็ไม่สนิทใจ ดูเหมือนจะว่าอะไรก็มักว่าให้เกินไปกว่าที่เป็นจริง
ในครั้งนั้น เพราะหมายจะให้คนภายหลังพิศวง เห็นว่าอัศจรรย์โดย
ส่วนเดียว.
2468
ถ. การสอนศาสนา บางศาสนาก็บังคับให้ผู้ฟังเชื่อ บางศาสนา
ก็ไม่บังคับ ส่วนพระพุทธศาสนาดำเนินการสอนโดยวิธีไหน ? เหตุ
ไฉนจึงสอนอย่างนั้น ?
ต. โดยวิธีไม่บังคับ. เพราะเหตุพระพุทธศาสนาแสดงความ
จริง ผู้ฟังตรองตามเห็นจริงได้ จึงไม่ต้องบังคับ.
29/8/71
ถ. เล่าเรียนพุทธานุพุทธประวัติมาจบแล้ว ได้ภูมิรู้ทางอะไร
บ้าง ? จงแสดงภูมิรู้มา.
ต. ก.ทางประวัติศาสตร์ เช่นความเป็นไปของบ้านเมืองครั้ง
พุทธกาล และลัทธิธรรมเนียมของประชาชน.
ข.ทางจรรยาของพระพุทธเจ้า และของเหล่าพระอริยสาวก
ที่ดำเนินมาแล้ว.
ค. ทางธรรมวินัยที่ปรากฏในตำนานและความเป็นมาแห่ง
ศาสนธรรม พร้อมทั้งตัวอย่างการนบำรุงพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง.
นอกจาก 3 ทางนี้แล้ว ยังมีอีกมากซึ่งจะแสดงในที่นี้ไม่มีโอกาส
เพียงพอ รวมความว่า เมื่อก่อนเรียนกับเมื่อเรียนแล้ว มีความรู้ผิด

กันไกลที่เดียว.
2474
ถ. หนังสือเก่า ฯ เช่นมโนรถปูรณี อรรถกถาอังคุตตรนิกาย
ท่านรจนาสาวกประวัติไว้ ดูไม่น่านำความเลื่อมใสให้เกิดแก่คนภายหลัง
นัก ข้อนี้เพราะเหตุไร ?
ต. เพราะท่านมุ่งกล่าวบุรพกรรมของพระสาวกเหล่านั้นมากกว่า
กล่าวประวัติในปัจจุบัน เรื่องที่รจนานั้นจึงกลายเป็นนิยายไป ไม่เป็น
เครื่องส่อให้เห็นความสามารถ ตลอดจนการงานที่ช่วยเหลือพระพรม-
ศาสดา.
2467
ปริเฉทที่ 1
ถ. ชมพูทวีปคืออะไร ? แบ่งเป็นกี่จังหวัด ? จังหวัดเหล่านี้
ครั้งพุทธกาลมีกำหนดเขตเพียงไหน ? อ้างที่มาด้วย.
ต. คือแผ่นดินที่เรียกในทุกวันนี้ว่า อินเดีย ตั้งอยู่ในทิศพายัพ
แห่งประเทศสยาม แบ่งออกเป็น 2 จังหวัด ร่วมในเรียกว่า มัชฌิม-
ชนบท หรือมัธยมประเทศ ภายนอกเรียกว่า ปัจจันตชนบท. ครั้ง
พุทธกาล จังหวัดมัชฌิมชนบท กำหนดไว้ในบาลีจัมมขันธกะ ใน
มหาวรรคแห่งพระวินัย ดังนี้ ในทิศบรูพา ภายในแต่มหาศาลนคร
เข้ามา ในทิศอาคเนย์ ภายในแต่แม่น้ำสัลลวตีเข้ามา ในทิศทักษิณ
ภายในแต่เสตกัณณนิคมเข้ามา ในทิศปัศจิม ภายในแต่ถูนคามเข้ามา



ในทิศอุดร ภายในแต่ภูเขาอุสีรชะเข้ามา ที่ในกำหนดเท่านี้เรียก
ว่ามัชฌิมชนบท ที่นอกออกไปจากกำหนดที่กล่าวแล้ว เรียกว่า
ปัจจันตชนบท.
2479
ถ. กถาที่พรรณนาพระประวัติของพระศาสดา จำเดิมแต่ต้นจน
เสด็จปรินิพพาน อนุมานโดยย่อ ฯ พอเป็นเครื่องกำหนดได้หรือไม่ว่า
ท่านพรรณนาพระคุณอะไรบ้าง ? จงอ้างเฉพาะที่เป็นหลัก.
ต. ท่านพรรณนาพระคุณ คือ เหตุสัมปทา 1 ผลสัมปทา 1
สัตตูปการสัมปทา 1 กล่าวโดยย่อพอเป็นหลักดังนี้.
2470
ถ. ผลสัมปทานั้น คืออะไร ? ไฉนจึงได้ชื่ออย่างนั้น ?
ต. การถึงพร้อมด้วยคุณธรรม ซึ่งเรียกว่าสัมปทา 4 ประการ
คือ ญาณสัมปทา การถึงพร้อมด้วยญาณ 1 ปหานสัมปทา การถึง
พร้อมด้วยการละ 1 อานุภาวสัมปทา การถึงพร้อมด้วยอานุภาพ 1
รูปกายสัมปทา การถึงพร้อมด้วยรูปกายอันสมบูรณ์ 1. 4 นี้เรียกว่า
ผล เพราะเมื่อเกิดขึ้นก็อาศัยมีมาจากเหตุ.
ส. ป.
ถ. ตามตำนานกล่าวว่า พระมหาบุรุษทรงบริบูรณ์พร้อมด้วย
รูปกายสัมปทานั้น มีอาการเป็นอย่างไร ? และมีประโยชน์อย่างไร ?
ต. การที่พระมหาบุรุษทรงบริบูรณ์พร้อมด้วยมหาปุริสลักษณะ
นั้นจัดเป็นรูปกายสัมปทา กายที่บริบูรณ์ด้วยรูปกายสัมปทาเช่นนั้น