เมนู

เอกกนิทเทส


[860] ในเอกกมาติกาเหล่านั้น ความมัวเมาในชาติ เป็นไฉน ?
ความมัวเมา กิริยาที่มัวเมา สภาพที่มัวเมา ความถือตัว กิริยาที่
ถือตัว สภาพที่ถือตัว การยกตน การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง การยกตน
ขึ้น ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยชาติ นี้เรียกว่า ความมัวเมา
ในชาติ.

[861] ความมัวเมาในโคตร เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยโคตร
นี้เรียกว่า ความมัวเมาในโคตร.
ความมัวเมาในความไม่มีโรค เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยความ
ไม่มีโรค นี้เรียกว่า ความมัวเมาในความไม่มีโรค.
ความมัวเมาในความเป็นหนุ่มสาว เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยความ
เป็นหนุ่มสาว นี้เรียกว่า ความมัวเมาในความเป็นหนุ่มสาว.
ความมัวเมาในชีวิต เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยชีวิต
นี้เรียกว่า ความมัวเมาในชีวิต.
ความมัวเมาในลาภ เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยลาภ
นี้เรียกว่า ความมัวเมาในลาภ.

ความมัวเมาในสักการะ เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยสักการะ
นี้เรียกว่า ความมัวเมาในสักการะ.
ความมัวเมาในการทำความเคารพ เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยการทํา
ความเคารพ นี้เรียกว่า ความมัวเมาในการทำความเคารพ.
ความมัวเมาในความเป็นหัวหน้า เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยความ
เป็นหัวหน้า นี้เรียกว่า ความมัวเมาในความเป็นหัวหน้า.
ความมัวเมาในบริวาร เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยบริวาร
นี้เรียกว่า ความมัวเมาในบริวาร.
ความมัวเมาในโภคสมบัติ เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยโภค
สมบัตินี้เรียกว่า ความมัวเมาในโภคสมบัติ.
ความมัวเมาในวรรณะแห่งสรีระและคุณความดี เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยวรรณะ
แห่งสรีระและคุณความดี นี้เรียกว่า ความมัวเมาในวรรณะแห่งสรีระ
และคุณความดี.
ความมัวเมาในการศึกษา เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยการ
ศึกษา นี้เรียกว่า ความมัวเมาในการศึกษา.

ความมัวเมาในปฏิภาณ เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความทีจิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยปฏิภาณ
นี้เรียกว่า ความมัวเมาในปฏิภาณ.
ความมัวเมาในความเป็นผู้รัตตัญญู เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยความ
เป็นผู้รัตตัญญู นี้เรียกว่า ความมัวเมาในความเป็นผู้รัตตัญญู.
ควานมัวเมาในความถือบิณฑบาตเป็นวัตร เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยความ
เป็นผู้ถือบิณฑบาตเป็นวัตร นี้เรียกว่า ความมัวเมาในความถือบิณฑบาต
เป็นวัตร.

ความมัวเมาในความไม่มีใครดูหมิ่น เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยความไม่
มีใครดูหมิ่น นี้เรียกว่า ความมัวเมาในความไม่มีใครดูหมิ่น.
ความมัวเมาในอิริยาบถ เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยอิริยาบถ
นี้เรียกว่า ความมัวเมาในอิริยาบถ.
ความมัวเมาในอิทธิฤทธิ์ เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยอิทธิฤทธิ์
นี้เรียกว่า ความมัวเมาในอิทธิฤทธิ์.
ความมัวเมาในยศ เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยยศนี้
เรียกว่า ความมัวเมาในยศ.

ความมัวเมาในศีล เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยศีล นี้
เรียกว่า ความมัวเมาในศีล.
ความมัวเมาในฌาน เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยฌาน นี้
เรียกว่า ความมัวเมาในฌาน.
ความมัวเมาในศิลปะ เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยศิลปะ นี้
เรียกว่า ความมัวเมาในศิลปะ.
ความมัวเมาในควานมีทรวดทรงสูง เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยความมี
ทรวดทรงสูง นี้เรียกว่า ความมัวเมาในความมีทรวดทรงสูง.
ความมัวเมาในความมีทรวดทรงสันทัด เป็นไฉน ?
ความเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยความมีทรวด
ทรงสูง นี้เรียกว่า ความมัวเมาในความมีทรวดทรงสันทัด.
ความมัวเมาในความมีทรวดทรงงาม เป็นไฉน ?
ความมัวเมา ฯลฯ ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยความมี
ทรวดทรงงาม นี้เรียกว่า ความมัวเมาในความมีทรวดทรงงาม
ความมัวเมาในความมีร่างกายบริบูรณ์ เป็นไฉน ?
ความมัวเมา กิริยาที่มัวเมา สภาพที่มัวเมา ความถือตัว กิริยาที่ถือ
ตัวสภาพที่ถือตัว กายยกคน การเทิดตน การเชิดชูคนดุจธง การยกตนขึ้น
ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง เพราะอาศัยความมีร่างกายบริบูรณ์ นี้เรียกว่า
ความมัวเมาในควานมีร่างกายบริบูรณ์

[862] ความมัวเมา เป็นไฉน ? .
ความมัวเมา กิริยาที่มัวเมา สภาพที่มัวเมา ความถือตัว กิริยาที่ถือ
ตัว สภาพที่ถือตัว การยกตน การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง การยกตน
ขึ้น ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง อันใด นี้เรียกว่า ความมัวเมา.
[863] ความประมาท เป็นไฉน ?
ความปล่อยจิตไป ความเพิ่มพูนการปล่อยจิตไป ในกายทุจริต
วจีทุจริต มโนทุจริต หรือในกามคุณ 5 หรือความกระทำโดยไม่เคารพ ความ
กระทำโดยไม่ติดต่อ ความกระทำไม่มั่นคง ความประพฤติย่อหย่อน ความ
ทอดทิ้งฉันทะ ความทอดทิ้งธุระ ความไม่เสพให้มาก ความไม่ทำให้เจริญ
ความไม่ทำให้มาก ความไม่ตั้งใจจริง ความไม่ประกอบเนือง ๆ ความประมาท.
ในการเจริญกุศลธรรมทั้งหลาย ความประมาท กิริยาที่ประมาท สภาพที่
ประมาท สภาพที่ประมาท อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ความประมาท.
[864] ความหัวดื้อ เป็นไฉน ?
ความหัวดื้อ กิริยาที่หัวดื้อ สภาพที่หัวดื้อ ความแข็งกระด้าง ความ
หยาบคาย ความดื้อรั้น ความไม่อ่อนโยน อันใด นี้เรียกว่า ความหัวดื้อ.
[865] ความแข่งดี เป็นไฉน ?
ความแข่งดี ความแข่งขึ้นหน้า กิริยาที่แข่งดี กิริยาที่แข่งขึ้นหน้า
สภาพที่แข่งขึ้นหน้า อันใด นี้เรียกว่า ความแข่งดี.
[866] ความอยากได้เกินประมาณ เป็นไฉน ?
ความอยากได้มากของภิกษุผู้ ไม่สันโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
คิลานปัจจยเภสัชบริวาร หรือด้วยกามคุณ 5 ความปรารถนา การปรารถนา
ความมักมาก ความกำหนัด ความกำหนัดนัก ฯลฯ ความกำหนัดนักแห่งจิต
อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ความอยากได้เกินประมาณ.

[867] ความมักมาก เป็นไฉน ?
ความอยากได้มากของภิกษุผู้ไม่สันโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
คิลานปัจจยเภสัชบริขาร หรือด้วยกามคุณ 5 ความปรารถนา การปรารถนา
ความมักมาก ความกำหนัด ความกำหนัดนัก ฯลฯ ความกำหนัดนักแห่งจิต
อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ความมักมาก.
[868] ความปรารถนาลามก เป็นไฉน ?
คนบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ย่อมปรารถนาว่า ขอชนจง
รู้เราว่า เป็นผู้มีศรัทธา เป็นผู้ทุศีล ย่อมปรารถนาว่า ขอชนจงรู้เราว่า
เป็นผู้มีศีล เป็นผู้มีการศึกษาน้อย ย่อมปรารถนาว่า ขอชนจงรู้เราว่า เป็น
ผู้มีการศึกษามาก เป็นผู้ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ย่อมปรารถนาว่า
ขอชนจงรู้เราว่า เป็นผู้ชอบสงัด เป็นผู้เกียจคร้าน ย่อมปรารถนาว่า ขอชน
จงรู้เราว่า เป็นผู้ปรารภความเพียร เป็นผู้มีสติหลงลืม ย่อมปรารถนาว่า
ขอชนจงรู้เราว่า เป็นผู้มีสติตั้งมั่น เป็นผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น ย่อมปรารถนาว่า
ขอชนจงรู้เราว่า เป็นผู้มีจิตตั้งมั่น เป็นผู้มีปัญญาทราม ย่อมปรารถนาว่า
ขอชนจงรู้เราว่า เป็นผู้มีปัญญา เป็นผู้ยังไม่สิ้นอาสวะ ย่อมปรารถนาว่า ขอ
ชนจงรู้เราว่า เป็นผู้สิ้นอาสวะ ความปรารถนา การปรารถนา ความปรารถนา
ลามก ความกำหนัด ความกำหนัดนัก ฯลฯ ความกำหนัดนักแห่งจิต อันใด
มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ความปรารถนาลามก.
[869] การพูดเสียดแทง เป็นไฉน ?
การพูดเสียดแทง สภาพที่พูดเสียดแทง การพูดเป็นสี่เหลี่ยมสี่คม
กิริยาที่พูดเป็นสี่เหลี่ยมสี่คม การพูดมีเหลี่ยมมีคู สภาพที่พูดมีเหลี่ยมมีคู อันใด
นี้เรียกว่า การพูดเสียดแทง.

[870] การพูดเกียดกัน เป็นไฉน ?
การพูดเกียดกัน กิริยาที่พูดเกียดกัน สภาพที่พูดเกียดกัน ความละ-
โมภ กิริยาที่ละโมภ สภาพที่ละโมภ ความถ่อมตนเพื่อจะได้ ความต้องการ
สิ่งที่ประณีต อันใด นี้เรียกว่า การพูดเกียดกัน.
[871] การชอบตกแต่ง เป็นไฉน ?
การตกแต่งจีวร การตกแต่งบาตร การตกแต่งเสนาสนะ การตกแต่ง
กายอันเปื่อยเน่า หรือการตกแต่งบริขารภายนอก การประเทืองผิว การเล่น
หัว การร่าเริง ความกำหนัดยินดี สภาพที่กำหนัดยินดี ความตกแต่ง กิริยา
ที่ตกแต่ง อันใด นี้เรียกว่า การชอบตกแต่ง.
[872] ความประพฤติไม่สมควร เป็นไฉน ?
ความไม่ประพฤติตาม ความประพฤติขัดขืน ความไม่เอื้อเฟื้อ สภาพ
ที่ไม่เอื้อเฟื้อ ความไม่เคารพ ความไม่เชื่อฟัง ในบุคคลใดบุคคลหนึ่งผู้ควร
เคารพ คือ บิดามารดา พี่ชาย พี่สาว อาจารย์ อุปัชฌายะ พระพุทธเจ้า
หรือสาวกของพระพุทธเจ้า นี้เรียกว่า ความประพฤติไม่สมควร.
[873] ความไม่ยินดี เป็นไฉน ?
ความไม่ยินดี กิริยาที่ไม่ยินดี ความไม่ยินดียิ่ง กิริยาที่ไม่ยินดียิ่ง
ความรำคาญ ความกระวนกระวายใจ ในเสนาสนะที่สงัด หรือในอธิกุศล-
ธรรมคือสมถะและวิปัสสนาอย่างใดอย่างหนึ่ง นี้เรียกว่า ความไม่ยินดี.
[874] ความโงกง่วง เป็นไฉน ?
ความง่วงงุน กิริยาที่ง่วงงุน สภาพที่ใจง่วงงุน ความเกียจคร้าน
กิริยาที่เกียจคร้าน สภาพที่เกียจคร้าน อันใด นี้เรียกว่า ความโงกง่วง.

[875] ความบิดกาย เป็นไฉน ?
ความเหยียดกาย การเหยียดกาย ความโน้มกายไปข้างหน้า ความ
โน้มกายไปข้างหลัง ความโน้มกายไปรอบ ๆ ความตั้งตัวตรง ความไม่สบาย
กาย อันใด นี้เรียกว่า ความบิดกาย.
[876] ความเมาอาหาร เป็นไฉน ?
ความมึนเมาเพราะอาหาร ความอึดอัดเพราะอาหาร ความร้อนกระ-
วนกระวายเพราะอาหาร ความหนักเนื้อหนักตัวเพราะอาหาร อันใด ของผู้
บริโภคอาหารแล้ว นี้เรียกว่า ความเมาอาหาร.
[877] ความย่อหย่อนแห่งจิต เป็นไฉน ?
ความไม่สมประกอบแห่งจิต ความไม่ควรแก่การงานแห่งจิต ความ
ท้อแท้ ความถดถอย การย่อหย่อน กิริยาที่ย่อหย่อน สภาพที่ย่อหย่อน
การหดหู่ กิริยาที่หดหู่ สภาพที่หดหู่ แห่งจิต อันใด นี้เรียกว่า ความ
ย่อหย่อนแห่งจิต.

[878] การหลอกลวง เป็นไฉน ?
การหลอกลวงเกี่ยวด้วยการเสพปัจจัย การหลอกลวงด้วยการพูดเสียบ
เคียง หรือการดำรงอิริยาบถ กิริยาที่ดำรงอิริยาบถ ความดำรงอิริยาบถด้วยดี
ความสยิ้วหน้า สภาพที่สยิ้วหน้า การหลอกลวง กิริยาที่หลอกลวง สภาพที่
หลอกลวงของภิกษุผู้มุ่งลาภสักการะและชื่อเสียง ผู้มีความปรารถนาลามก ถูก
ความอยากครอบงำ นี้เรียกว่า การหลอกลวง.
[879] การพูดประจบ เป็นไฉน ?
การทักทายคนอื่น การแนะนำตนเอง การพูดปลอบโยน การพูด
ยกย่อง การพูดเยินยอ การพูดอ้อมค้อม การพูดชมเชย การพูดสรรเสริญ

การพูดสรรเสริญบ่อย ๆ การพูดเอาใจให้คนรัก การพูดยกย่องเพื่อต้องการ
ให้เขารัก การพูดทีจริงทีเล่นเสมอด้วยแกงถั่ว การเป็นผู้รับเลี้ยงเด็ก ของ
ภิกษุผู้มุ่งลาภสักการะและชื่อเสียง ผู้มีความปรารถนาลามก ถูกความอยาก
ครอบงำ อันใด นี้เรียกว่า การพูดประจบ.
[880] การแสดงนิมิต เป็นไฉน ?
การทำนิมิต ความฉลาดในการทำนิมิต การพูดเกี่ยวด้วยปัจจัย การ
พูดเป็นเลศนัย การกระซิบใกล้ ๆ การพูดเลียบเคียง แก่ชนเหล่าอื่น อันใด
ของภิกษุผู้มุ่งลาภสักการะและชื่อเสียง ผู้มีความปรารถนาลามก ถูกความอยาก
ครอบงำ นี้เรียกว่า การแสดงนิมิต.
[881] การพูดติเตียน เป็นไฉน ?
การด่า การพูดข่ม การนินทา การพูดตำหนิโทษ การกล่าวโทษ
การพูดติเตียน การพูดเหยียดหยาม การพูดให้เสียชื่อเสียง การพูดให้เสียชื่อ
เสียงอย่างร้ายแรง การนำเรื่องไปเที่ยวติเตียน การพูดไพเราะต่อหน้านินทา
ลับหลังแก่ชนเหล่าอื่น อันใด ของภิกษุผู้มุ่งลาภสักการะและชื่อเสียง ผู้มีความ
ปรารถนาลามก ถูกความอยากครอบงำ นี้เรียกว่า การพูดติเตียน.
[882] การแลกเปลี่ยนลาภด้วยลาภ เป็นไฉน ?
ภิกษุผู้มุ่งลาภสักการะและชื่อเสียง ผู้มีความปรารถนาลามก ถูกความ
อยากครอบงำ นำอามิสที่ได้จากข้างนี้ไปให้ข้างโน้น นำอามิสที่ได้จากข้างโน้น
มาให้ข้างนี้ การปรารถนา การเสาะหา การแสวงหา กิริยาที่เที่ยวหา กิริยา
ที่แสวงหา ซึ่งอามิสด้วยอามิส อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า การแลก
เปลี่ยนลาภด้วยลาภ.

[883] ความสำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมถือตัวโดยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ โดย
ชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล โดยความเป็นผู้มีรูปงาม โดยทรัพย์
โดยความเป็นใหญ่ โดยหน้าที่การงาน โดยศิลปะ โดยวิทยฐานะ โดยการ
ศึกษาหรือโดยปฏิภาณ ความถือตัว กิริยาที่ถือตัว สภาพที่ถือตัว การยกตน
การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง ความยกตนขึ้น ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง
อันมีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ความสำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา.
[884] ความสำคัญตนว่าเสมอเขา เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมถือตัวโดยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ โดย
ชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล โดยความเป็นผู้มีรูปงาม โดยทรัพย์
โดยความเป็นใหญ่ โดยหน้าที่การงาน โดยศิลปะ โดยวิทยฐานะ โดยการ
ศึกษา หรือ โดยปฏิภาณ ความถือตัว กิริยาที่ถือตัว สภาพที่ถือตัว การยกตน
การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง ความยกตนขึ้น ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง
อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ความสำคัญตนว่าเสมอเขา.
[885] ความสำคัญตนว่าเลวกว่าเขา เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมดูหมิ่นตนเองโดยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง
คือโดยชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล โดยความเป็นผู้มีรูปงาม
โดยทรัพย์ โดยความเป็นใหญ่ โดยหน้าที่การงาน โดยศิลปะ โดยวิทยฐานะ
โดยการศึกษา หรือโดยปฏิภาณ ความดูหมิ่นตน กิริยาที่ดูหมิ่นตน สภาพที่
ดูหมิ่นตน ความเกลียดตน ความเกลียดตนยิ่ง สภาพที่เกลียดตนยิ่ง ความดู
ถูกตน ความดูถูกตนว่าต่ำช้า ความดูแคลนตน อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้
นี้เรียกว่าความสำคัญตนว่าเลวกว่าเขา.

[886] ผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เลิศกว่าเขา ถือตนว่าเลิศกว่าคนอื่น ๆ
โดยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ โดยชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล
โดยความเป็นผู้มีรูปงาม โดยทรัพย์ โดยความเป็นใหญ่ โดยหน้าที่การงาน
โดยศิลปะ โดยวิทยฐานะ โดยการศึกษา หรือโดยปฏิภาณ เขาอาศัยการถือ
ตนว่าเลิศกว่าคนอื่น ๆ เช่นนั้น แล้วถือตัว ความถือตัว กิริยาที่ถือตัว สภาพที่
ถือตัว การยกตน การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง ความยกตนขึ้น ความที่
จิตต้องการเป็นดุจธงอันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ผู้เลิศกว่าเขา
สำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา.

[887] ผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตนว่าเสมอเขา เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เลิศกว่าเขา ถือตนว่าเสมอกับคนอื่น ๆ
โดยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ โดยชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล
โดยความเป็นผู้มีรูปงาม โดยทรัพย์ โดยความเป็นใหญ่ โดยหน้าที่การงาน
โดยวิทยฐานะ โดยการศึกษา หรือโดยปฏิภาณ เขาอาศัยการถือตนว่าเสมอกับ
คนอื่น ๆ เช่นนั้นแล้วถือตัว ความถือตัว กิริยาที่ถือตัว สภาพที่ถือตัว การ
ยกตน การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง ความยกตนขึ้น ความที่จิตต้องการ
เป็นดุจธงอันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตน
ว่าเสมอเขา.

[888] ผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตนว่าเลวกว่าเขา เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เลิศกว่าเขา ถือตนว่าเลวกว่าคนอื่น ๆ
โดยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ โดยชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล
โดยความเป็นผู้มีรูปงาม โดยทรัพย์ โดยความเป็นใหญ่ โดยหน้าที่การงาน

โดยศิลปะ โดยวิทยฐานะ โดยการศึกษา หรือโดยปฏิภาณ เขาอาศัยการถือ
ตนว่าเลวกว่าคนอื่น ๆ เช่นนั้นแล้วดูหมิ่นตน ความดูหมิ่นตน กิริยาที่ดูหมิ่น
ตน ความเกลียดตน กิริยาที่เกลียดตนยิ่ง สภาพที่เกลียดตนอย่างยิ่ง ความดู
ถูกตน ความดูถูกตนว่าต่ำช้า ความดูแคลนตน อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้
นี้เรียกว่า ผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตนว่าเลวกว่าเขา.
[889] ผู้เสมอเขา สำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เสมอเขา ถือตัวว่าเลิศกว่าคนอื่น ๆ โดย
เหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ โดยชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล ฯลฯ
เขาอาศัยการถือตนว่า เลิศกว่าคนอื่น ๆ เช่นนั้นแล้วถือตัว ความถือตัว กิริยา
ที่ถือตัว สภาพที่ถือตัว การยกตน การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง ความยก
ตนขึ้น ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า
ผู้เสมอเขา สำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา.
[890] ผู้เสมอเขา สำคัญตนว่าเสมอเขา เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เสมอเขา ถือคนว่าเสมอกับคนอื่น ๆ
โดยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ โดยชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล
ฯลฯ เขาอาศัยการถือตนว่าเสมอกับคนอื่น ๆ เช่นนั้นแล้วถือตัว ความถือตัว
กิริยาที่ถือตัว สภาพที่ถือตัว การยกตน การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง
ความยกตนขึ้น ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้
เรียกว่า ผู้เสมอเขา สำคัญ นี้ว่าเสมอเขา.
[891] ผู้เสมอเขา สำคัญตนว่าเลวกว่าเขา เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เสมอเขา ถือคนว่าเลวกว่าคนอื่น ๆ
โดยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ โดยชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล

ฯลฯ เขาอาศัยการถือตนว่าเลวกว่าคนอื่น ๆ เช่นนั้นแล้วดูหมิ่นตน ความดู
หมิ่นตน กิริยาที่ดูหมิ่นตน สภาพที่ดูหมิ่นตน ความเกลียดตน กิริยาที่เกลียด
ตนยิ่ง สภาพที่ดูหมิ่นตน ความดูถูกตน ความดูถูกตนว่าต่ำช้า ความดูแคลน
ตน อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ผู้เสมอเขา สำคัญตนว่าเลว
กว่าเขา.

[892] ผู้เลวกว่าเขา สำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนเลวกว่าเขา ถือตนว่าเลิศกว่าคนอื่น ๆ
โดยอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ โดยชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล ฯลฯ
เขาอาศัยการถือตนว่าเลวกว่าคนอื่น ๆ เช่นนั้นแล้วถือตัว การถือตัว กิริยาที่
ถือตัว สภาพที่ถือตัว การยกตน การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง ความยกขึ้น
ขึ้น ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ผู้เลว
กว่าเขา สำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา.

[893] ผู้เลวกว่าเขาสำคัญตนว่าเสมอเขา เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เลวกว่าเขา ถือตนว่าเสมอกับคนอื่น ๆ
โดยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ โดยชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มี
สกุล ฯลฯ เขาอาศัยการถือตนว่าเสมอกับคนอื่น ๆ เช่นนั้นแล้วถือตัว ความ
ถือตัว กิริยาที่ถือตัว สภาพที่ถือตัว การยกตน การเทิดตน การเชิดชูตน
ดุจธง การยกตนขึ้น ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้
นี้เรียกว่า ผู้เลวกว่าเขา สำคัญตนว่าเสมอเขา.
[894] ผู้เลวกว่าเขา สำคัญตนว่าเลวกว่าเขา เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ ถือตนว่าเลวกว่าคนอื่น ๆ โดยเหตุอย่างใด
อย่างหนึ่ง คือ โดยชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล ฯลฯ เขา

อาศัยการถือตนว่าเลวกว่าคนอื่น ๆ เช่นนั้นแล้วดูหมิ่นตน ความดูหมิ่นตน
กิริยาที่ดูหมิ่นตน สภาพที่ดูหมิ่นตน ความเกลียดตน กิริยาที่เกลียดตน สภาพ
ที่เกลียดตนยิ่ง ความดูถูกตน ความดูถูกตนว่าต่ำช้า ความดูแคลนตน อันใด
มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ผู้เลวกว่าเขา สำคัญตนว่าเลวกว่าเขา.
[895] ความถือตัว เป็นไฉน ?
ความถือตัว กิริยาที่ถือตัว สภาพที่ถือตัว การยกตน การเทิดตน
ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง การเชิดชูตนดุจธง การยกตนขึ้น ความที่จิตต้อง
การเป็นดุจธง อันใด นี้เรียกว่า ความถือตัว.
[896] ความดูหมิ่นผู้อื่น เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ ดูหมิ่นคนอื่น ๆ โดยเหตุอย่างหนึ่ง คือ โดย
ชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล ฯลฯ ความถือตัว กิริยาที่ถือตัว
สภาพที่ถือตัว การยกตน การเทิดตน การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง ความยกตนขึ้น
ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ความดู
หมิ่นผู้อื่น.

[897] ความเย่อหยิ่ง เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ เบื้องต้นถือตนว่าเสมอกับคนอื่น ๆ ต่อมา
ภายหลังถือตนว่าเลิศกว่าคนอื่น ๆ ไม่ลดตนให้ต่ำกว่าคนอื่น ๆ โดยเหตุอย่างใด
อย่างหนึ่ง คือ โดยชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล ฯลฯ ความถือตัว
กิริยาที่ถือตัว สภาพที่ถือตัว การยกตน การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง
ความยกตนขึ้น ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง อันใด มีลักษณะเช่นนี้ว่านี้ นี้
เรียกว่า ความเย่อหยิ่ง.

[898] ความดูหมิ่นตนเอง เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ ดูหมิ่นตนเอง โดยเหตุอย่างหนึ่ง คือ โดย
ชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล โดยความเป็นผู้มีรูปงาม โดยทรัพย์
โดยความเป็นใหญ่ โดยหน้าที่การงาน โดยศิลปะ โดยวิทยฐานะ โดยการ
ศึกษาหรือโดยปฏิภาณ ความดูหมิ่นตน กิริยาที่ดูหมิ่นตน สภาพที่ดูหมิ่นตน
ความเกลียดตน ความดูถูกตน ความดูถูกตนว่าต่ำช้า ความดูแคลนตน อัน
ใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ความดูหมิ่นตนเอง.
[899] ความสำคัญว่าได้บรรลุธรรมวิเศษ เป็นไฉน ?
ความสำคัญว่าถึงแล้วในธรรมที่ตนยังไม่ถึง ความสำคัญว่าทำแล้วใน
กิจที่ตนยังไม่ได้ทำ ความสำคัญว่าบรรลุแล้วในธรรมที่คนยังไม่บรรลุ ความ
สำคัญว่าได้ทำให้แจ้งแล้ว ในธรรมที่ตนยังไม่ได้ทำให้แจ้ง ความถือตัว กิริยา
ที่ถือตัว สภาพที่ถือตัว การยกตน การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง ความยก
ตนขึ้น ความที่จิตต้องการเป็นดุจธง อันใดมีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ความ
สำคัญว่าได้บรรลุธรรมวิเศษ.

[900] ความสำคัญว่ามีอัตตาตัวตน เป็นไฉน ?
ความสำคัญในรูปว่าเป็นตัวเรา ความพอใจในรูปว่าเป็นตัวเรา ความ
เข้าใจรูปว่าเป็นตัวเรา ความสำคัญในเวทนาว่าเป็นตัวเรา ฯลฯ ความสำคัญใน
สัญญาว่าเป็นตัวเรา ฯลฯ ความสำคัญในสังขารว่าเป็นตัวเรา ฯลฯ ความ
สำคัญในวิญญาณว่าเป็นตัวเรา ความพอใจในวิญญาณว่าเป็นตัวเรา ความเข้า
ใจในวิญญาณว่าเป็นตัวเรา ความถือตัว กิริยาที่ถือตัว สภาพที่ถือตัว การ
ยกตน การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง ความยกตนขึ้น ความที่จิตต้องการ
เป็นดุจธง อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ความสำคัญว่า มีอัตตา
ตัวตน.

[901] ความถือตัวผิด เป็นไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ ถือตนโดยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คือโดยหน้า
ที่การงานอันลามก โดยศิลปะอันลามก โดยวิทยฐานะอันลามก โดยการศึกษา
อันลามก โดยปฏิภาณอันลามก โดยศีลอันลามก โดยวัตรอันลามก โดยศีล
แล้ววัตรอันลามก หรือโดยทิฏฐิอันลามก ความถือตัว กิริยาที่ถือตัว สภาพ
ที่ถือตัว การยกตน การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง การยกตนขึ้น ความที่จิต
ต้องการเป็นดุจธง อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้ นี้เรียกว่า ความถือตัวผิด.
[902] ความคิดถึงญาติ เป็นไฉน ?
ความตรึก ความตรึกอย่างแรง ฯลฯ ความดำริผิด อันอิงอาศัย
กามคุณ ปรารภถึงหมู่ญาติ นี้เรียกว่า ความคิดถึงญาติ.
[903] ความคิดถึงชนบท เป็นไฉน ?
ความตรึก ความตรึกอย่างแรง ฯลฯ ความดำริผิด อันอิงอาศัย
กามคุณ ปรารภถึงชนบท นี้เรียกว่า ความคิดถึงชนบท.
[904] ความคิดไม่ตายตัว เป็นไฉน ?
ความตรึก ความตรึกอย่างแรง ฯลฯ ความดำริผิด อันอิงอาศัย
กามคุณ ประกอบด้วยทุกกรกิริยา หรือประกอบด้วยทิฏฐิ นี้เรียกว่า ความคิด
ไม่ตายตัว.

[305] ความคิดเกี่ยวด้วยความเอ็นดูผู้อื่น เป็นไฉน ?
สมณพราหมณ์บางคนในโลกนี้ คลุกคลีกับคฤหัสถ์อยู่ มีความรื่นเริง
ร่วมกัน มีความโศกเศร้าร่วมกัน ถึงคราวสุข สุขด้วย ถึงคราวทุกข์ ทุกข์ด้วย
เมื่อมีกิจที่จะพึงทำเกิดขึ้น ก็พยายามช่วยทำด้วยตนเอง ความตรึก ความตรึก

อย่างแรง ฯลฯ ความดำริผิดอันอิงอาศัยกามคุณ ในการคลุกคลีกับคฤหัสถ์
เหล่านั้น นี้เรียกว่า ความคิดเกี่ยวด้วยความเอ็นดูผู้อื่น.
[906] ความคิดเกี่ยวด้วยลาภสักการะและชื่อเสียง เป็นไฉน ?
ความตรึก ความตรึกอย่างแรง ฯลฯ ความดำริผิด อันอิงอาศัย
กามคุณ ปรารภลาภสักการะและชื่อเสียง นี้เรียกว่า ความคิดเกี่ยวด้วยลาภ
สักการะและชื่อเสียง.

[907] ความคิดเกี่ยวด้วยความไม่อยากให้ใครดูหมิ่น เป็น
ไฉน ?
บุคคลบางคนในโลกนี้ รำพึงว่า คนเหล่าอื่นอย่าได้ดูหมิ่นเรา โดย
เหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ โดยชาติ โดยโคตร โดยความเป็นลูกผู้มีสกุล โดย
ความเป็นผู้มีรูปงาม โดยทรัพย์ โดยความเป็นใหญ่ โดยหน้าที่การงาน โดย
ศิลปะ โดยวิทยฐานะ โดยการศึกษา โดยปฏิภาณ ความตรึก ความตรึก
อย่างแรง ฯลฯ ความดำริผิด อันอิงอาศัยกามคุณ ในความไม่อยากให้ใคร
ดูหมิ่นนั้น นี้เรียกว่า ความคิดที่เกี่ยวด้วยความไม่อยากให้ใครดูหมิ่น.

ทุกนิทเทส


[908] ในทุกมาติกาเหล่านั้น โกธะ ความโกรธ เป็นไฉน ?
ความโกรธ กิริยาที่โกรธ สภาพที่โกรธ ความคิดประทุษร้าย กิริยาที่
คิดประทุษร้าย สภาพที่คิดประทุษร้าย ความคิดปองร้าย กิริยาที่คิดปองร้าย
สภาพที่คิดปองร้าย ความยินร้าย ความยินร้ายอย่างร้าย ความดุร้าย ความ
ปากร้าย ความไม่แช่มชื่นแห่งจิต อันใด นี้เรียกว่า โกธะ ความโกรธ.
อุปนาหะ ความผูกโกรธไว้ เป็นไฉน ?