สัททสัญญิกวรรคที่ 36
สัททสัญญิกเถราปทานที่ 1 (351)
ว่าด้วยผลแห่งความเลื่อมใส
[353] ครั้งก่อน เราเป็นพรานเนื้อ (เที่ยว) อยู่ในป่าใหญ่ ได้
พบพระสัมพุทธเจ้าแวดล้อมด้วยสงฆ์สองฝ่ายในป่านั้น.
ซึ่งกำลังทรงประกาศสัจจะ 4 ทรงรื้อถอน (ช่วยเหลือ)
มหาชน เราได้ฟังพระวาจาอันไพเราะเปรียบด้วยเสียงนก
การเวกของพระมหามุนี พระนามว่า สิขี มีพระสำเนียงดัง
พรหม เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก เรายังจิตให้เลื่อมใสในพระ-
สำเนียงแล้ว ได้บรรลุความสิ้นอาสวะ.
ในกัปที่ 31 แต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใด ในกาลนั้น ด้วย
กรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งความเลื่อมใส.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสัททสัญญิกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบสัททสัญญิกเถราปทาน
ยวกลาปิยเถราปทาที่ 2 (352)
ว่าด้วยผลแห่งการลาดหญ้า
[354] ในกาลนั้น เราเป็นคนเกี่ยวหญ้าอยู่ในนครอรุณวดี ได้
เห็นพระสัมพุทธเจ้าที่หนทาง จึงลาดกำหญ้าถวาย (ให้
ประทับ)
พระพุทธเจ้าพระนามว่า สิขี ผู้ทรงอนุเคราะห์ ทรงมี
พระกรุณาเป็นอัครนายกของโลก ทรงทราบความดำริของเรา
จึงประทับนั่งบนลาดหญ้า.
เราเห็นพระองค์ผู้ปราศจากมลทิน ผู้เพ่งพินิจมาก เป็น
ผู้แนะนำดี เกิดความปราโมทย์แล้วทำกาลกิริยา ณ ที่นั้น.
ในกัปที่ 31 แต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วย
กรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการลาดหญ้า.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระยวกลาปิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบยวกลาปิยเถราปทาน