เมนู

3. มุสาวาทครุลหุภาวปญฺโห

[3] ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาราชิโก โหตี’ติฯ ปุน จ ภณิตํ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ลหุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ เอกสฺส สนฺติเก เทสนาวตฺถุก’นฺติฯ ภนฺเต นาคเสน, โก ปเนตฺถ วิเสโส, กิํ การณํ, ยญฺเจเกน มุสาวาเทน อุจฺฉิชฺชติ, ยญฺเจเกน มุสาวาเทน สเตกิจฺโฉ โหติ? ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาราชิโก โหตี’ติ, เตน หิ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ลหุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ เอกสฺส สนฺติเก เทสนาวตฺถุก’นฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ลหุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ เอกสฺส สนฺติเก เทสนาวตฺถุก’นฺติ, เตน หิ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาราชิโก โหตี’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปญฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติฯ

‘‘ภาสิตมฺเปตํ , มหาราช, ภควตา ‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาราชิโก โหตี’ติฯ ภณิตญฺจ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ลหุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ เอกสฺส สนฺติเก เทสนาวตฺถุก’นฺติ, ตญฺจ ปน วตฺถุวเสน ครุกลหุกํ โหติฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, อิธ โกจิ ปุริโส ปรสฺส ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, ตสฺส ตุมฺเห กิํ ทณฺฑํ ธาเรถา’’ติ? ‘‘ยทิ โส, ภนฺเต, อาห ‘นกฺขมามี’ติ, ตสฺส มยํ อกฺขมมาเน กหาปณํ หราเปมา’’ติ ‘‘อิธ ปน, มหาราช, โส เยว ปุริโส ตว ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, ตสฺส ปน โก ทณฺโฑ’’ติ? ‘‘หตฺถมฺปิสฺส, ภนฺเต, เฉทาเปยฺยาม, ปาทมฺปิ เฉทาเปยฺยาม, ยาว สีสํ กฬีรจฺเฉชฺชํ เฉทาเปยฺยาม, สพฺพมฺปิ ตํ เคหํ วิลุมฺปาเปยฺยาม, อุภโตปกฺเข [อุภโตปสฺเส (สี. ปี. ก.)] ยาว สตฺตมํ กุลํ สมุคฺฆาตาเปยฺยามา’’ติฯ ‘‘โก ปเนตฺถ, มหาราช, วิเสโส, กิํ การณํ, ยํ เอกสฺส ปาณิปฺปหาเร สุขุโม กหาปโณ ทณฺโฑ, ยํ ตว ปาณิปฺปหาเร หตฺถจฺเฉชฺชํ ปาทจฺเฉชฺชํ ยาว กฬีรจฺเฉชฺชํ สพฺพเคหาทานํ อุภโตปกฺเข ยาว สตฺตมกุลา สมุคฺฆาโต’’ติ? ‘‘มนุสฺสนฺตเรน, ภนฺเต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สมฺปชานมุสาวาโท วตฺถุวเสน ครุกลหุโก โหตี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติฯ

มุสาวาทครุลหุภาวปญฺโห ตติโยฯ