พุทธประวัติ
ปริเฉทที่ 1
ว่าด้วยอินเดียก่อนพุทธกาล
ข้อความเบื้องต้น
เบื้องต้นที่จะศึกษาเรื่องพุทธประวัติหรือตำนานพระพุทธศาสนา
จำเป็นจะต้องศึกษาเรื่องประเทศอินเดีย หรือที่เรียกในยุคโบราณว่า
ชมพูทวีปให้พอสมควรก่อน. ทั้งนี้เพราะเหตุว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงประกอบด้วยเชื้อสายและอุบัติขึ้นในประเทศนั้น, ทรงเจริญวัยขึ้น
ภายใต้การศึกษาและขนบธรรมเนียมของประเทศนั้น, ได้ตรัสรู้ และ
สั่งสอนประชาชน จนในที่สุดเสด็จปรินิพพานในประเทศนั้น, เมื่อ
ได้ศึกษาจนเข้าใจประเทศอินเดียแล้ว จะทำให้เข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ
ซึ่งเกิดขึ้นในอินเดีย เช่นเรื่องพุทธประวัตินี้ได้โดยง่าย และทราบซึ้ง
ตามที่เป็นจริง. แม้จะสันนิษฐานข้อปัญหาใด ๆ ก็มักมีแนวคิด หาก
จะมีข้อผิดพลาดไปบ้างก็คงน้อย.
เมื่อมีความจำเป็นดั่งกล่าวมานี้ หนังสือที่ว่าด้วยพุทธประวัติ
หรือพระพุทธศาสนาทุกเล่ม ซึ่งนักศึกษาได้ค้นคว้าแต่งไว้ จึงต้องมี
เรื่องซึ่งกล่าวด้วยประเทศอินเดียเป็นบทแรกของเล่มอยู่เสมอ. เพราะ
เหตุนั้น การศึกษาในปริเฉทแรกแห่งหนังสือเล่มนี้ จึงควรเริ่มต้น
ด้วยเรื่องภูมิศาสตร์และประชาชนของประเทศอินเดียติดต่อกันไปตาม
ลำดับ.
(1) ภูมิศาสตร์และประชาชน
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้ง ประเทศอินเดีย เป็นประเทศหนึ่งซึ่งรวมอยู่ในทวีปอาเซีย
ตั้งอยู่ในส่วนอบอุ่นเหนือ ต่ำลงมาจนถึงส่วนร้อนของโลก [Tem-
perature & Torrid Zone] ระหว่างเส้นวิตถันดรเหนือ 5 ถึง 30.1
และอยู่ในซีกของโลก ซึ่งชาวตะวันตกสมมติเรียกกันในปัจจุบันนี้ว่า
" ตะวันออกไกล [Far Eastern]," สำหรับอินเดียโดยเฉพาะนั้น
ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทีฆันดร 70 ถึง 90.2 อาณาเขตกล่าวโดยย่อคือ
ทิศเหนือติดต่อกับประเทศทิเบต, ทิศใต้จดมหาสมุทรอินเดีย, ทิศ
ตะวันออกจดอ่าวเบงคอลและประเทศพม่า, ทิศตะวันตกจดทะเล
อาระเบียน ประเทศเปอรเซีย และประเทศอาฟกานิสตาน.
ภูมิประเทศ อินเดียเป็นประเทศหนึ่งในบรรดาประเทศที่ตั้งอยู่
ทางทิศใต้ของทวีปอาเซียด้วยกัน, มีภูเขาหิมาลัยขวางเป็นกำแพงอยู่
ทางทิศเหนือของประเทศ กั้นให้เป็นเขตส่วนหนึ่ง ซึ่งแยกออก
จากร่วมกลางของทวีป. มีทะเลล้อมทางทิศใต้ ตามส่วนใหญ่ของ
ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก. ส่วนยาวที่สุดของดินแดนผืนนี้ คือ
จากทิศเหนือลงไปทางทิศใต้, ส่วนกว้างจากทิศตะวันออกไปทางทิศ
1. ส่วนมากบรรยายตาม บรีฟ. ฮิส. สปิริต. ฟิลลิป. แอต. 2. ประมาณนี้กำหนดส่วนใหญ่
เพราะเส้นเขตมิได้ตรงดิ่ง.
ตะวันตก มีความกว้างและความยาวไล่เลี่ยกัน คือประมาณ 2,000
ไมล์ทั้ง 2 ทาง, จึงมีเนื้อที่เท่า ๆ กับทวีปยุโรปทั้งหมด ในเมื่อเว้น
ประเทศรัสเซียเสีย. เพราะฉะนั้น ควรเข้าใจว่า การพรรณนาเรื่อง
ประเทศอินเดียนั้น เป็นไปในทำนองการพรรณนาเรื่องทวีปมากกว่า
เรื่องประเทศ.
ในประเทศนี้ มีภูมิลักษณะอันเป็นธรรมชาติ และมี
อากาศครบถ้วนทุกอย่าง คือบางตอนมีภูเขาสูงสุดที่มีหิมะปกคลุม
อยู่เนืองนิตย์ มีอากาศหนาวจัด บางตอนมีทะเลทรายซึ่งปราศจาก
ต้นไม้ใบหญ้า มีอากาศร้อนจัด และบางตอนที่ราบซึ่งเต็มไปด้วย
พฤกษชาติ มีอากาศอุ่นสบาย, เพราะฉะนั้น เนื้อที่เป็นอันมาก
จึงมีทั้งที่เยือกเย็นแห้งแล้งและที่อุดมสมบูรณ์. ในประเทศนี้ มี
ธรรมชาติเกิดขึ้นและแปรปรวนไป เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งตั้ง
อยู่ในส่วนอบอุ่นและส่วนร้อนของโลกด้วยกัน.
ดินแดนแห่งประเทศนี้ มีรูปสัณฐานคล้ายกรวยที่ไม่สู้เรียวนัก
ทางทิศใต้เป็นปลายแหลมยื่นลงไปในมหาสมุทรอินเดีย. ที่ปลายแหลม
มีเกาะขนาดใหญ่ ซึ่งในครั้งโบราณเรียกว่า " ประเทศ หรือเกาะ
ลังกา " ดินแดนผืนใหญ่นี้ ถ้าจะอาศัยธรรมชาติพื้นภูมิของประเทศ
เองเป็นเครื่องแบ่งแล้ว จะเห็นได้ชัดทีเดียวว่ามีอยู่ด้วยกัน 3 ภาค
คือ ภาคเหนือ, ภาคกลาง. และภาคใต้.
ภาคเหนือ คือทางที่เปรียบกันได้กับปากกรวย เป็นภูมิประเทศ
สูงทั้งหมด มีระดับสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 3,000 ฟิต เป็น
เนินสูงยาวตลอดส่วนทิศเหนือของประเทศ มีภูเขาหิมาลัยเป็นเส้น
อยู่บนเนินนั้นยาวตลอดไป จึงมีการขนานนามภาคนี้ว่า " ภาค
หิมาลยัน " หรือที่เรียกกันในวรรณคดีโบราณทางฝ่ายพุทธศาสนาว่า
" อุตตราบถ " ภาคนี้ได้แก่พื้นที่ ซึ่งบัดนี้เรียกกันว่า ประเทศกัศมีระ
เนปาล และภุตาน. พื้นที่ส่วนมากเป็นทิวเขาเรียงเป็นหลั่นกันไป,
บางแห่งเป็นดงทึบ บางแห่งเป็นภูเขาโล้นเกลี้ยง ประกอบไปด้วย
ซอกเขาและเหวลึกมากเหลือคณนา หาที่ราบยาก.
ภาคกลาง ได้แก่ที่ราบซึ่งลดเป็นชั้นต่ำลงมาจากเนินสูงนั้นต่อ
ลงมาทางทิศใต้เป็นแนวหน้ากระดาน. ที่เป็นที่ราบมีระดับสูงกว่าน้ำ
ทะเล 600 ถึง 1,200 ฟิต ที่เป็นที่ราบต่ำ มีระดับตั้งแต่เสมอกับ
ระดับน้ำทะเลขึ้นไปจนถึง 600 ฟิต, พื้นที่ลาดต่ำเรื่อยลงไปจนถึง
ทิวเขาวินธยะ. ในภาคกลางหรือภาคที่ 2 นี้เอง ที่เรียกว่ามัธยม-
ประเทศ หรือมัชฌิมชนบท ซึ่งเต็มไปด้วยแว่นแคว้นต่าง ๆ ประกอบ
ไปด้วยพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ด้วยการกสิกรรม. แผ่นดินส่วนนี้ชุ่มชื่น
อยู่ด้วยแม่น้ำสำคัญ ๆ เช่นแม่น้ำสินธู [Indus], คงคา [Ganges]
และพรหมบุตร [Brahmaputra]. ถ้ายกทะเลทรายอันแห้งแล้ง
แห่งแคว้นราชปุตนะออกเสียแล้ว ก็กล่าวได้ว่าดินแดนแถบนี้ทั้งหมด
เป็นถิ่นแห่งความร่ำรวยสมบูรณ์ของประเทศ ได้แก่แถบลุ่มแม่น้ำคงคา
และสาขาต่าง ๆ ของแม่น้ำนี้, เพราะจะมองเห็นสถานะแห่งความมั่งคั่ง
ได้โดยทั่วไป.
ภาคใต้หรือภาคที่ 3 ซึ่งเรียกในยุคโบราณว่า ทักษิณาบถ,
หรือในบัดนี้ว่า ประเทศเดกกัน1นั้น ได้แก่แถบที่ต่อจากทิวเขาวินธยะ
ลงมาทางทิศใต้ จนถึงสุดปลายแหลมซึ่งเปรียบได้กับปลายกรวย,
เรียกว่าแหลม โคมอริน [Comorin] ภูมิระเทศแถบนี้ พื้นที่กลับ
สูงขึ้นกว่าภาคกลาง คืออยู่ในระหว่าง 1,200 ถึง 3,000 ฟิตจาก
ระดับน้ำทะเล เป็นทิวเขาและที่ราบสูงโดยมาก, ที่ราบต่ำแทบ
จะหาไม่ได้เลย จึงมีความมั่งคั่งน้อยกว่าภาคกลางหรือภาคลุ่มแม่น้ำ
คงคา. ดินแดนส่วนนี้มีทิวเขาล้อมรอบทั้ง 3 ด้าน ด้านเหนือมีภูเขา
วินธยะและอื่น ๆ ซึ่งเนื่องเป็นทิวเขาเดียวกัน, ด้านตะวันอออกที่ทิวเขา
อีสเตอรฺนฆาตสฺ [Eastern Ghats] และตะวันตกก็มีทิวเขาเวสเตอรฺน
ฆาตสฺ [Western Ghats] ปลายของ 2 ทิวเขานี้บรรจบกันที่แหลม
โคมอรินพอดี. แม่น้ำในแถบนี้ส่วนมาก เช่นแม่น้ำโคธาวารี, แม่น้ำ
กฤษณา, และแม่น้ำเปนนาร์ ไหลมาทางทิศตะวันออกลงสู่อ่าว
เบงคอล แม่น้ำเนอร์พุททะ และแม่น้ำตาปตี ไหลลงสู่ทิศตะวันตกลง
ทะเลอาระเบียน. ดินแดนแถบนี้มีแคว้นกาลิงค์เท่านั้น ซึ่งพุทธบริษัท
รู้จักกันโดยมาก นอกนั้นไม่ค่อยจะรู้จัก แต่ข้ามไปรู้จักและติดต่อ
กับเกาะลังกา ซึ่งตั้งอยู่ในมหาสมุทรปลายแหลมออกไปทีเดียว.
อากาศและฤดู ตามที่กล่าวมาแล้วว่า ภูมิประเทศมีลักษณะ
กว้างใหญ่ของประเทศอินเดียนั้น ได้แบ่งตัวเองออกเป็น 3 ภาคตาม
ลักษณะพื้นที่ผิดกัน, เหตุนี้อากาศและฤดูแต่ละภาค ๆ ย่อมผิด
1. คำว่า เดกกัน เพี้ยนมาจากคำบาลีว่า ทักขิณ อันเป็นคำเดียวกับคำสันสฤกตว่า ทักษิณ แห่ง
คำว่า ทักษิณาบถ.
แผกกันเป็นธรรมดา. ภาคหิมาลยันซึ่งเป็นที่สูง มีอากาศหนาวตลอด
ปี มีหิมะตกอยู่เสมอ หาแสงแดดหรืออากาศที่แห้งแล้งได้โดยยาก
ทุกบ้านเรือนจะต้องมีเครื่องกันละอองหิมะ หรือปิดประตูหน้าต่างอยู่
เสมอ มิฉะนั้น ภายในห้องจะเปียกชื้น. ในฤดูร้อนชาวยุโรปที่มี
หน้าที่ราชการในอินเดีย ได้ย้ายสำนักงานจากเมืองเดลฮี [Delhi]
หรือเมืองอื่นอันตั้งอยู่ในภาคกลาง ไปเปิดทำงานชั่วคราวในภาคเหนือ
และมักพักที่ตำบลดารฺยีลิง [Darjeeling] ซึ่งมีระดับสูงกว่า
น้ำทะเล 3,000 ฟิตใกล้แถบทิวเขาหิมาลัย ซึ่งกล่าวกันว่ามีอากาศ
หนาวเท่ายุโรปทีเดียว. ตามที่นำเรื่องราวมากล่าวนี้เพื่อจะชี้ให้เห็น
ว่า ขณะที่ภาคกลางกำลังเป็นฤดูร้อนจัด แต่ภาคเหนือก็ยังคงหนาว
มีหิมะตกในบางคราวอยู่นั่นเอง, เพราะฉะนั้น การกล่าวถึงอากาศ
และฤดูในที่นี้ หรือที่กล่าวในคัมภีร์ต่าง ๆ ของพุทธศาสนา พึง
ทราบว่าหมายถึงภาคกลางหรือมัชฌิมชนบท ซึ่งเป็นหัวใจแห่งประเทศ
อินเดีย.
ในภาคกลางนั้นเป็นแผ่นดินผืนใหญ่ มิใช่เป็นคาบสมุทรเล็ก
มีทะเลขนาบ 2 ข้างอย่างประเทศสยาม จึงมีอากาศผิดกันมาก คือฤดู
ร้อนก็ร้อนจริง ฤดูหนาวก็หนาวจริง และฤดูฝนก็ฝนจริง, ต่างกับ
ประเทศสยามเช่นทางภาคใต้ซึ่งมีฝนตกเรื่อย ๆ นอกจากตกหนักใน
ฤดูฝนราวเดือน 1 แล้ว ก็มีตกประปรายตลอดปี ทั้งไม่หนาว หรือ
ร้อนเกินไป เพราะอากาศทะเลช่วยทำการถ่ายเทอยู่เสมอ. แม้ทาง
ภาคเหนือนับว่าค่อนข้างจะมีฤดูอันแน่นอน แต่กระนั้นก็ยังไม่ทัดเทียม