เมนู

อสนโพธิยเถราปทานที่ 10 (60)


ว่าด้วยผลแห่งการปลูกไม้โพธิ์


[62] เรามีอายุ 7 ปีโดยกำเนิด ได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้
เป็นนายกของโลก เรามีจิตเลื่อมใส มีใจโสมนัส ได้เข้า
ไปเฝ้าพระองค์ผู้สูงสุดกว่านรชน เราร่าเริง มีจิตโสมนัส
ได้ปลูกไม้โพธิ์อันอุดม ถวายแด่พระผู้มาพระภาคเจ้าพระนาม
ว่าติสสะเชษฐบุรุษของโลก ผู้คงที่ ต้นไม้อันงอกขึ้นบนแผ่น
ดิน โดยนามบัญญัติชื่อว่าอสนะ (ประดู่) เราบำรุงโพธิ์ชื่อ
อสนะอันอุดมนี้อยู่ 5 ปี.

จึงได้เห็นต้นไม้มีดอกบานน่าอัศจรรย์ เป็นเหตุให้
ขนพองสยองเกล้า เมื่อจะประกาศกรรมของตน จึงเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ประเสริฐสุด.

เวลานั้นองค์พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ เป็นสยัมภู
อัครบุคคล ประทับนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ แล้วได้ตรัส
พระคาถาเหล่านี้ว่า.

ผู้ใดปลูกต้นโพธิ์นี้ และกระทำพุทธบูชาโดยเคารพ เรา
จักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว.
ผู้นั้นจักได้เสวยเทวรัชสมบัติในเทวดาทั้งหลาย ตลอด
30 กัป และจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 64 ครั้ง เคลื่อนจาก
ดุสิตพิภพแล้ว อันกุศลมูลตักเตือน เสวยสมบัติทั้งสองแล้ว
จักรื่นรมย์อยู่ในความเป็นมนุษย์ ผู้นั้นมีใจแน่วแน่เพื่อความ

เพียร สงบระงับ ไม่มีอุปธิ กำหนดรู้อาสนะทั้งปวงแล้ว
จักไม่มีอาสวะ นิพพาน เราประกอบวิเวกเนือง ๆ เป็นผู้สงบ
ระงับ ไม่มีอุปธิ ตัดเครื่องผูกดังช้างทำลายปลอกแล้ว ไม่มี
อาสวะอยู่.

ในกัปที่ 92 แต่กัปนี้ เราได้ปลูกต้นโพธิ์ในเวลานั้น ด้วย
กรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการปลูกต้นโพธิ์.

ในกัปที่ 74 แต่กัปนี้ เวลานั้นได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ มีนามปรากฏว่าทัณฑเสน.

ในกัปที่ 73 แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 7 ครั้ง
ผู้เป็นใหญ่ในเผ่นดิน มีพระนามว่าสมันตเนมิ.

ในกัปที่ 20 ถ้วนแต่กัปนี้ ได้เป็นกษัตริย์พระนามว่า
ปุณณกะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ
มีพละมาก.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว
ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระอสนโพธิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบแสนโพธิยเถราปทาน

60. อรรถกถาอสนโพธิยเถราปทาน


อปทานของท่านพระอสนโพธิยเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ชาติยา
สตฺตวสฺโสหํ
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้น ๆ ในกาล
แห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง
เจริญวัยแล้ว ได้รับความสุข เลื่อมใสในพระศาสนา ถือเอาผลไม้โพธิ์
ที่ออกจากโพธิพฤกษ์ แล้วถือเอาต้นโพธิ์หนุ่มที่ออกจากต้นโพธิ์นั้น แล้ว
ปลูกเป็นต้นโพธิ์. รักษาไว้บูชาโดยกรรมมีการรดน้ำเป็นต้น โดยประการที่
จะไม่พินาศไป. ด้วยบุญนั้น ท่านจึงเสวยสมบัติในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูล เพราะท่านมีบุญสมภาร
แก่รอบ ท่านมีอายุ 7 ขวบท่านบรรพชาแล้วบรรลุพระอรหัตขณะปลงผม
นั้นเอง. ท่านปรากฏโดยชื่อแห่งบุญที่ตนบำเพ็ญไว้ในกาลก่อนว่า อสน-
โพธิยิเถระ. ท่านระลึกถึงบุญสมภารในกาลก่อน เกิดโสมนัส เมื่อจะ
ประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า ชาติยา สตฺตวสฺโสหํ ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ชาติยา ความว่า จำเดิมแต่กาลที่ตน
ตลอดจากครรภ์มารดา. เชื่อมความว่า เรามีอายุ 7 ขวบมีฤดูสรทะบริบูรณ์
ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ติสสะ ผู้นำสัตว์โลก. บทว่า
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน ความว่า ผู้มีจิตผ่องใส ไม่ขุ่นมัว ไม่หวั่นไหว
โดยประการ อธิบายว่า ผู้มีใจ คือผู้มีใจงาม ได้แก่ผู้มีจิตเกิดพร้อม
กับโสมนัส.