เมนู

2. ธมฺมวินยปฏิจฺฉนฺนาปฏิจฺฉนฺนปญฺโห

[2] ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘ตถาคตปฺปเวทิโต, ภิกฺขเว, ธมฺมวินโย วิวโฏ วิโรจติ โน ปฏิจฺฉนฺโน’ติฯ ปุน จ ปาติโมกฺขุทฺเทโส เกวลญฺจ วินยปิฏกํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺนํฯ ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ชินสาสเน ยุตฺตํ วา ปตฺตํ วา สมยํ ลเภถ, วินยปณฺณตฺติ วิวฏา โสเภยฺยฯ เกน การเณน? เกวลํ ตตฺถ สิกฺขา สํยโม นิยโม สีลคุณอาจารปณฺณตฺติ อตฺถรโส ธมฺมรโส วิมุตฺติรโสฯ ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘ตถาคตปฺปเวทิโต, ภิกฺขเว, ธมฺมวินโย วิวโฏ วิโรจติ โน ปฏิจฺฉนฺโน’ติ, เตน หิ ‘ปาติโมกฺขุทฺเทโส เกวลญฺจ วินยปิฏกํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺน’นฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ปาติโมกฺขุทฺเทโส เกวลญฺจ วินยปิฏกํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺนํ, เตน หิ ‘ตถาคตปฺปเวทิโต, ภิกฺขเว, ธมฺมวินโย วิวโฏ วิโรจติ โน ปฏิจฺฉนฺโน’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปญฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติฯ

‘‘ภาสิตมฺเปตํ , มหาราช, ภควตา ‘ตถาคตปฺปเวทิโต, ภิกฺขเว, ธมฺมวินโย วิวโฏ วิโรจติ โน ปฏิจฺฉนฺโน’ติฯ ปุน จ ปาติโมกฺขุทฺเทโส เกวลญฺจ วินยปิฏกํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺนํ, ตญฺจ ปน น สพฺเพสํ, สีมํ กตฺวา ปิหิตํฯ

‘‘ติวิเธน, มหาราช, ภควตา ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต, ปุพฺพกานํ ตถาคตานํ วํสวเสน ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต, ธมฺมสฺส ครุกตฺตา ปิหิโต, ภิกฺขุภูมิยา ครุกตฺตา ปิหิโตฯ

‘‘กถํ ปุพฺพกานํ ตถาคตานํ วํสวเสน ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต, เอโส วํโส, มหาราช, สพฺเพสํ ปุพฺพกานํ ตถาคตานํ ยทิทํ ภิกฺขุมชฺเฌ ปาติโมกฺขุทฺเทโส อวเสสานํ ปิหิโตฯ ยถา, มหาราช, ขตฺติยานํ ขตฺติยมายา ขตฺติเยสุ เยว จรติ, เอวเมตํ ขตฺติยานํ โลกสฺส ปเวณี อวเสสานํ ปิหิตาฯ เอวเมว โข, มหาราช, เอโส วํโส สพฺเพสํ ปุพฺพกานํ ตถาคตานํ ยทิทํ ภิกฺขุมชฺเฌ ปาติโมกฺขุทฺเทโส อวเสสานํ ปิหิโตฯ

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, มหิยา คณา วตฺตนฺติ, เสยฺยถิทํ, มลฺลา อโตณา ปพฺพตา ธมฺมคิริยา พฺรหฺมคิริยา นฏกา นจฺจกา ลงฺฆกา ปิสาจา มณิภทฺทา ปุณฺณพทฺธา จนฺทิมสูริยา สิริเทวตา กาลิเทวตา, สิวา วสุเทวา ฆนิกา อสิปาสา ภทฺทิปุตฺตาติ, เตสํ เตสํ รหสฺสํ เตสุ เตสุ คเณสุ เยว จรติ, อวเสสานํ ปิหิตํฯ เอวเมว โข, มหาราช, เอโส วํโส สพฺเพสํ ปุพฺพกานํ ตถาคตานํ ยทิทํ ภิกฺขุมชฺเฌ ปาติโมกฺขุทฺเทโส อวเสสานํ ปิหิโตฯ เอวํ ปุพฺพกานํ ตถาคตานํ วํสวเสน ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโตฯ

‘‘กถํ ธมฺมสฺส ครุกตฺตา ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต? ธมฺโม, มหาราช, ครุโก ภาริโย, ตตฺถ สมฺมตฺตการี อญฺญํ อาราเธติ, ตํ ตตฺถ ปรมฺปราสมฺมตฺตการิตาย ปาปุณาติ, น ตํ ตตฺถ ปรมฺปราสมฺมตฺตการิตาย ปาปุณาติ, มา จายํ สารธมฺโม วรธมฺโม อสมฺมตฺตการีนํ หตฺถคโต โอญฺญาโต อวญฺญาโต หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ภวตุ, มา จายํ สารธมฺโม วรธมฺโม ทุชฺชนคโต โอญฺญาโต อวญฺญาโต หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ภวตูติฯ เอวํ ธมฺมสฺส ครุกตฺตา ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโตฯ

‘‘ยถา, มหาราช, สารวรปวรอภิชาตชาติมนฺตรตฺตโลหิตจนฺทนํ นาม สวรปุรมนุคตํ โอญฺญาตํ อวญฺญาตํ หีฬิตํ ขีฬิตํ ครหิตํ ภวติ, เอวเมว โข, มหาราช, มา จายํ สารธมฺโม วรธมฺโม ปรมฺปราอสมฺมตฺตการีนํ หตฺถคโต โอญฺญาโต อวญฺญาโต หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ภวตุ, มา จายํ สารธมฺโม วรธมฺโม ทุชฺชนคโต โอญฺญาโต อวญฺญาโต หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ภวตูติฯ เอวํ ธมฺมสฺส ครุกตฺตา ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต

‘‘กถํ ภิกฺขุภูมิยา ครุกตฺตา ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต, ภิกฺขุภาโว โข, มหาราช, โลเก อตุลิโย อปฺปมาโณ อนคฺฆิโย, น สกฺกา เกนจิ อคฺฆาเปตุํ ตุเลตุํ ปริเมตุํ, มายํ เอวรูเป ภิกฺขุภาเว ฐิโต โลเกน สมสโม ภวตูติ ภิกฺขูนํ เยว อนฺตเร ปาติโมกฺขุทฺเทโส จรติฯ ยถา, มหาราช, โลเก วรปวรภณฺฑํ วตฺถํ วา อตฺถรณํ วา คชตุรงฺครถสุวณฺณรชตมณิมุตฺตาอิตฺถิรตนาทีนิ วา วิชิตกมฺมสูรา วา [นิชฺชิตกมฺมสูรา วา (สี. ปี.)] สพฺเพ เต ราชานมุปคจฺฉนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, ยาวตา โลเก [โลเก สิกฺขา (สี. ปี.)] สุคตาคมปริยตฺติอาจารสํยมสีลสํวรคุณา, สพฺเพ เต ภิกฺขุสงฺฆมุปคตา ภวนฺติฯ เอวํ ภิกฺขุภูมิยา ครุกตฺตา ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปิฏิจฺฉามี’’ติฯ

ธมฺมวินยปฏิจฺฉนฺนาปฏิจฺฉนฺนปญฺโห ทุติโยฯ

3. มุสาวาทครุลหุภาวปญฺโห

[3] ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาราชิโก โหตี’ติฯ ปุน จ ภณิตํ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ลหุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ เอกสฺส สนฺติเก เทสนาวตฺถุก’นฺติฯ ภนฺเต นาคเสน, โก ปเนตฺถ วิเสโส, กิํ การณํ, ยญฺเจเกน มุสาวาเทน อุจฺฉิชฺชติ, ยญฺเจเกน มุสาวาเทน สเตกิจฺโฉ โหติ? ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาราชิโก โหตี’ติ, เตน หิ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ลหุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ เอกสฺส สนฺติเก เทสนาวตฺถุก’นฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ลหุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ เอกสฺส สนฺติเก เทสนาวตฺถุก’นฺติ, เตน หิ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาราชิโก โหตี’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปญฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติฯ

‘‘ภาสิตมฺเปตํ , มหาราช, ภควตา ‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาราชิโก โหตี’ติฯ ภณิตญฺจ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ลหุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ เอกสฺส สนฺติเก เทสนาวตฺถุก’นฺติ, ตญฺจ ปน วตฺถุวเสน ครุกลหุกํ โหติฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, มหาราช, อิธ โกจิ ปุริโส ปรสฺส ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, ตสฺส ตุมฺเห กิํ ทณฺฑํ ธาเรถา’’ติ? ‘‘ยทิ โส, ภนฺเต, อาห ‘นกฺขมามี’ติ, ตสฺส มยํ อกฺขมมาเน กหาปณํ หราเปมา’’ติ ‘‘อิธ ปน, มหาราช, โส เยว ปุริโส ตว ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, ตสฺส ปน โก ทณฺโฑ’’ติ? ‘‘หตฺถมฺปิสฺส, ภนฺเต, เฉทาเปยฺยาม, ปาทมฺปิ เฉทาเปยฺยาม, ยาว สีสํ กฬีรจฺเฉชฺชํ เฉทาเปยฺยาม, สพฺพมฺปิ ตํ เคหํ วิลุมฺปาเปยฺยาม, อุภโตปกฺเข [อุภโตปสฺเส (สี. ปี. ก.)] ยาว สตฺตมํ กุลํ สมุคฺฆาตาเปยฺยามา’’ติฯ ‘‘โก ปเนตฺถ, มหาราช, วิเสโส, กิํ การณํ, ยํ เอกสฺส ปาณิปฺปหาเร สุขุโม กหาปโณ ทณฺโฑ, ยํ ตว ปาณิปฺปหาเร หตฺถจฺเฉชฺชํ ปาทจฺเฉชฺชํ ยาว กฬีรจฺเฉชฺชํ สพฺพเคหาทานํ อุภโตปกฺเข ยาว สตฺตมกุลา สมุคฺฆาโต’’ติ? ‘‘มนุสฺสนฺตเรน, ภนฺเต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สมฺปชานมุสาวาโท วตฺถุวเสน ครุกลหุโก โหตี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติฯ

มุสาวาทครุลหุภาวปญฺโห ตติโยฯ