เมนู

ความวิวาทกัน ในเพราะการทำร้ายกันและกันนั้น ย่อมประทุษร้ายกัน
และกันด้วยมือบ้าง ด้วยก้อนดินบ้าง ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยศาสตราบ้าง
สัตว์เหล่านั้นย่อมถึงความตายบ้าง ย่อมถึงทุกข์ปางตายบ้าง ในเพราะ
ความประทุษร้ายกันนั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า สัตว์ทั้งหลายทำร้าย
กันและกัน.

[798] คำว่า เพราะเห็น ในคำว่า ภัยเข้ามาถึงเราแล้ว เพราะ
เห็น
ความว่า ภัย คือความเบียดเบียน ความกระทบกระทั่ง อุบาทว์
อุปสรรคเข้ามาถึงเราเพราะเห็น ประสบ พิจารณา เทียบเคียง ทำให้
แจ่มแจ้ง ทำให้เป็นแจ้ง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ภัยเข้ามาถึงเราแล้ว
เพราะเห็น เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
ภัยเข้ามาถึงเราแล้ว เพราะเห็นหมู่สัตว์ดิ้นรนอยู่
เหมือนปลาทั้งหลายดิ้นรนอยู่ในที่มีน้ำน้อย และเพราะ
เห็นสัตว์ทั้งหลายทำร้ายกันและกัน.

[799] โลกทั้งหมดไม่เป็นแก่นสาร สังขารทั้งหลายหวั่นไหว
แล้วตลอดทิศทั้งปวง เมื่อเราปรารถนาความเจริญเพื่อตน
ไม่ได้เห็นซึ่งฐานะอะไร ๆ อันไม่ลูกครองงำ.


ว่าด้วยโลก


[800] คำว่า โลกทั้งหมดไม่เป็นแก่นสาร ความว่า โลกนรก
โลกดิรัจฉานกำเนิด โลกเปรตวิสัย โลกมนุษย์ โลกเทวดา โลกขันธ์

โลกธาตุ โลกอายตนะ โลกนี้ โลกอื่น ทั้งโลกพรหม ทั้งโลกเทวดา
นี้ชื่อว่าโลก โลกนรกไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีแก่นสาร ปราศจากแก่นสาร
โดยแก่นสารที่เป็นของเที่ยง โดยแก่นสารที่เป็นสุข โดยแก่นสารที่เป็น
ตัวตน โดยความเป็นสภาพเที่ยง โดยความเป็นสภาพยั่งยืน โดยความ
เป็นสภาพมั่นคง หรือโดยความเป็นธรรมไม่มีความแปรปรวน โลก-
ดิรัจฉานกำเนิด โลกเปรตวิสัย โลกมนุษย์ โลกเทวดา โลกขันธ์ โลก-
ธาตุ โลกอายตนะ โลกนี้ โลกอื่น ทั้งพรหมโลก ทั้งเทวโลกไม่เป็น
แก่นสาร ไม่มีแก่นสาร ปราศจากแก่นสาร โดยแก่นสารที่เป็นของเที่ยง
โดยแก่นสารที่เป็นสุข โดยแก่นสารที่เป็นตัวตน โดยความเป็นสภาพเที่ยง
โดยความเป็นสภาพยั่งยืน โดยความเป็นสภาพมั่นคง หรือโดยความเป็น
ธรรมไม่มีความแปรปรวน ต้นอ้อไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีแก่นสาร
ปราศจากแก่นสาร ฉันใด ต้นละหุ่งไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีแก่นสาร
ปราศจากแก่นสาร ฉันใด ต้นมะเดื่อไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีแก่นสาร
ปราศจากแก่นสาร ฉันใด ต้นทองหลางไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีแก่นสาร
ปราศจากแก่นสาร ฉันใด ต่อมฟองน้ำไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีแก่นสาร
ปราศจากแก่นสาร ฉันใด พยับแดดไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีแก่นสาร
ปราศจากแก่นสาร ฉันใด ต้นกล้วยไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีแก่นสาร
ปราศจากแก่นสาร ฉันใด มายาไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีแก่นสาร ปราศจาก
แก่นสาร ฉันใด โลกนรกไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีแก่นสาร ปราศจาก
แก่นสาร ฯลฯ ทั้งพรหมโลก ทั้งเทวโลก ไม่เป็นแก่นสาร ไม่มี
แก่นสาร ปราศจากแก่นสาร โดยแก่นสารที่เป็นของเที่ยง... หรือโดย

ความเป็นธรรมไม่มีความแปรปรวน ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น
จึงชื่อว่า โลกทั้งหมดไม่เป็นแก่นสาร.

ว่าด้วยสังขารไม่เที่ยง


[801] คำว่า สังขารทั้งหลายหวั่นไหวแล้วตลอดทิศทั้งปวง
ความว่า สังขารทั้งหลายในทิศตะวันออก แม้สังขารเหล่านั้นก็หวั่นไหว
สะเทื้อน สะท้าน เอนเอียง เพราะเป็นสภาพไม่เที่ยงจึงเป็นสภาพอัน
ชาติติดตาม ชราห้อมล้อม พยาธิครอบงำ ถูกมรณะกำจัด ตั้งอยู่ใน
กองทุกข์ ไม่มีที่ต้านทาน ไม่มีที่หลีกเร้น ไม่มีที่พึ่ง เป็นสภาพไม่มีที่พึ่ง
สังขารทั้งหลายในทิศตะวันตก ในทิศเหนือ ในทิศใต้ ในทิศอาคเนย์
ในทิศพายัพ ในทิศอีสาน ในทิศหรดี ในทิศเบื้องต่ำ ในทิศเบื้องบน
ในสิบทิศ แม้สังขารเหล่านั้น หวั่นไหว สะเทื้อน สะท้าน เอนเอียง
เพราะเป็นของไม่เที่ยง จึงเป็นสภาพอันชาติติดตาม ชราห้อมล้อม พยาธิ
ครอบงำ ถูกมรณะกำจัด ตั้งอยู่ในกองทุกข์ ไม่มีที่ป้องกัน ไม่มีที่หลีก
เร้น ไม่มีที่พึ่ง เป็นสภาพไม่มีที่พึ่ง สมจริงตามภาษิตนี้ว่า
ก็วิมานนี้ สว่างรุ่งเรืองอยู่ในทิศอุดรแม้โดยแท้ แต่
บัณฑิตเห็นความชั่ว (โทษ) ในรูปแล้ว หวั่นไหวทุกเมื่อ
เพราะเหตุนั้น ท่านผู้มีปัญญาดีย่อมไม่ยินดีในรูป โลก
อันมัจจุกำจัด อันชราห้อมล้อม ถูกลูกศร คือตัณหา
แทงติดอยู่ ลุกเป็นควันเพราะความปรารถนาทุกเมื่อ โลก
ทั้งปวงอันไฟติดทั่ว โลกทั้งปวงอันไฟให้ลุกสว่าง โลก
ทั้งปวงอันไฟให้ลุกรุ่งโรจน์ โลกทั้งปวงหวั่นไหว.