เมนู

ทางกันดารแต่ที่อดอยาก ทางกันดารแต่ที่ไม่มีน้ำ ให้ถึงพร้อมซึ่งภูมิภาค
อันเกษม ฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้นำออก ข้ามออก ข้ามพ้น ซึ่ง
กันดารแต่ชาติ กันดารแต่พยาธิ กันดารแต่มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์
โทมนัส และอุปายาส กันดารแต่ราคะ กันดารแต่โทสะ โมหะ มานะ
ทิฏฐิ กิเลสและทุจริต รกชัฏคือราคะ รกชัฏคือโทสะ โมหะ มานะ
และทิฏฐิ รกชัฏคือกิเลส ให้ถึงพร้อมซึ่งอมตนิพพานอันเป็นส่วนเกษม
ฉันนั้นเหมือนกัน แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงชื่อว่า
ผู้นำพวก.
อนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้นำ ผู้แนะนำ ผู้นำเนือง ๆ ผู้ให้รู้ดี
ผู้ให้พินิจ ผู้เพ่งดู ผู้ให้เลื่อมใส แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ดังนี้ พระผู้มีพระ
ภาคเจ้าจึงชื่อว่า ผู้นำพวก.
อนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ยังมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ทรง
ยังมรรคที่ยังไม่เกิดพร้อมให้เกิดพร้อม ผู้ตรัสบอกมรรคที่ยังไม่มีใครบอก
ทรงทราบมรรค ทรงรู้แจ้งมรรค ทางฉลาดในมรรค ก็แหละในบัดนี้
สาวกทั้งหลายของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นผู้ดำเนินตามมรรค
อยู่ เป็นผู้ประกอบศีลาทิคุณในภายหลัง แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ดังนี้ พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าจึงชื่อว่า ผู้นำพวก เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พระศาสดา
ผู้มีพระกระแสเสียงอันไพเราะอย่างนี้.

ว่าด้วยพระพุทธเจ้าเป็นพระคณาจารย์


[887] คำว่า เสด็จจากภพดุสิตมาสู่ความเป็นพระคณาจารย์
ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงจุติจากชั้นดุสิต ทรงมีพระสติสัมปชัญญะ

ลงสู่พระครรภ์พระมารดา แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ ดังนี้ จึงชื่อว่า เสด็จจาก
ภพดุสิตมาสู่ความเป็นพระคณาจารย์.
อีกอย่างหนึ่ง พวกเทวดาท่านกล่าวว่า ดุสิต เทวดาเหล่านั้นยินดี
พอใจ ชอบใจ เบิกบาน เกิดปีติโสมนัสว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาก
ดุสิตเทวโลกมาสู่ความเป็นพระคณาจารย์ แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ดังนี้ จึงชื่อว่า
เสด็จจากภพดุสิตมาสู่ความเป็นพระคณาจารย์.
อีกอย่างหนึ่ง พระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านกล่าวว่า ดุสิต พระอรหันต์
เหล่านั้นยินดี พอใจ ชอบใจ มีความดำริบริบูรณ์ว่า พระผู้มีพระภาค-
เจ้าเสด็จมาสู่ความเป็นพระคณาจารย์แห่งพระอรหันต์ทั้งหลาย แม้ด้วยเหตุ
อย่างนี้ ดังนี้ จึงชื่อว่า เสด็จจากภพดุสิตมาสู่ความเป็นพระคณาจารย์.
คำว่า คณี ความว่า มีคณะ พระผู้มีพระภาคเจ้าชื่อว่าเป็นคณี
เพราะอรรถว่า เป็นพระคณาจารย์ เพราะอรรถว่า เป็นพระศาสดาของ
คณะ เพราะอรรถว่า พระองค์ทรงบริหารคณะ เพราะอรรถว่า พระองค์
ตรัสสอนคณะ เพราะอรรถว่า พระองค์ทรงพร่ำสอนคณะ เพราะอรรถว่า
พระองค์มีความองอาจเสด็จเข้าไปสู่คณะ เพราะอรรถว่า คณะย่อมตั้งใจ
ฟังต่อพระองค์ เงี่ยโสตลงฟัง เข้าไปตั้งจิตเพื่อความรู้ เพราะอรรถว่า
พระองค์ทรงยังคณะให้ออกจากอกุศล ให้ตั้งอยู่ในกุศล เป็นคณาจารย์
ของคณะภิกษุ เป็นคณาจารย์ของคณะภิกษุณี เป็นคณาจารย์ของคณะ
อุบาสก เป็นคณาจารย์ของคณะอุบาสิกา เป็นคณาจารย์ของคณะพระราชา
เป็นคณาจารย์ของคณะกษัตริย์ เป็นคณาจารย์ของคณะพราหมณ์ เป็น
คณาจารย์ของคณะแพศย์ เป็นคณาจารย์ของคณะศูทร เป็นคณาจารย์ของ
คณะเทวดา เป็นคณาจารย์ของคณะพรหม พระศาสดาเป็นผู้มีหมู่ มีคณะ

เป็นพระคณาจารย์ เสด็จมา เข้าไป เข้าไปพร้อม ถึงพร้อมแล้ว ซึ่ง
สังกัสสนคร เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เสด็จจากภพดุสิตมาสู่ความเป็น
พระคณาจารย์ เพราะเหตุนั้น พระสารีบุตรเถระจึงกล่าวว่า
(ท่านพระสารีบุตรกล่าวดังนี้ว่า) พระศาสดาผู้มีพระ-
กระแสเสียงอันไพเราะ เสด็จจากภพดุสิต มาสู่ความ
เป็นพระคณาจารย์อย่างนี้ ก่อนแต่นี้ข้าพเจ้าไม่เคยเห็น
ทั้งไม่เคยได้ยินต่อใคร ๆเลย.

[888] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีพระจักษุ ย่อมปรากฏเด่นชัด
แก่โลก พร้อมทั้งเทวโลก พระองค์ทรงกำจัดมืดทั้งปวง
เป็นบุคคลผู้เอก บรรลุแล้วถึงความยินดี.

[889] คำว่า แก่โลกพร้อมทั้งเทวโลก ความว่า แก่โลกพร้อม
ทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก แก่หมู่สัตว์พร้อมสมณพราหมณ์ เทวดา
และมนุษย์ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า แก่โลกพร้อมทั้งเทวโลก.

ว่าด้วยพระพุทธเจ้าปรากฏแก่เทวดาและมนุษย์


[890] คำว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีพระจักษุ ย่อมปรากฏ
เด่นชัด
ความว่า พวกเทวดาย่อมเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับแสดง
ธรรมอยู่ที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ณ ควงไม้ปาริฉัตตกะ ในภพดาวดึงส์
ฉันใด พวกมนุษย์ก็ย่อมเห็นฉันนั้น พวกมนุษย์ย่อมเห็นฉันใด พวก
เทวดาก็ย่อมเห็นฉันนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมปรากฏแก่พวกเทวดา
ฉันใด ก็ย่อมปรากฏแก่พวกมนุษย์ฉันนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมปรากฏ