นโม พุทฺธาย
1. อัตตวรรค คือ หมวดตน
1. อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย. [ 1 ]
ชำนะตนนั่นแล เป็นดี.
ต้องรู้ก่อนว่า เดี๋ยวนี้ตนรบกวนเราอย่างไรหรือ เราต้องสู้รบ
ตนอย่างไรหรือ. ตนปล่อยให้เกิดกิเลสครอบงำ เป็นไปตามอำนาจ
กิเลส ว่าโดยง่ายตนมีความเสียอยู่เป็นปกติ อาศัยเหตุนี้แหละตน
รบกวนเราไม่ให้ผาสุกอยู่เสมอ เราต้องต่อสู้ตนอยู่เสมอ. เมื่อเราทำ
กิเลสให้น้อยให้เบาบางลง ก็ชื่อว่าเราเห็นทางชำนะอยู่บ้าง เมื่อเรา
ละได้ขาด ก็ชื่อว่าชำนะได้แท้ไม่กลับแพ้อีก. ชำนะข้าศึกภายนอกได้
สักเท่าใด สู้ชำนะตนไม่ได้ เพราะชำนะตนได้แล้ว เป็นอันชำนะ
ข้าศึกภายนอกได้ด้วย เพราะฉะนั้น ชำนะตนนั่นแล จึงเป็นดี.
2. อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม. [ 2 ]
ได้ยินว่า ตนแล ฝึกได้ยาก.
ฝึกได้ง่ายมิเป็นคนดีไปหมดโลกหรือ เพราะฝึกยาก จึงมีคน
ฝึกแล้วน้อย ไม่ได้ฝึกมากหลาย. ทำไมตนจึงฝึกได้ยาก เพราะ
เหตุหลายอย่าง เช่น เกียจคร้าน ไม่รักตน ไม่กลัวทุกข์. แต่มิใช่
เป็นเอง ถ้าฝึกก็ฝึกได้ ไม่ฝึกก็ไม่ได้ หมั่นฝึกไปแล้วค่อยง่ายเข้า ๆ.
ฝึกตนทำอย่างไร, ฝึกกายวาจาใจให้ดี ฝึกอายตนะทั้ง 6 อย่าให้ยินดี
ยินร้ายเกิด เพราะอายตนะภายในภายนอกกระทบกัน. ผู้ฝึกตน คือ
ฝึกกายวาจาใจหรืออายตนะ 6 ได้แล้ว ชื่อว่า มีชัยอย่างดี ดังพระ
พุทธภาษิตว่า อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย ชำนะตนนั่นแล เป็นดี.
3. อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ. [ 4 ]
ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตน.
อธิบายว่า แม้จะได้ผู้อื่นเป็นที่พึ่งก็เพราะความดีของตน. พึ่ง
ใครไม่ได้จริง ๆ ต้องพึ่งตนของตน. ตนเป็นอย่างไรจึงเป็นอันพึ่ง
ตนได้ ตนต้องประพฤติดีชอบ จึงพึ่งตนได้. ประพฤติดีได้เพียงไร
ก็พึ่งได้เพียงนั้น. ตนประพฤติไม่ดี ก็พึ่งตนไม่ได้ ประพฤติไม่ดีแล้ว
พึ่งใครไม่ได้เป็นอันขาด ประพฤติดีแล้ว พึ่งใคร ๆ ได้เป็นแท้. การ
ที่ประพฤติดีจึงพึ่งใครได้นั้น ก็ชื่อว่าตนเป็นที่พึ่งของตนนั่นเอง พระ-
พุทธภาษิตนี้สอนให้รู้สึกว่า ใครช่วยใครให้เป็นสุขไม่ได้ ได้แต่แนะ
ให้รู้จักอุบายแห่งความสุขอุบายแห่งความทุกข์ ลงท้ายก็ได้แต่แนะให้รู้
ผู้นั้นจะเชื่อจะทำตามหรือไม่ก็แล้วแต่ผู้นั้น ต้องตนของตนทำดีก็จะได้
ชื่อว่าพึ่งตนได้ ทำไม่ดีก็จะชื่อว่าพึ่งตนไม่ได้ จะโทษว่าพึ่งใครพึ่งไม่ได้
ไม่ถูกทั้งนั้น.
4. อตฺตา หิ อตฺตโน คติ. [ 5 ]
ตนเทียว เป็นคติของตน.
ตนทำอะไรลงไปแล้ว ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ย่อมเป็นคติของตน
เอง. ถ้าไม่รู้จักคิดก็เปล่า. ตนทำดีได้รับผลที่สำราญกายใจ ก็เป็น
คติที่ตนจะได้ประพฤติเช่นนั้นหรือให้ยิ่งกว่านั้นต่อไปอีก ตนทำชั่วได้
รับผลที่เดือดร้อนระทมกายใจ ก็เป็นคติที่ตนจะได้ไม่ประพฤติเช่นนั้น
ต่อไปอีก.
5. นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ. [ 7 ]
ความรัก (อื่น) เสมอด้วยตนไม่มี.
ได้ความว่า ความรักวิญญาณกทรัพย์หรืออวิญญาณกทรัพย์แม้จะมี
ก็เป็นแต่สักว่ารัก อันจะมีรักอะไรเสมอเหมือนตนไม่มี. และคงเป็น
เช่นนี้ทุกคน ไม่แต่บางคน. บางคนก็ยอมตายแทนกันได้ จะว่ารักคนอื่น
มากกว่ารักตน หรือไม่รักตนก็ไม่ใช่ ทำดังนั้นก็ชื่อว่ารักตนเหมือนกัน.
บางคนโทมนัสขัดเคืองอะไรหรือกลัวอะไร ก็ฆ่าตัวเสียเอง ด้วยผูกคอ
ตาย เชือดคอตาย กินยาตาย หรือตายด้วยอย่างอื่น ก็ชื่อว่ารักตัว
เหมือนกัน. ตามที่ว่านี้โดยสันนิษฐานว่า บุคคลรักตนแล้ว เมื่อเห็น
ว่าทำอย่างไรดีกว่าอย่างอื่น จำต้องทำอย่างนั้น จะดีชั่ว ถูกผิดไม่ได้
ใคร่ครวญ แต่คงเข้าใจว่าดีว่าถูกเป็นแน่ ยอมตายแทนคนอื่นได้ก็
หมายเป็นชื่อเสียงของตน หรือตลอดวงศ์ของตน ฆ่าตัวตายนั้นก็
หมายว่าเป็นดีกว่าจะอยู่ ทั้งนี้ ก็เพราะรักตัวจึงตกลงยอมตายแทนฆ่าตัว
ตายได้.
เมื่อผู้ปรีชาพิจารณาเห็นว่ารักอะไรอื่นไม่เสมอเหมือนรักตน ตน
เป็นยอดแห่งความรัก เมื่อเป็นเช่นนี้ จะควรประพฤติฉันใดจึงจะสม
กับตนที่เป็นที่รักของตน, ขอบรรยายตามที่พระเจ้าปัสเสนทิโกศล กราบ
ทูลสมเด็จพระทศพล และพระองค์ทรงอนุมัติดังต่อไปนี้. ทูลว่าบุคคล
ประพฤติสุจริต ถึงจะพูดว่าไม่รักตนก็ชื่อว่ารักตน. ทรงอนุมัติว่า
(อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช น หิ ตํ สุลภํ
โหติ สุขํ ทุกฺกฏการินา) ถ้ารู้ว่าตนเป็นที่รักของตน ก็อย่าประกอบ
ตนด้วยกรรมเป็นบาป เพราะบุคคลทำกรรมชั่วจะได้ความสุขไม่ง่าย
เลย ฉะนี้.
6. อตฺตนา โจทยตฺตานํ. [ 18 ]
จงเตือนตนด้วยตนเอง.
คนอื่นเตือนนั้นก็เป็นทางที่ดี แต่จะทำตามหรือไม่ก็แล้วแต่ผู้นั้น.
ที่อาจเป็นต้นเหตุคือผู้เตือนได้แท้ ก็ตนแลเตือนตนนั่นแล คนอื่นเตือน
ไม่สำคัญเท่า.
7. ปฏิมํเสตมตฺตนา. [ 19 ]
จงพิจารณาตนด้วยตนเอง.
ถ้าพิจารณาตนด้วยตนเองแล้ว ก็จะเห็นผิด เห็นถูก ผิดจะได้เว้น
ถูกจะได้ประพฤติ. ว่าโดยคนสามัญ ใครจะพิจารณา ใครจะรู้เรื่อง
ในใจของใครได้ตลอด.
8. อตฺตานํ น ทเท โปโส. [ 23 ]
บุรุษไม่พึงให้ซึ่งตน.
เกิดมาเป็นคนอย่ายอมมอบตนให้แก่ผู้อื่นง่าย ๆ คำนี้ไม่ได้หมาย
ให้เป็นคนเย่อหยิ่งถือตัว ไม่ให้ยอมอยู่ใต้บังคับใคร. จริงอยู่ ถ้าจำเป็น
ต้องยอมพึงให้ท่านผู้อื่นใช้เป็นบ่าว หรือปกครอง ก็ต้องยอม ถ้าไม่
จำเป็นก็อย่ายอมง่าย ๆ. คือถ้าพอจะทำมาหากินเลี้ยงชีพได้เอง เหมือน
คนอื่น ๆ ที่เขาทำได้ ก็ประพฤติให้ได้เช่นนั้น ถ้าหน้าที่ของการงาน
อันใหญ่ มีเจ้าหน้าที่เป็นหลายชั้น ต้องอยู่ในหน้าที่ต่ำลงมาโดยความ
สามารถเพียงนั้น ก็ต้องประพฤติตามหน้าที่อย่างนั้น. การที่จะได้เป็น
ใหญ่เป็นโตบังคับบัญชาผู้คน ไม่สำเร็จด้วยวิ่งเต้นเดินเหินขอร้อง ย่อม
สำเร็จด้วยความรู้ในวิทยานั้น ๆ จริง และประพฤติตนดีงาม. การที่
บุคคลมีความรู้ ความประพฤติดีจริง ๆ นี้ ชื่อว่าไม่ยอมมอบตนให้แก่
ผู้อื่นง่าย ๆ. คนที่ยอมมอบตนให้แก่คนอื่นง่าย ๆ นั้น คือคนเกียจคร้าน
ไม่เอางานเอาการนั้นเอง.
9. อตฺตานํ น ปริจฺจเช. [ 24 ]
บุรุษไม่พึงสละเสียซึ่งตน.
อธิบายว่า อย่าทำลายตนเองเสีย คนไม่เอางานเอาการ กินแล้ว
ก็เที่ยว หรือจะว่าอบายมุข 4 หรือ 6 นั้น เป็นมือขวา ชื่อว่า ทำลาย
ตน. ได้ที่พึ่งที่พักพอจะหาประโยชน์เลี้ยงชีพได้ผาสุก ก็ทำให้ท่าน
เห็นใจว่าเป็นคนอันธพาล ท่านก็ไม่ให้พึ่งพักอาศัยท่าน ก็ต้องเที่ยว
ระเหระหนไม่มีหลัก ก็ชื่อว่าทำลายตน. เมื่อเกิดมาได้พบพระพุทธ-
ศาสนา มีผู้รู้ปฏิบัติพอจะแนะนำให้รู้ทาง ก็ไม่เอาใจใส่ผินหลังให้เสีย
ก็ชื่อว่าทำลายตัวเอง. การประพฤติทำลายตัวเองไม่ให้พ้นทุกข์ภัยทั้งใน
ปัจจุบันและอนาคต สมเด็จพระสัพพัญญูจึงตรัสสอนว่า บุรุษไม่พึง
สละเสียซึ่งตน คืออย่าทำลายตนเองเสีย.
2. อัปปาทวรรค คือ หมวดไม่ประมาท
10. อปฺปมาโท อมตํ ปทํ. [ 29 ]
ความไม่ประมาท เป็นทางไม่ตาย.
ความไม่ประมาท เป็นทาง คือเป็นเหตุ. ไม่ตาย เป็นผล.
เกิดมาแล้วจำต้องตาย ที่ว่าเป็นทางไม่ตาย หมายเอาเหตุบางอย่าง
ที่ไม่ประมาทแล้ว เป็นยังกะไม่ตายได้จริง. ชักตัวอย่างเรื่องนี้มาให้เห็น
หลายอย่างยิ่งดี เช่นอาหารที่เสีย รู้แล้วไม่บริโภค ก็ไม่เป็นทางให้ท้อง