เมนู

ขึ้น เพราะปรารภถึงสังขารทั้งหลายเป็นส่วนอดีต ท่านจงยังกิเลสเหล่านั้น
ให้เหือดไป เหือดหายไป เหือดแห้งไป คือ จงละ บรรเทา ทำให้สิ้น
ไป ให้ถึงความไม่มีในภายหลัง ด้วยเหตุอย่างนี้ดังนี้ จึงชื่อว่า กิเลส-
ชาตที่พึงเกิดขึ้น เพราะปรารภสังขารในกาลก่อน ท่านจงให้เหือดหายไป
เสีย อีกอย่างหนึ่ง อภิสังขาร คือกรรมเป็นส่วนอดีตเหล่าใด ที่ยังมิได้
ให้ผล ท่านจงยังอภิสังขารคือกรรมเหล่านั้นให้เหือดไป เหือดหายไป
เหือดแห้งไป คือ จงทำให้สิ้นพืช ละ บรรเทา ทำให้สิ้นไป ให้ถึงความ
ไม่มีในภายหลัง แม้ด้วยเหตุอย่างนี้ดังนี้ จึงชื่อว่า กิเลสชาตที่พึงเกิดขึ้น
เพราะปรารภถึงสังขารในกาลก่อน ท่านจงให้เหือดหายไป.

ว่าด้วยอนาคตเรียกว่าภายหลัง


[858] คำว่า กิเลสชาตเครื่องกังวลที่พึงเกิดขึ้น เพราะปรารภ
ถึงสังขารในภายหลัง อย่าได้มีแก่ท่าน
ความว่า อนาคต เรียกว่า
ภายหลัง กิเลสชาตเครื่องกังวลเหล่าใด คือ กิเลสชาตเครื่องกังวลคือราคะ
โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ กิเลส ทุจริต พึงเกิดขึ้นเพราะปรารภสังขาร
ทั้งหลายในอนาคต กิเลสชาตเครื่องกังวลเหล่านี้ อย่าได้มีแก่ท่าน คือ
ท่านอย่าทำให้ปรากฏ อย่าให้เกิด อย่าให้เกิดพร้อม อย่าให้บังเกิด อย่า
ให้บังเกิดเฉพาะ จงละ บรรเทา ทำให้สิ้นไป ให้ถึงความไม่มีในภายหลัง
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า กิเลสชาตเครื่องกังวลที่พึงเกิดขึ้น เพราะปรารภ
ถึงสังขารในภายหลัง อย่าได้มีแก่ท่าน.
[859] คำว่า ถ้าท่านจักรไม่ถือเอาสังขารในท่ามกลาง ความว่า
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นปัจจุบัน เรียกว่า ท่ามกลาง

ท่านจักไม่ถือเอา ไม่ยึด ไม่ถือ ไม่ยึดถือ ไม่ยินดี ไม่พูดถึง ไม่ติดใจ
คือ จักละ บรรเทา ทำให้สิ้นไป ให้ถึงความไม่มีในภายหลัง ซึ่งความ
ยินดี ความพูดถึง ความติดใจ ความถือ ความยึดถือ ความถือมั่น
ซึ่งสังขารทั้งหลายในปัจจุบันนี้ ด้วยสามารถแห่งตัณหา ด้วยสามารถแห่ง
ทิฏฐิ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ถ้าท่านจักไม่ถือเอาสังขารในท่ามกลาง.
[860] คำว่า ท่านจักเป็นผู้เข้าไปสงบประพฤติไป ความว่า
ท่านจักเป็นผู้สงบ เข้าไปสงบ เข้าไปสงบวิเศษ ดับ ระงับแล้ว เพราะราคะ
โทสะ ฯลฯ อกุสลาภิสังขารทั้งปวง เป็นสภาพสงบ สงบเงียบ เข้าไป
สงบวิเศษ ถูกเผา ดับ ปราศไป ระงับ ประพฤติ ผลัดเปลี่ยนอิริยาบถ
เป็นไป รักษา บำรุง เยียวยา เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ท่านจักเป็นผู้
เข้าไปสงบประพฤติไป เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
กิเลสชาติที่พึงเกิดขึ้น เพราะปรารภถึงสังขารใน
กาลก่อน ท่านจงให้เหือดหายไปเสีย กิเลสชาตเครื่อง
กังวลที่พึงเกิดขึ้น เพราะปรารภถึงสังขารในภายหลัง
อย่าได้มีแก่ท่าน ถ้าท่านจักไม่ถือเอาสังขารในท่ามกลาง
ท่านจักเป็นผู้เข้าไปสงบประพฤติไป.

[861] ความถือว่าของเราในนามรูป ย่อมไม่มีแก่ผู้ใด โดย
ประการทั้งปวง และผู้ใดย่อมไม่เศร้าโศก เพราะสิ่งที่
ถือว่าของเราไม่มีอยู่ ผู้นั้นย่อมไม่เสื่อมในโลก.

ว่าด้วยนามและรูป


[862] คำว่า โดยประการทั้งปวง ในคำว่าความถือว่า ของเรา
ในนามรูป ย่อมไม่มีแก่ผู้ใดโดยประการทั้งปวง
ความว่า ทั้งปวงโดย
กำหนดทั้งปวง ทั้งปวงโดยประการทั้งปวง ไม่เหลือ ไม่มีส่วนเหลือ คำว่า
ทั้งปวงนั้น เป็นเครื่องกล่าวรวบหมด. อรูปขันธ์ 4 ชื่อว่านาม มหาภูต-
รูป 4 และอุปาทายรูปแห่งมหาภูตรูป 4 ชื่อว่ารูป. คำว่า แก่ผู้ใด คือ
แก่พระอรหันตขีณาสพ ชื่อว่าความถือว่าของเรา ได้แก่ความถือว่าของ
เรา 2 อย่าง คือความถือว่าของเราด้วยตัณหา 1 ความถือว่าของเราด้วย
ทิฏฐิ ฯลฯ นี้ ชื่อว่าความถือว่าของเราด้วยตัณหา ฯ ลฯ นี้ชื่อว่าความ
ถือว่าของเราด้วยทิฏฐิ. คำว่า ความถือว่าของเราในนามรูป ย่อมไม่
แก่ผู้ใดโดยประการทั้งปวง
ความว่า ความถือว่าของเราในนามรูป ย่อม
ไม่มี ไม่ปรากฏ ไม่เข้าไปได้แก่ผู้ใดโดยประการทั้งปวง คือ อันผู้ใดละ
ตัดขาด สงบ ระงับแล้ว ทำไม่ให้ควรเกิดขึ้น เผาเสียแล้วด้วยไฟคือ
ญาณ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ความถือว่าของเราในนามรูป ย่อมไม่มีแก่
ผู้ใดโดยประการทั้งปวง.

ว่าด้วยผู้ไม่เศร้าโศก


[863] คำว่า และผู้ใดย่อมไม่เศร้าโศกเพราะสิ่งที่ถือว่าของเรา
ไม่มีอยู่
ความว่า ย่อมไม่เศร้าโศกถึงวัตถุที่แปรปรวน หรือเมื่อวัตถุ
แปรปรวนไปแล้วก็ย่อมไม่เศร้าโศกถึง คือ ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ลำบากใจ
ไม่รำพัน ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหลว่า จักษุ โสตะ มานะ
ชิวหา กาย รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ สกุล คณะ อาวาส