เมนู

การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ปรารภ
ความเพียร.
บทว่า ประคองจิตไว้ มีนิเทศว่า จิต เป็นไฉน ?
จิต มโน มานัส ฯลฯ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ประคองจิตไว้.
บทว่า ทำความเพียร มีนิเทศว่า ความเพียร เป็นไฉน ?
การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ สัมมาวายามะ อันใด นี้เรียกว่า
ความเพียร. ภิกษุ เป็นผู้เข้าไปถึงแล้ว ฯลฯ ประกอบแล้วด้วยความเพียรนี้
ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ทำความเพียร.

เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วมิให้เสื่อม


[480] ก็ภิกษุ ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประ-
คองจิตไว้ ทำความเพียร เพื่อความดำรงอยู่ ความไม่สาบสูญ ความภิญโญยิ่ง
ความไพบูลย์ ความเจริญ ความบริบูรณ์ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เป็น
อย่างไร ?
ในบทเหล่านั้น กุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นไฉน ?
กุศลมูล 3 คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์
สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ที่สัมปยุตด้วยอโลภะ อโทสะ อโมหะ นั้น กายกรรม
วจีกรรม มโนกรรม ที่มีอโลภะ อโทสะ อโมหะนั้นเป็นสมุฏฐาน สภาว-
ธรรมเหล่านี้ เรียกว่า กุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว.
ภิกษุ ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้
ทำความเพียร เพื่อความดำรงอยู่ ความไม่สาบสูญ ความภิญโญยิ่ง ความไพบูลย์
ความเจริญ ความบริบูรณ์ แห่งกุศลธรรมเหล่านี้ที่เกิดขึ้นแล้ว ด้วยประการ
ฉะนี้.

[481] บทว่า เพื่อความดำรงอยู่ มีนิเทศว่า ความดำรงอยู่ อัน
ใด นั้นคือความไม่สาบสูญ ความไม่สาบสูญ อันใด นั้นคือความภิญโญยิ่ง
ความภิญโญยิ่ง อันใด นั้นคือความไพบูลย์ ความไพบูลย์ อันใด นั้นคือความ
เจริญ ความเจริญ อันใด นั้นคือความบริบูรณ์.
[482] บทว่า ทำฉันทะให้เกิด มีนิเทศว่า ฉันทะ เป็นไฉน ?
ความพอใจ การทำความพอใจ ฯลฯ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ทำ
ฉันทะให้เกิด.
บทว่า พยายาม มีนิเทศว่า ความพยายาม เป็นไฉน ?
การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า พยายาม.
บทว่า ปรารภความเพียร มีนิเทศว่า ความเพียร เป็นไฉน ?
การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ปรารภ
ความเพียร.
บทว่า ประคองจิตไว้ มีนิเทศว่า จิต เป็นไฉน ?
จิต มโน มานัส ฯลฯ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ประคองจิตไว้.
บทว่า ทำความเพียร มีนิเทศว่า ความเพียร เป็นไฉน ?
การปรารภความเพียรทางใจ ฯลฯ สัมมาวายามะ อันใด นี้เรียก
ว่า ความเพียร ภิกษุ เป็นผู้เข้าไปถึงแล้ว ฯลฯ ประกอบแล้วด้วยความ
เพียรนี้ ด้วยเหตุนั้น จึงเรียกว่า ทำความเพียร.
สุตตันตภาชนีย์ จบ

อภิธรรมภาชนีย์


[483] สัมมัปปธาน 4 คือ
1. ภิกษุในศาสนานี้ ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภ
ความเพียร ประคองจิตไว้ ทำความเพียร เพื่อป้องกันบาปอกุศล
ธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นมิให้เกิดขึ้น.

2. ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคอง
จิตไว้ ทำความเพียร เพื่อละบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว.

3. ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคอง
จิตไว้ ทำความเพียร เพื่อสร้างกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น.

4. ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร ประคอง
จิตไว้ ทำความเพียร เพื่อความดำรงอยู่ ความไม่สาบสูญ ความ
ภิญโญยิ่ง ความไพบูลย์ ความบริบูรณ์ แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว.

เพียรป้องกันบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นมิให้เกิดขึ้น


[484] ก็ภิกษุ ทำฉันทะให้เกิด พยายาม ปรารภความเพียร
ประคองจิตไว้ ทำความเพียร เพื่อป้องกันบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นมิให้
เกิดขึ้น เป็นอย่างไร ?
ภิกษุในศาสนานี้ เจริญโลกุตตรฌาน อันเป็นเครื่องนำออกไป
จากโลกให้เข้าสู่นิพพาน เพื่อประหาณทิฏฐิ เพื่อบรรลุปฐมภูมิ สงัดจากกาม
สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตก วิจาร
มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา อยู่ในสมัยใด ใน