เมนู

ที่ประจวบกับความเสื่อมอย่างใดอย่างหนึ่งบ้าง ที่ถูกเหตุแห่งทุกข์อย่างใด
อย่างหนึ่งกระทบเข้าบ้าง นี้ชื่อว่า ลูกศรความโศก.
ลูกศรความสงสัยเป็นไฉน ความสงสัยในทุกข์ ความสงสัยใน
ทุกขสมุทัย ความสงสัยในทุกขนิโรธ ความสงสัยในทุกขนิโรธคามินี-
ปฏิปทา ความสงสัยในส่วนเบื้องต้น ความสงสัยในส่วนเบื้องปลาย ความ
สงสัยในส่วนเบื้องต้น และส่วนเบื้องปลาย ความสงสัยในธรรมทั้งหลายที่
อาศัยกันเกิดขึ้น คือความที่ปฏิจจสมุปบาทมีอวิชชานี้เป็นปัจจัย ความ
สงสัย กิริยาที่สงสัย ความเป็นผู้สงสัย ความเคลือบแคลง ความลังเล
ความเป็นสองทาง ความไม่แน่ใจ ความไม่แน่นอน ความไม่ตกลงใจ
ความไม่อาจตัดสิน ความไม่กำหนดถือเอาได้ ความที่จิตหวั่นไหวอยู่
ความติดขัดในใจ นี้ชื่อว่า ลูกศรความสงสัย.

ว่าด้วยภาวะของสัตว์ที่ถูกลูกศร


[811] คำว่า สัตว์อันลูกศรใดปักติดแล้ว ย่อมแล่นพล่านไป
สู่ทิศทั้งปวง
ความว่า สัตว์อันลูกศรราคะปักติดแล้ว คือแทงเข้าไป
ถูกต้อง ติดเสียบแน่น คาอยู่แล้ว ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ย่อม
ประพฤติทุจริตด้วยวาจา ย่อมประพฤติทุจริตด้วยใจ ย่อมฆ่าสัตว์บ้าง
ลักทรัพย์บ้าง ตัดที่ต่อบ้าง ปล้นโดยไม่เหลือบ้าง ปล้นเฉพาะเรือนหลัง
เดียวบ้าง ดักแย่งชิงที่ทางเปลี่ยวบ้าง คบชู้ภรรยาบุรุษอื่นบ้าง พูดเท็จ
บ้าง สัตว์อันลูกศรราคะปักติดแล้ว คือแทงเข้าไปถูกต้อง ติด เสียบแน่น
คาอยู่แล้ว ย่อมแล่น แล่นพล่าน วนเวียน ท่องเที่ยวไปแม้อย่างนี้.

อนึ่ง สัตว์อันลูกศรราคะปักติดแล้ว คือแทงเข้าไป ถูกต้อง ติด
เสียบแน่น คาอยู่แล้ว เมื่อแสวงหาโภคทรัพย์ ย่อมแล่นไปสู่มหาสมุทร
ด้วยเรือ ฝ่าหนาว ฝ่าร้อน ถูกสัมผัสแห่งเหลือบ ยุง ลม แดดและสัตว์
เสือกคลานเบียดเบียน ถูกความหิวระหายเบียดเบียน ไปคุมพรัฐ ไปตัก-
โกลรัฐ ไปตักกสิลรัฐ ไปกาลมุขรัฐ ไปมรณปารรัฐ ไปเวสุงครัฐ ไปเวรา-
ปถรัฐ ไปชวรัฐ ไปตัมพลิงครัฐ ไปวังกรัฐ ไปเอฬวันธนรัฐ ไปสุวรรณ-
กูฏรัฐ ไปสุวรรณภูมิรัฐ ไปตัมพปัณณิรัฐ ไปสุปปารรัฐ ไปภรุกรัฐ ไป
สุรัทธรัฐ ไปอังคเณกรัฐ ไปคังคณรัฐ ไปปรมคังคณรัฐ ไปโยนรัฐ ไป
ปินกรัฐ ไปอัลลสัณฑรัฐ ไปมรุกันตารรัฐ เดินทางที่ต้องไปด้วยเข่า เดิน
ทางที่ต้องไปด้วยแกะ เดินทางที่ต้องไปด้วยแพะ เดินทางที่ต้องโหนไป
ด้วยเชือกและหลัก เดินทางที่ต้องโดดลงด้วยร่มหนังแล้วจึงเดินไปได้ เดิน
ทางที่ต้องไปด้วยพะองไม้ไผ่ เดินทางตามทางนก เดินทางตามทางหนู
เดินทางตามซอกภูเขา เดินทางตามลำธารที่ต้องได้ไปตามเส้นหวาย เมื่อ
แสวงหาไม่ได้ ก็เสวยทุกข์โทมนัสแม้มีความไม่ได้เป็นมูล เมื่อแสวงหาได้
ครั้นได้แล้วก็เสวยทุกข์โทมนัสแม้มีความรักษาเป็นมูล ด้วยวิตกอยู่ว่า ด้วย
อุบายอะไรหนอ พระราชาจึงจะไม่ริบทรัพย์ของเราไป พวกโจรจะไม่
ลักไป ไฟจะไม่ไหม้ น้ำจะไม่พัดไป พวกทายาทที่ไม่เป็นที่รักไม่เอาไป
เมื่อเขารักษาคุ้มครองอยู่อย่างนี้ ทรัพย์เหล่านั้นย่อมวิบัติไป เขาก็เสวยทุกข์
โทมนัสแม้มีการพลัดพรากทรัพย์เป็นมูล สัตว์อันลูกศรราคะปักติดแล้ว
คือ แทงเข้าไป ถูกต้อง ติด เสียบแน่น คาอยู่แล้ว ย่อมแล่น แล่น
พล่าน วนเวียน ท่องเที่ยวไปแม้อย่างนี้ สัตว์อันลูกศรโทสะ ลูกศรโมหะ
ลูกศรมานะ ปักติดแล้ว คือ แทงเข้าไป ถูกต้อง ติด เสียบแน่น คา

อยู่แล้ว ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย ย่อมประพฤติทุจริตด้วยวาจา ย่อม
ประพฤติทุจริตด้วยใจ ย่อมฆ่าสัตว์บ้าง ลักทรัพย์บ้าง ตัดที่ต่อบ้าง
ปล้นโดยไม่เหลือบ้าง ปล้นเฉพาะเรือนหลังเดียวบ้าง ดักแย่งชิงที่ทาง
เปลี่ยวบ้าง คบชู้ภรรยาบุรุษอื่นบ้าง พูดเท็จบ้าง สัตว์อันลูกศรมานะปัก
ติดแล้ว คือแทงเข้าไป ถูกต้อง ติด เสียบแน่น คาอยู่แล้ว ย่อมแล่น
แล่นพล่าน วนเวียน ท่องเที่ยวไปแม้อย่างนี้.
สัตว์อันลูกศรทิฏฐิปักติดแล้ว คือ แทงเข้าไป ถูกต้อง ติด เสียบ
แน่น คาอยู่แล้ว ย่อมเป็นคนเปลือยกาย ไร้มารยาท เลียมือ เขาเชิญ
ให้มาริบภิกษาก็ไม่มา เขาเชิญให้หยุดก็ไม่หยุด ไม่รับภิกษาที่เขาแบ่งไว้
ก่อน ไม่รับภิกษาที่เขาทำเฉพาะ ไม่รับภิกษาที่เขาเชื้อเชิญ ไม่รับภิกษา
ปากหม้อ ไม่รับภิกษาจากหม้อข้าว ไม่รับภิกษาที่บุคคลยืนคร่อมธรณี
ประตูนำมา ไม่รับภิกษาที่บุคคลยืนคร่อมท่อนไม้นำมา ไม่รับภิกษาที่
บุคคลยืนคร่อมสากนำมา ไม่รับภิกษาของตน 2 คนที่กำลังบริโภคอยู่
ไม่รับภิกษาของหญิงมีครรภ์ ไม่รับภิกษาของหญิงที่กำลังให้ลูกดูดนม
ไม่รับภิกษาของหญิงที่คลอเคลียบุรุษ ไม่รับภิกษาที่นัดแนะกันทำไว้ ไม่
รับภิกษาในที่ซึ่งสุนัขได้รับเลี้ยงดู ไม่รับภิกษาในที่มีแมลงวันไต่ตอมเป็น
กลุ่ม ไม่กินปลา ไม่กินเนื้อ ไม่ดื่มสุรา ไม่ดื่มเมรัย ไม่ดื่มยาดอง เขา
รับภิกษาที่เรือนหลังเดียว เยียวยาอัตภาพด้วยข้าวคำเดียวบ้าง รับภิกษา
ที่เรือน 2 หลัง เยียวยาอัตภาพด้วยข้าว 2 คำบ้าง ฯลฯ รับภิกษาที่
เรือน 7 หลัง เยียวยาอัตภาพด้วยข้าว 7 คำบ้าง เยียวยาอัตภาพด้วย
ภิกษาในถาดน้อยใบเดียวบ้าง 2 ใบบ้าง ฯลฯ 7 ใบบ้าง กินอาหาร
ที่เก็บค้างไว้วันหนึ่งบ้าง 2 วันบ้าง ฯลฯ 7 วันบ้าง เป็นผู้ประกอบ

ความขวนขวายในการบริโภคอาหารที่เวียนมาตั้งกึ่งเดือนเช่นนี้บ้าง สัตว์
อันลูกศรทิฏฐิปักติดแล้ว คือ แทงเข้าไป ถูกต้อง ติด เสียบแน่น
คาอยู่แล้ว ย่อมแล่น แล่นพล่าน วนเวียน ท่องเที่ยวไปอย่างนี้ อนึ่ง
สัตว์อันลูกศรทิฏฐิปักติดแล้ว คือ แทงเข้าไป ถูกต้อง ติด เสียบแน่น
คาอยู่แล้ว เป็นผู้มีผักดองเป็นภักษาบ้าง มีข้าวฟ่างเป็นภักษาบ้าง มีลูก
เดือยเป็นภักษาบ้าง มีกากข้าวเป็นภักษาบ้าง มีสาหร่ายเป็นภิกษาบ้าง
มีข้าวตังเป็นภักษาบ้าง มีกำยานเป็นภักษาบ้าง มีหญ้าเป็นภักษาบ้าง มี
โคมัยเป็นภักษาบ้าง มีเหง้าและผลไม้ในป่าเป็นอาหาร บริโภคผลไม้หล่น
เยียวยาอัตภาพ เขานุ่งห่มผ้าป่านบ้าง ผ้าแกมกันบ้าง ผ้าห่อศพบ้าง ผ้า
เปลือกไม้บ้าง หนังเสือบ้าง ผ้าบังสุกุลบ้าง หนังเสือทั้งเล็บบ้าง ผ้า
คากรองบ้าง ผ้าเปลือกปอกรองบ้าง ผ้าผลไม้กรองบ้าง ผ้ากัมพลทำด้วย
ผมคนบ้าง ผ้ากัมพลทำด้วยชนปีกนกเค้าบ้าง เป็นผู้ถอนผมและหนวด
คือ เป็นผู้ประกอบความขวนขวายในการถอนผมและหนวดบ้าง เป็นผู้
ยืน คือ ห้ามอาสนะ (การนั่ง) บ้าง เป็นผู้กระหย่ง คือ ประกอบความ
เพียรในการกระหย่งบ้าง เป็นผู้นอนบนหนาม คือ สำเร็จการนอนบน
หนามบ้าง สำเร็จการนอนบนแผ่นกระดานบ้าง สำเร็จการนอนบนเนิน
ดินบ้าง เป็นผู้นอนตะแคงข้างเดียวบ้าง เป็นผู้หมักหมมด้วยธุลีบ้าง เป็น
ผู้อยู่กลางแจ้งบ้าง เป็นผู้นั่งบนอาสนะตามที่ลาดไว้บ้าง เป็นผู้บริโภคคูถ
คือ ประกอบการขวนขวายในการบริโภคคูถบ้าง เป็นผู้ห้ามน้ำเย็น คือ
ขวนขวายในการห้ามน้ำเย็นบ้าง เป็นผู้อาบน้ำวันละ 3 ครั้ง คือ ประกอบ
ความขวนขวายในการลงน้ำบ้าง เป็นผู้ประกอบความขวนขวายในการให้
กายเดือดร้อน เร่าร้อนหลายอย่างเช่นนี้ สัตว์อันลูกศรทิฏฐิปักติดแล้ว

คือ แทงเข้าไป ถูกต้อง ติด เสียบแน่น คาอยู่แล้ว ย่อมแล่น แล่น
พล่าน วนเวียน ท่องเที่ยวไปแม้อย่างนี้.
สัตว์อันลูกศรความโศกปักติดแล้ว คือแทงเข้าไป ถูกต้อง ติด
เสียบแน่น คาอยู่แล้ว ย่อมเศร้าโศก ลำบากใจ รำพัน ทุบอกคร่ำครวญ
ถึงความหลงใหล สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์
เรื่องเคยมีมาแล้วในพระนครสาวัตถีนี้นี่แหละ หญิงคนหนึ่งมารดาตายไป
หญิงนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่านเพราะมารดาตาย จากถนนนี้เข้าไปยังถนน
โน้น จากตรอกนี้เข้าไปยังตรอกโน้น พูดอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายเห็น
มารดาฉันบ้างไหม ท่านทั้งหลายเห็นมารดาฉันบ้างไหม ดูก่อนพราหมณ์
เรื่องเคยมีมาแล้วในพระนครสาวัตถีนี้นี่แหละ หญิงคนหนึ่งบิดาตายไป
พี่ชายน้องชายตายไป... พี่หญิงน้องหญิงตายไป... บุตรตายไป... ธิดา
ตายไป... สามีตายไป หญิงนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่านเพราะสามีตาย จาก
ถนนนี้เข้าไปยังถนนโน้น จากตรอกนี้เข้าไปยังตรอกโน้น พูดอย่างนี้ว่า
ท่านทั้งหลายเห็นสามีฉันบ้างไหม ท่านทั้งหลายเห็นสามีฉันบ้างไหม ดู
ก่อนพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้วในพระนครสาวัตถีนี้นี่แหละ บุรุษ
คนหนึ่งมารดาตายไป บุรุษนั้นเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่านเพราะมารดาตาย
จากถนนนี้เข้าไปยังถนนโน้น จากตรอกนี้ เข้าไปยังตรอกโน้น พูด
อย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายเห็นมารดาฉันบ้างไหม ท่านทั้งหลายเห็นมารดาฉัน
บ้างไหม ดูก่อนพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้วในพระนครสาวัตถีนี้นี่แหละ
บุรุษคนหนึ่งบิดาตายไป... พี่ชายน้องชายตายไป... พี่หญิงน้องหญิงตาย
ไป... บุตรตายไป... ธิดาตายไป... ภรรยาตายไป บุรุษนั้นเป็นบ้า
จิตฟุ้งซ่านเพราะภรรยาตาย จากถนนนี้เข้าไปยังถนนโน้น จากตรอกนี้

เข้าไปยังตรอกโน้น พูดอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายเห็นภรรยาฉันบ้างไหม
ท่านทั้งหลายเห็นภรรยาฉันบ้างไหม ดูก่อนพราหมณ์ เรื่องเคยมีมาแล้ว
ในพระนครสาวัตถีนี้นี่แหละ หญิงคนหนึ่งไปสู่สกุลแห่งญาติ พวกญาติ
ของหญิงนั้น ปรารถนาจะพรากสามีเสีย แล้วยกหญิงนั้นให้แก่บุรุษอื่น
หญิงนั้นไม่พอใจบุรุษอื่นนั้น ครั้งนั้นแหละ หญิงนั้นได้บอกกะสามีว่า
ข้าแต่ท่านลูกเจ้า ญาติเหล่านี้ประสงค์จะพรากท่านแล้วยกฉันให้บุรุษอื่น
เราทั้งสองจักพากันตาย ในทันใดนั้น บุรุษก็ฟันหญิงนั้นขาด 2 ท่อน
แล้วก็ฆ่าตนเองพร้อมด้วยหวังว่า เราทั้งสองจักมี (พบกัน ) ในโลกหน้า
สัตว์อันลูกศรความโศกปักติดแล้วคือแทงเข้าไป ถูกต้อง ติด เสียบแน่น
คาอยู่แล้ว ย่อมแล่น แล่นพล่าน วนเวียน ท่องเที่ยวไปอย่างนี้.
สัตว์อันลูกศรความสงสัยปักติดแล้ว คือแทงเข้าไป ถูกต้อง ติด
เสียบแน่น คาอยู่แล้ว เป็นผู้แล่นไปสู่ความสงสัยเคลือบแคลงเป็นสองทาง
ว่า ในอดีตกาล เราได้เป็นแล้วหรือหนอ1 หรือเราไม่ได้เป็นแล้ว เรา
ได้เป็นอะไรแล้วหรือหนอ เราได้เป็นแล้วอย่างไรหนอ เราได้เป็นอะไร
มาแล้วจึงเป็นอะไรต่อมาหนอ ในอนาคตกาล เราจักเป็นหรือหนอ หรือ
เราจักไม่เป็น เราจักเป็นอะไรหนอ เราจักเป็นอย่างไรหนอ เราจักเป็น
อะไรแล้ว จึงจักเป็นอะไรต่อไปอีกหนอ ในปัจจุบันกาลบัดนี้ ก็มีความ
สงสัยอยู่ ณ ภายในว่า เราย่อมเป็นหรือหนอ หรือเราย่อมไม่เป็น เรา
ย่อมเป็นอะไรหรือหนอ เราย่อมเป็นอย่างไรหนอ เราเป็นสัตว์มาแต่ไหน
หนอ เราจักเป็นสัตว์ไปเกิดที่ไหนหนอ สัตว์อันลูกศรความสงสัยปักติด

1. ความสงสัย 16 อย่าง คือ อดีตกาล 5 อนาคตกาล 5 ปัจจุบันกาล 6 เรียกว่าโสฬสกังขา.

แล้ว คือแทงเข้าไป ถูกต้อง ติด เสียบแน่น คาอยู่แล้ว ย่อมแล่น
แล่นพล่าน วนเวียน ท่องเที่ยวไปอย่างนี้ สัตว์นั้นย่อมปรุงแต่งให้ลูกศร
เหล่านั้นเกิด ก็แล่นไปสู่ทิศตะวันออก แล่นไปสู่ทิศตะวันตก แล่นไปสู่
ทิศเหนือ แล่นไปสู่ทิศใต้ ด้วยสามารถแห่งการปรุงแต่งให้ลูกศรเกิด สัตว์
เป็นผู้ละอภิสังขารคือลูกศรเหล่านั้นไม่ได้แล้ว เพราะเป็นผู้ละอภิสังขาร
คือลูกศรไม่ได้ จึงแล่นไปในคติ แล่นไปในนรก แล่นไปในดิรัจฉาน-
กำเนิด แล่นไปในเปรตวิสัย แล่นไปในมนุษยโลก แล่นไปในเทวโลก
ย่อมแล่น แล่นพล่าน วนเวียน ท่องเที่ยวไปจากคตินี้สู่คติโน้น จาก
อุปบัตินี้สู่อุปบัติโน้น จากปฏิสนธินี้สู่ปฏิสนธิโน้น จากภพนี้สู่ภพโน้น
จากสงสารนี้สู่สงสารโน้น จากวัฏฏะนี้สู่วัฏฏะโน้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
สัตว์อันลูกศรใดปักติดแล้ว ย่อมแล่นพล่านไป สู่ทิศทั้งปวง.
[812] คำว่า เพราะถอนลูกศรนั้นเสียแล้ว ย่อมไม่แล่นไป
ย่อมไม่ล่มจม
ความว่า สัตว์ถอน ถอด ชัก ดึง ฉุด กระชากออก
ละเว้น บรรเทา ทำให้สิ้นไป ให้ถึงความไม่มี ซึ่งลูกศรราคะ ลูกศร
โทสะ ลูกศรโมหะ ลูกศรมานะ ลูกศรทิฏฐิ ลูกศรความโศก ลูกศร
ความสงสัยนั้นได้แล้ว ย่อมไม่แล่นไปสู่ทิศตะวันออก ไม่แล่นไปสู่ทิศ
ตะวันตก ไม่แล่นไปสู่ทิศเหนือ ไม่แล่นไปสู่ทิศใต้ สัตว์เป็นผู้ละ
อภิสังขารคือถูกศรเหล่านั้นได้แล้วเพราะเป็นผู้ละอภิสังขารคือลูกศรได้แล้ว
จึงไม่แล่นไปในคติ ไม่แล่นไปในนรก ไม่แล่นไปในดิรัจฉานกำเนิด
ไม่แล่นไปในเปรตวิสัย ไม่แล่นไปในมนุษยโลก ไม่แล่นไปในเทวโลก
ไม่แล่นไป แล่นพล่าน วนเวียน ท่องเที่ยวไป จากคตินี้สู่คติโน้น จาก
อุปบัตินี้สู่อุปบัติโน้น จากปฏิสนธินี้สู่ปฏิสนธิโน้น จากภพนี้สู่ภพโน้น

จากสงสารนี้สู่สงสารโน้น จากวัฏฏะนี้สู่วัฏฏะโน้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
เพราะถอนลูกศรนั้นเสียแล้ว ย่อมไม่แล่นไป. คำว่า ย่อมไม่ล่มจม
ความว่า ไม่ล่มจม ไม่จมพร้อม ไม่ล่มลง ไม่จมสง ไม่ตกลงไป
ในกามโอฆะ ในภวโอฆะ ในทิฏฐิโอฆะ ในอวิชชาโอฆะ เพราะฉะนั้น
จึงชื่อว่า เพราะถอนลูกศรนั้นเสียแล้ว ย่อมไม่แล่นไป ย่อมไม่ล่มจม
เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
สัตว์อันลูกศรใดปักติดแล้ว ย่อมแล่นพล่านไปสู่ทิศ
ทั้งปวง เพราะถอนลูกศรนั้นเสียแล้ว ย่อมไม่แล่นไป
ย่อมไม่ล่มจม.

[813] ชนทั้งหลายย่อมกล่าวถึงการศึกษา ในเพราะกามคุณ
เป็นที่พัวพันในโลก บุคคลพึงเป็นผู้ไม่ขวนขวายในการ
ศึกษาหรือในกามคุณเหล่านั้น รู้ชัดกามทั้งหลายโดย
ประการทั้งปวงแล้ว พึงศึกษาความดับของตน.


ว่าด้วยศึกษาเพื่อได้กามคุณ


[814] ชื่อว่า การศึกษา ในคำว่า ชนทั้งหลายกล่าวถึงการ
ศึกษา ในเพราะกามคุณเป็นที่พัวพันในโลก
ได้แก่ การศึกษาเรื่องช้าง
การศึกษาเรื่องม้า การศึกษาเรื่องรถ การศึกษาเรื่องธนู ความเป็นหมอ
เสกเป่า ความเป็นหมอทางผ่าตัด ความเป็นหมอทางยา ความเป็นหมอทาง
ภูตผี ความเป็นหมอทางกุมาร. คำว่า ย่อมกล่าวถึง ความว่า กล่าวถึง
พูดถึง เล่าถึง แสดงถึง แถลงถึง อีกอย่างหนึ่ง ย่อมกล่าวถึง คือย่อม