สรณคมนิยเถราปทานที่ 3 (113)
ว่าด้วยผลแห่งการถึงศาสดาเป็นสรณะ
[115] สงครามปรากฏแก่ท้าวเทวราชทั้งสอง (พญายักษ์) กอง
ทัพประชิดกันเป็นหมู่ ๆ เสียงอันดังกึกก้องได้เป็นไป.
พระศาสดาพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงรู้แจ้งโลก สมควร
รับเครื่องบูชา ประทับยืนอยู่ในอากาศ ทรงยังมหาชนให้เกิด
สังเวช.
เทวดาทั้งปวงมีใจยินดีต่างวางเกราะและอาวุธ ถวาย
บังคมพระสัมพุทธเจ้า รวมเป็นอันเดียวกันได้ในขณะนั้น.
พระศาสดาผู้ทรงอนุเคราะห์ ทรงรู้แจ้งโลก ทรงทราบ
ความดำริของเราแล้ว ทรงเปล่งวาจาสัตบุรุษ ทรงยังมหาชน
ให้เย็นใจว่า
ผู้เกิดเป็นมนุษย์มีจิตประทุษร้าย เบียดเบียนสัตว์เพียง
ตัวหนึ่ง จะต้องเข้าถึงอบายเพราะจิตประทุษร้ายนั้น.
เปรียบเหมือนช้างในค่ายสงคราม เบียดเบียนสัตว์เป็น
อันมาก ท่านทั้งหลายจงดับ (ระงับ) จิตของตน อย่าเดือด
ร้อนบ่อย ๆ เลย.
แม้พวกเสนาของพญายักษ์ทั้งสอง ได้ประชุมกัน นับถือ
พระโลกเชษฐ์ผู้คงที่เป็นอันดี เป็นสรณะ.
ส่วนพระศาสดาผู้มีพระจักษุ ทรงยังหมู่ชนให้ยินยอมแล้ว
ทรงเพ่งดูในเบื้องบนจากเทวดาทั้งหลาย บ่ายพระพักตร์ทาง
ทิศอุดรเสด็จกลับไป.
เราได้นับถือพระองค์ผู้จอมสัตว์ผู้คงที่เป็นสรณะก่อนใคร ๆ
เราไม่ได้เข้าถึงทุคติเลยตลอดแสนกัป.
ใน 3 หมื่นกัปแต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 16 ครั้ง
มีพระนามว่ามหาจุนทภิ และพระนามว่ารเถสภะ.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสรณคมนิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบสรณคมนิยเถราปทาน
113. อรรถกถาสรณคมนิยเถราปทาน
อปทานของท่านพระสรณคมนิยเถระ มีคำเริ่มต้นว่า อุภินฺนํ
เทวราชูนํ ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธเจ้า
พระองค์ก่อน ๆ ทุก ๆ ภพนั้นจะสร้างสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระ-
นิพพานเป็นประจำเสมอ ในเวลาที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า
ปทุมุตตระ บังเกิดขึ้น ท่านรูปนี้ได้เกิดเป็นจอมเทพประจำป่าหิมวันต์.
สมัยหนึ่ง เมื่อจอมเทพนั้น ตระเตรียมเพื่อจะทำสงครามระหว่างยักษ์กับ
จอมเทพฝ่ายอื่น พวกบริวารของยักษ์มากมายประมาณได้ 2,000 ตน