เมนู

จริยาปิฎก


1. การบำเพ็ญทานบารมี


1. อกิตติจริยา


ว่าด้วยจริยาวัตรของอกิตติดาบส


[1] ในสี่อสงไขยแสนกัป ความประพฤติอัน
ใดในระหว่างนี้ ความประพฤติทั้งหมดนั้น เป็น
เครื่องบ่มพระโพธิญาณ เราจักเว้นความประ-
พฤติในภพน้อยใหญ่ในกัปล่วงแล้วเสีย จัก
บอกความประพฤติในกัปนี้ จงฟังเรา ในกาล
ใด เราเป็นดาบส ชื่ออกิตติ เข้าไปอาศัยอยู่
ในป่าใหญ่อันว่างเปล่า สงัดเงียบ ปราศจาก
เสียงอื้ออึง ในกาลนั้น ด้วยเดชแห่งการประ-
พฤติตบะของเรา สมเด็จอัมรินทร์ผู้ครองไตร-
ทิพย์ทรงร้อนพระทัย ทรงแปลงเพศเป็น
พราหมณ์เข้ามาหาเราเพื่อภิกษา เราได้เห็นอินท-
พราหมณ์มาขึ้นอยู่ใกล้ประตูบรรณศาลาของเรา
จึงเอาใบหมากเม่าที่เรานำมาแต่ป่า อันไม่มีน้ำ-

มัน ทั้งไม่เค็มให้หมด พร้อมกับภาชนะ.
ครั้นได้ให้หมากเม่าแก่อินทพราหมณ์นั้นแล้ว
เราจึงคว่ำภาชนะ ละการแสวงหารบทมากเม่า
ใหม่ เข้าไปยังบรรณศาลา แม้ในวันที่ 2
แม้ในวันที่ 3 อินทพราหมณ์ก็เข้ามายังสำนัก
ของเรา เราไม่หวั่นไหว ไม่อาลัยในชีวิต ได้
ให้หมดสิ้นเช่นวันก่อนเหมือนกัน ในสรีระ
ของเราไม่มีความหมองศรีเพราะการอดอาหาร
นั้นเป็นปัจจัย เรายังวันนั้น ๆ ให้น้อมล่วง
ไปด้วย ปีติ สุข และความยินดี ถ้าเรา
พึงได้ทักขิไณยบุคคลผู้ประเสริฐ แม้เดือน
หนึ่งสองเดือนเราก็ไม่หวั่นไหว ไม่ท้อแท้ใจ
พึงทานอันอุดม เมื่อให้ทานแก่ อินทพราหมณ์
นั้น เราจะได้ปรารถนายศและลาภก็หามิได้
เราปรารถนาพระสัพพัญญุตญาณเท่านั้น จึง
ได้ประพฤติกรรมเหล่านั้น ฉะนี้.

จบอกิตติจริยาที่ 1

อรรถกถาจริยาปิฎก


ในขุททนิกายชื่อว่าปรมัตถทีปนี


ขอความนอบน้อมจงมีแด่


พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น



คันถารัมภกถา


(กถาเริ่มแต่งคัมภีร์)
พระจริยาเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพ
โลกของพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงแสวงหาคุณ
ใหญ่พระองค์ใด ข้าพเจ้าขออภิวาทพระผู้มี-
พระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้มีอานุภาพเป็นอจิน-
ไตย ผู้เป็นนายกเลิศของโลก.
พระจริยาสมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ
นำสัตว์ออกจากโลกด้วยพระธรรมใด ข้าพเจ้า
ขอนมัสการพระธรรมอันอุดมนั้น อันพระสัม-
มาสัมพุทธเจ้าทรงบูชาแล้ว.

พระอริยสงฆ์ใด เป็นผู้ตั้งอยู่ในมรรค
และผลสมบูรณ์ด้วยคุณมีศีลเป็นต้น ข้าพเจ้า
ขอนอบน้อมพระอริยสงฆ์นั้น ผู้เป็นเนื้อนาบุญ
อันยอดเยี่ยม.
บุญใด เกิดแต่การนอบน้อมนมัสการ
พระรัตนตรัย ขอข้าพเจ้า ปราศจากอันตราย
ในที่ทั้งปวงด้วยเดชแห่งบุญนั้น.
บารมีใด มีทานบารมีเป็นต้น อันเป็น
บารมีชั้นอุกฤษฏ์ซึ่งบุคคลทำได้ยาก อันพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงแสวงหาคุณใหญ่ประทับ
อยู่ ณ นิโครธารามในแคว้นสักกะ ทรงประ-
กาศอานุภาพแห่งสัมโพธิจริยา แห่งพระบารมี
เหล่านั้น ทรงสะสมไว้ในภัตรกัปนี้.
ปิฎกใด ชื่อว่าจริยาปิฎกอันพระโลกนาถ
ทรงแสดงแล้วแก่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรผู้
เป็นยอดแห่งพระสาวกทั้งปวง.

พระธรรมสังคาหกาจารย์ทั้งหลายผู้แสวง
หาคุณใหญ่ ได้ร้อยกรองปิฎกใดอันแสดงถึง
เหตุสมบัติของพระศาสดา.
การพรรณนาอรรถที่ทำได้ยาก ข้าพเจ้า
สามารถจะทำได้เพราะอาศัยนัยอันจำแนกสัม-
โพธิสมภารแห่งปิฎกนั้น.
เพราะการพรรณนาอันเป็นคำสอนของ
พระศาสดา จะทรงอยู่ การวินิจฉัยของบุรพ-
จารย์ผู้เป็นดังสีหะ จะดำรงอยู่ ฉะนั้น ข้าพเจ้า
จะรักษาและยึดปิฎกนั้นอันเป็นนัยแห่งอรรถ-
กถาเก่า อาศัยชาดกโดยประการทั้งปวงเป็นที่
อาศัยได้ มิใช่เป็นทางแห่งคำพูด บริสุทธิ์ด้วย
ดี ไม่วุ่นวาย เป็นข้อวินิจฉัยอรรถอันละเอียด
ของพระเถระทั้งหลายผู้อาศัยอยู่ ณ มหาวิหาร
แล้วจักทำการพรรณนาอรรถแห่งจริยาปิฎกนั้น
แสดงพระบารมีอันมีเนื้อความที่ได้แนะนำแล้ว
และควรแนะนำต่อไป.

ด้วยประการฉะนี้ขอท่านสาธุชนทั้งหลาย
เมื่อหวังให้พระสัทธรรมดำรงอยู่ตลอดกาลนาน
จงพิจารณาอรรถแห่งปิฎกนั้น ซึ่งจำแนกไว้
ฉะนี้แล.

ในบทเหล่านั้นบทว่า จริยาปิฎกํ ชื่อว่าจริยาปิฎกด้วยอรรถว่าอย่าง
ไร ? ด้วยอรรถว่าเป็นตำราประกาศถึงพระจริยานุภาพของพระศาสดาในชาติ
ที่เป็นอดีต. จริงอยู่ ปิฎก ศัพท์นี้ มีอรรถว่า ตำรา ดุจในบทมีอาทิว่า มา
ปิฏกสมฺปาทเนน
อย่าเชื่อโดยอ้าง ตำรา. อีกอย่างหนึ่ง เพราะปริยัตินั้น
เป็นดังภาชนะประกาศอานุภาพของพระจริยาทั้งหลาย ในชาติก่อนของพระ-
ศาสดานั้นเอง ฉะนั้นท่านจึงเรียกว่า จริยาปิฎกจริงอยู่ แม้อรรถว่าภาชนะ
ท่านก็แสดงถึง ปิฎก ศัพท์ ดุจในประโยคมีอาทิว่า อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย
กุทาลปิฏกํ อาทาย
ครั้นบุรุษเดินมาก็ถือเอาจอบและ ตะกร้า มาด้วย.
อนึ่ง จริยาปิฎกที่นั้นนับเนื่องอยู่ในสุตตันตปิฎก ในปิฎก 3 คือ วินัยปิฎก
สุตตันตปิฎก อภิธรรมปิฎก. นับเนื่องอยู่ในขุททกนิกายในนิกาย 5 คือ
ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย อังคุตตรนิกาย ขุททกนิกาย.
สงเคราะห์เข้าใน คาถา ในองค์แห่งคำสอน 9 องค์ คือ สุตตะ เคยยะ
เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตะ เวทัลละ. สงเคราะห์
เข้าในธรรมขันธ์เบ็ดเตล็ดในธรรมขันธ์ 84,000 พระธรรมขันธ์ อันท่าน
ผู้เป็นธรรมภัณฑาคาริก ได้ประกาศไว้อย่างนี้ว่า :-