ปัญหาและเฉลยวินัยบัญญัติ
นักธรรมชั้นตรี
อนุศาสน์
ถาม. อะไรเรียกว่าอนุศาสน์ เหตุไรจึงเรียกอย่างนั้น ?
ตอบ. นิสัย 4 มีเที่ยวบิณฑบาตเป็นต้น อกรณียกิจ 4 มีเสพ
เมถุนเป็นต้น รวมเรียกว่าอนุศาสน์ เพราะเป็นกิจที่พระอุปัชฌาย์จะ
พึงรีบสอนให้ผู้อุปสมบทใหม่รู้ไว้ในเบื้องต้น มิฉะนั้นผู้อุปสมบทใหม่
ไม่รู้ อาจไปพลาดพลั้งถึงกับขาดจากความเป็นภิกษุก็ได้ และเพื่อให้
สมกับที่ว่าเป็นคำสั่งสอนในเบื้องต้น จึงเรียกชื่อว่าอนุศาสน์ แปลวาส
ความตามสอน.
ส. ป.
ถ. พออุปสมบทแล้ว อุปัชฌาย์บอกอนุศาสน์ ข้อนี้ความว่า
กระไร ?
ต. อนุศาสน์ 8 อย่าง คือ เที่ยวบิณฑบาต 1 นุ่งห่มผ้าบังสุกุล 1
อยู่โคนต้นไม้ 1 ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า 1, 4 อย่างนี้เรียกว่านิสัย
หมวด 1 และอกรณียกิจ คือ เสพเมถุน 1 ฆ่าสัตว์ 1 ลัก
ทรัพย์ 1 อวดคุณพิเศษที่ไม่มีในตน 1, 4 อย่างนี้เป็นกิจที่ภิกษุ
ทำไม่ได้หมวด 1. 2 หมวดนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ภิกษุจะต้องทราบเสียแต่
แรก เพราะว่านิสัย 4 ก็เป็นของจำเป็นที่ภิกษุต้องอาศัยตั้งแต่แรกไป
ถ้าไม่รู้ก็จะไปทำในทางอื่นที่ผิดจากธรรมเนียมของสมณะ ซึ่งเป็นการ
ไม่สมควรประการหนึ่ง และอกรณียกิจเป็นทางสำคัญใกล้ต่อความขาด
จากภิกษุ นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ควรให้ผู้บวชรู้เสียแต่แรกประการหนึ่ง
ดังนี้ พออุปสมบทแล้ว พระอุปัชฌาย์จึงบอกอนุศาสน์เสียแต่เมื่อบวช
ใหม่ทีเดียว.
2457
ถ. เหตุไฉนพระศาสดา จึงทรงแสดงนิสัย 4 ไว้ในอนุศาสน์
เนื่องด้วยการบิณฑบาต นุ่งห่มผ้าบังสุกุล อยู่โคนไม้ ฉันยาดองด้วย
น้ำมูตรเน่า ? จงอธิบาย.
ต. การที่พระบรมศาสดาจะทรงแสดงนิสัย 4 ไว้ในอนุศาสน์
เนื่องด้วยบิณฑบาต นุ่งห่มผ้าบังสุกุล อยู่โคนไม้ และฉันยาดอง
ด้วยน้ำมูตรเน่านั้น เพราะว่าพระองค์ผู้เสด็จออกจากศากยสกุล อัน
บริบูรณ์มั่งคั่งประกอบด้วยศฤงคารบริวาร บรรพชา ก็โดยที่พระองค์
ทรงเห็นว่า ศฤงคารบริวารหรือลาภยศซึ่งทุก ๆ คนปรารถนา แม้จะนำ
ความสุขให้เกิดก็เป็นชั่วคราว ซ้ำกลับจะทำบุคคลให้กำหนัดในอารมณ์
เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ขัดเคืองในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความขัด
เคือง ลุ่มหลงในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความลุ่มหลง มัวเมาในอารมณ์
เป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา ทั้งทำใจให้เดือดร้อนกระวนกระวายเป็นทุกข์
ในเมื่อสิ่งเหล่านั้นวิบัติไป ครั้นพระองค์ทรงเล็งเห็นเช่นนี้แล้วก็ทรง
เบื่อหน่ายไม่ไยดี จึงได้เสด็จออกบรรพชาแสวงหาสิ่งกุศลสันติวรบท
ซึ่งเป็นทางแห่งความสงบระงับไม่เกี่ยวข้องด้วยส่วนลามกเหล่านั้น ใน
ระหว่างที่พระองค์ทรงแสวงหาโมกขธรรม ถ้าในสำนักใด แม้จะมี
คณาจารย์มหาชนยกย่องสรรเสริญว่า เป็นคณาจารย์เอกในทางสั่งสอน
สานุศิษย์ พระองค์ก็เสด็จไปอยู่ศึกษาเล่าเรียนตามลัทธิของเขาจนชำนิ
ชำนาญ ถ้าพระองค์ทรงตรองเห็นว่า ลัทธิเช่นนั้นยังเป็นไปด้วยส่วน
ลามกดังกล่าว พระองค์ก็เสด็จหลีกไปแสวงหาทางอื่น แม้ทางในที่
พระองค์ได้ทรงกระทำเอง ถ้ายังเกี่ยวเกาะอยู่ด้วยส่วนลามก คือยัง
ไม่เป็นไปเพื่อความสงบระงับยังดิ้นอยู่แล้ว พระองค์ก็ทรงละเสีย ทรง
กระทำความเพียรเป็นไปในจิต เพื่อให้สงบปราศจากความฟุ้งซ่านอัน
ประกอบด้วยความมักมากกำหนัดยินดี จึงจะได้ตรัสรู้ธรรมที่มีเหตุผล
เมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว เป็นพระบรมศาสดา อันพระมหากรุณา
สมาโยคซึ่งเป็นคุณสมุทัย หากตักเตือนพระองค์ซึ่งจะให้ดูดายไม่ได้
พระองค์จึงมีหน้าที่ที่จะต้องชักจูงสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้ตรัสรู้ จึงปรากฏ
พระนามว่าสังฆบิดรหรือสังฆปรินายกผู้ปกครองสงฆ์แนะนำสงฆ์ เมื่อ
จะทรงบัญญัติแบบแผนอะไร ๆ พระองค์ก็ทรงบัญญัติให้เป็นไปเพื่อ
สันโดษยินดี ปราศจากลามกซึ่งพระองค์เคยดำเนินมาแล้ว อันไม่เป็น
ปฏิปทาเพื่อจะให้ตรัสรู้ จึงทรงแสดงนิสัย 4 เนื่องในการบิณฑบาต
นุ่งห่มผ้าบังสุกุล อยู่โคนไม้ ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า ให้บรรพชิต
อาศัย เพราะเว้นจากกามฆรกิจมาบรรพชาก็โดยประสงค์ว่าจะทำ
ได้ จึงมีหน้าที่ต้องประพฤติพรหมจรรย์อย่างเดียว พรหมจรรย์ก็มีศีล
เป็นเบื้องต้น คือจะต้องบำเพ็ญศีลให้บริบูรณ์เสียก่อน จึงจะบำเพ็ญ
สมาธิและอบรมปัญญาเป็นลำดับไป เมื่อบรรพชิตมีหน้าที่เช่นนี้ จึง
ไม่ได้เกี่ยวเกาะในการหาเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นการจับปลา 2 มือ ทำกิจ
ศาสนาไม่ได้เต็มที่ จึงทรงอนุญาต ให้แสวงหาอาหารทางบิณฑบาต
ที่ทายกถวายตามมีตามเกิดอย่างเดียว เมื่อไม่มีความกังวลในการหาเลี้ยง
ชีพด้วยตนเองแล้วก็จะได้ประพฤติพรหมจรรย์สะดวก ส่วนผ้าบังสุกุล
และอยู่โคนไม้ ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า ซึ่งเป็นของต่ำที่สุดและหา
ง่าย ที่พระองค์ทรงอนุญาตให้อาศัย ก็เพื่อจะป้องกันไม่ให้น้ำใจกำเริบ
เพราะเป็นผู้อาศัยเขาเลี้ยงชีวิต ถ้าเขาให้ของเลว ๆ ก็จะบ่นจู้จี้จุกจิก
จึงทรงชี้ลงไปต่ำที่สุด เมื่อบรรพชิตมีใจสันโดษยินดีด้วยปัจจัยตามมี
ตามได้แล้ว ก็เป็นผู้ที่เลี้ยงง่าย จะบำเพ็ญศีลซึ่งเป็นความสุภาพทาง
กายวาจาก็สะดวก เมื่อได้บำเพ็ญศีลซึ่งเป็นดุจบันไดขั้นต้นให้เรียบ
ร้อยดีงามแล้ว แม้จะเจริญสมาธิอบรมปัญญา ซึ่งเป็นดุจบันไดขั้นสูง
เพราะเป็นคุณธรรมอันลุ่มลึกโดยลำดับ ซึ่งเป็นคุณธรรมที่ผู้บรรพชาจะ
พึงปรารถนานั้นก็จะทำได้สะดวก เหตุฉะนั้น พระบรมศาสดาจึงทรง
สงเคราะห์เข้าในอนุศาสน์ด้วยหมวด 1.1
2457
ถ. นิสัย 4 เป็นเครื่องอาศัยของบรรพชิตไม่ใช่หรือ? แต่เหตุ
ไฉนจึงมิได้ปฏิบัติเสียโดยมาก ? จงอธิบายให้เห็นจริง.
ต. การที่เราไม่ได้ปฏิบัติเสียโดยมากนั้น เห็นว่าเป็นด้วยเหตุ 2
ประการ คือ 1. ในบัดนี้อติเรกลาภมีบริบูรณ์ยิ่งกว่าในครั้งนั้น 2. เป็น
เพราะความประพฤติของภิกษุในทุกวันนี้ โดยมากย่อหย่อนกว่าในครั้ง
1. ถ้านักเรียนตอบ ไม่จำเป็นต้องให้มากอย่างนี้ก็ได้. ศรี ฯ
นั้นด้วย, การที่เราไม่ได้ปฏิบัติตามโดยมากนั้นเห็นว่าเป็นด้วยเหตุ 2
อย่าง ดังกล่าวมานั้น.
2457
ถ. อย่างไรนิสัย 4 จึงสงเคราะห์เข้าในอนุศาสน์ด้วยหมวด 1 ?
ต. มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความละอายและผิวบาง ต้องอาศัยเครื่อง
นุ่งห่ม เพื่อป้องกันความละอายหนาวร้อนเป็นต้น แต่ต้องเป็นอยู่ด้วย
อาหาร และเป็นสุขได้ด้วยมีที่อยู่อาศัยกันหนาวร้อนเป็นต้น และมี
ยารักษาโรคซึ่งเกิดขึ้น ของ 4 ประการนับว่าเป็นสิ่งจำเป็น มีมนุษย์
ใช้กันทั่วโลก ในฝ่ายภิกษุจำเป็นต้องอาศัยของเหล่านี้ แต่วิธีธรรม-
เนียมแสวงหาและอาศัยไม่เหมือนในทางฆราวาส ถ้าภิกษุใหม่ไม่รู้ก็จะ
ทำไปต่าง ๆ ตามที่ตนเข้าใจมา อาจเป็นการไม่สมควรแก่สมณะ พระ-
องค์จึงจัดนิสัย 4 ซึ่งเป็นข้อที่ภิกษุจะต้องใช้ตั้งแต่ต้นไป จึงจัด
เข้าในอนุศาสน์หมวด 1.
12/11/55-57
ถ. เครื่องอาศัยของบรรพชิตทางพระวินัยว่ามีเพียง 4 ก็ที่ใช้
กันอยุ่ทุกวันนี้ออกจะมากไปกระมัง ? อธิบาย.
ต. ไม่เกิน ไม่มาก นอกจากอัฏฐบริขาร พึงจัดโดยอนุโลม
ดังนี้ คือจีวรจำพวกผ้า นับเข้าในผ้าบังสุกุล จำพวกบิณฑบาต คง
เป็นบิณฑบาต จำพวกเสนาสนะ นับเข้าในโคนไม้ จำพวกเภสัช
นับเข้าในยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า.
2461
ถ. บังสุกุลจีวร คืออะไร ?
ต. บังสุกุลจีวรนั้น คือผ้าอันหาเจ้าของมิได้ ทิ้งเกลือกกลั้วอยู่
กับฝุ่นโดยความเป็นขยะมูลฝอย อันภิกษุเก็บเลือกเอามาทำจีวร.
2467
ถ. กิจอะไร ได้ชื่อว่าอกรณียกิจ ?
ต. เพ่งพยัญชนะ กิจอันไม่ดีไม่งามแก่สมณะ ที่ภิกษุไม่ควรทำ
ชื่อว่าอกรณียกิจทั้งนั้น แต่ในอนุศาสน์กล่าวโดยเฉพาะที่เป็นสำคัญ 4
อย่างคือ เสพเมถุน 1 อทินนาทานเป็นส่วนแห่งขโมย อันถึงที่สุด
เพราะมูลค่าบาทหนึ่ง 1 ฆ่าสัตว์ อันถึงที่สุดเพราะชีวิตมนุษย์ 1 อวด
อุตริมนุสสธรรม 1.
2458
ถ. กิจที่ไม่ควรทำของภิกษุมี 4 อย่างเท่านั้นหรือ ? จึงมีมาใน
อนุศาสน์เพียงเท่านั้น.
ต. กิจไม่ควรทำของภิกษุมีมากกว่า 4 อย่าง ในอนุศาสน์กล่าว
ไว้เพียง 4 อย่างนั้น เฉพาะที่สำคัญ ล่วงเข้าแล้วต้องปาราชิก หรือ
เป็นทางอาจต้องปาราชิก.
2457
ถ. กิจไม่ควรทำมีมากไม่ใช่หรือ ? เหตุไฉนจึงยกขึ้นกล่าวใน
อนุศาสน์เพียง 4 อย่าง ?
ต. มีมากจริงอยู่ แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องยกขึ้นกล่าวในอนุศาสน์