เมนู

[477] (พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า ) ความดีใจและความ
เสียใจ มีอะไรเป็นนิทาน เมื่อไม่มีอะไร ความดีใจและ
ความเสียใจเหล่านี้จึงไม่มี อรรถนั้นใด คือความไม่มี
และความมี ขอพระองค์จงตรัสบอกอรรถนั้นว่า มีสิ่งใด
เป็นนิทาน แก่ข้าพระองค์.


ว่าด้วยต้นเหตุความดีใจและความเสียใจ


[478] คำว่า ความดีใจและความเสียใจ มีอะไรเป็นนิทาน
ความว่า พระพุทธนิมิตตรัสถาม สอบถาม ขอให้ตรัสบอก อัญเชิญให้
ทรงแสดง ขอให้ประสาท ซึ่งมูล ฯลฯ สมุทัย แห่งความดีใจและความ
เสียใจว่า ความดีใจและความเสียใจ มีอะไรเป็นนิทาน คือเกิด เกิดพร้อม
บังเกิด บังเกิดเฉพาะ ปรากฏมาแต่อะไร คือมีอะไรเป็นนิทาน มีอะไร
เป็นสมุทัย มีอะไรเป็นชาติ มีอะไรเป็นแดนเกิด เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
ความดีใจและความเสียใจ มีอะไรเป็นนิทาน.
[479] คำว่า เมื่ออะไรไม่มี ความดีใจและความเสียใจ
เหล่านั้นจึงไม่มี
ความว่า เมื่ออะไรไม่มี ไม่ปรากฏ ไม่เข้าไปได้ ความ
ดีใจและความเสียใจ จึงไม่มี ไม่เป็น ไม่เกิด ไม่เกิดพร้อม ไม่บังเกิด
ไม่บังเกิดเฉพาะ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เมื่ออะไรไม่มี ความดีใจและ
ความเสียใจเหล่านั้นจึงไม่มี.
[480] คำว่า อรรถนั้นใด คือความไม่มีและความมี ความว่า
ความมีแห่งความดีใจและความเสียใจเป็นไฉน ความมี ความเป็น ความ
เกิด ความเกิดพร้อม ความบังเกิด ความบังเกิดเฉพาะ ความปรากฏ

แห่งความดีใจและความเสียใจใด นี้ชื่อว่า ความมีแห่งความดีใจและความ
เสียใจ ความไม่มีแห่งความดีใจและความเสียใจเป็นไฉน ความสิ้น ความ
เสื่อม ความแตก ความแตกรอบ ความไม่เที่ยง ความหายไปแห่ง
ความดีใจและความเสียใจใด นี้ชื่อว่า ความไม่มีแห่งความดีใจและความ
เสียใจ. คำว่า อรรถนั้นใด คืออรรถอย่างยิ่งใด เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
อรรถนั้นใด คือความไม่มีและความมี.
[481] คำว่า นั้น ในคำว่า ขอจงตรัสบอกอรรถนั้นว่า มีสิ่ง
ใดเป็นนิทานแก่ข้าพระองค์
ความว่า อรรถที่ข้าพระองค์ทูลถาม ขอให้
ตรัสบอก อัญเชิญให้ทรงแสดง ขอให้ประสาท. คำว่า ขอจงตรัสบอก
คือขอจงตรัสบอก ทรงแจ้ง ทรงแสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก
ทำให้ตื้น ทรงประกาศ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ขอจงตรัสบอกอรรถนั้น
... แก่ข้าพระองค์. คำว่า มีสิ่งใดเป็นนิทาน ความว่า มีสิ่งใดเป็นนิทาน
มีสิ่งใดเป็นสมุทัย มีสิ่งใดเป็นชาติ มีสิ่งใดเป็นแดนเกิด เพราะฉะนั้น
จึงชื่อว่า ขอจงตรัสบอกอรรถนั้นว่า มีสิ่งใดเป็นนิทานแก่ข้าพระองค์
เพราะเหตุนั้น พระพุทธนิมิตนั้นจึงตรัสถามว่า
ความดีใจและความเสียใจ มีอะไรเป็นนิทาน เมื่อ
อะไรไม่มี ความดีใจและความเสียใจเหล่านั้นจึงไม่มี
อรรถนั้นใด คือความไม่มีและความมี ขอพระองค์จงตรัส
บอกอรรถนั้นว่า มีสิ่งใดเป็นนิทาน แก่ข้าพระองค์.

[482] (พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า) ความดีใจและ
ความเสียใจ มีผัสสะเป็นนิทาน เมื่อผัสสะไม่มี ความ
ดีใจและความเสียใจเหล่านั้นจึงไม่มี อรรถนั้นใด คือ

ความไม่มีและความมี ข้าพระองค์ขอบอกอรรถนั้นว่า มี
ผัสสะนี้เป็นนิทาน แก่พระองค์.

[483] คำว่า ความดีใจและความเสียใจ มีผัสสะเป็นนิทาน
ความว่า สุขเวทนาเกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะ อันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนา
เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้นนั่นแหละดับไป สุขเวทนาอัน
เกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะ อันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนา ที่เสวยอยู่ อันเกิด
แต่ผัสสะนั้น ก็ดับสงบไป ทุกขเวทนาเกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะอันเป็น
ที่ตั้งแห่งทุกขเวทนา เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนานั้นนั่นแหละ
ดับไป ทุกขเวทนาอันเกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะ อันเป็นที่ตั้งแห่งทุกข-
เวทนา ที่เสวยอยู่ อันเกิดแต่ผัสสะนั้น ก็ดับสงบไป อทุกขมสุขเวทนา
เกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งอทุกขมสุขเวทนา เพราะผัสสะ
อันเป็นที่ตั้งแห่งอทุกขมสุขเวทนานั้นนั่นแหละดับไป อทุกขมสุขเวทนา
อันเกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะ อันเป็นที่ตั้งแห่งอทุกขมสุขเวทนา ที่เสวยอยู่
อันเกิดแต่ผัสสะนั้น ก็ดับสงบไป. คำว่า ความดีใจและความเสียใจ มี
ผัสสะเป็นนิทาน
ความว่า ความดีใจและความเสียใจ มีผัสสะเป็นนิทาน
มีผัสสะเป็นสมุทัย มีผัสสะเป็นชาติ มีผัสสะเป็นแดนเกิด เพราะฉะนั้น
จึงชื่อว่า ความดีใจ ความเสียใจ มีผัสสะเป็นนิทาน.
[484] คำว่า เมื่อผัสสะไม่มี ความดีใจและความเสียใจ
เหล่านั้นจึงไม่มี
ความว่า เมื่อผัสสะไม่มี คือไม่ปรากฏ ไม่เข้าไปได้อยู่
ความดีใจและความเสียใจจึงไม่มี คือไม่เป็น ไม่เกิด ไม่เกิดพร้อม ไม่
บังเกิด ไม่บังเกิดเฉพาะ ไม่ปรากฏ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เมื่อผัสสะ
ไม่มี ความดีใจและความเสียใจเหล่านั้น จึงไม่มี.

[485] คำว่า อรรถนั้นใด คือความไม่มีและความมี ความว่า
ภวทิฏฐิก็ดี วิภวทิฏฐิก็ดี ก็มีผัสสะเป็นนิทาน. คำว่า อรรถนั้นใด คือ
อรรถอย่างยิ่งใด เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า อรรถนั้นใด คือความไม่มีและ
ความมี.
[486] คำว่า นั้น ในคำว่า ขอบอกอรรถนั้นว่า ผัสสะนี้เป็น
นิทานแก่พระองค์
ความว่า อรรถที่พระองค์ตรัสถาม ขอให้บอก เชิญ
ให้บอก ให้ประสาท. คำว่า ขอบอก คือขอตอบ บอก แสดง บัญญัติ
แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก ทำให้ตื้น ประกาศ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
ขอบอกอรรถนั้น. . .แก่พระองค์. คำว่า มีผัสสะนี้เป็นนิทาน คือมีผัสสะ
นี้เป็นนิทาน มีผัสสะเป็นสมุทัย มีผัสสะเป็นชาติ มีผัสสะเป็นแดนเกิด
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ขอบอกอรรถนั้นว่า มีผัสสะนี้เป็นนิทานแก่
พระองค์ เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสตอบว่า
ความดีใจและความเสียใจ มีผัสสะเป็นนิทาน เมื่อ
ผัสสะไม่มี ความดีใจและความเสียใจเหล่านั้นจึงไม่มี
อรรถนั้นใด คือความไม่มีและความมี ข้าพระองค์ขอ
บอกอรรถนั้นว่า มีผัสสะนี้เป็นนิทาน แก่พระองค์.

[487] (พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า) ผัสสะในโลก มีอะไร
เป็นนิทาน และความยึดถือมีมาแต่อะไร เมื่ออะไรไม่มี
ความถือว่าของเราจึงไม่มี เมื่ออะไรไม่มี ผัสสะจึงไม่
ถูกต้อง.

ว่าด้วยต้นเหตุของผัสสะ...


[488] คำว่า ผัสสะในโลกมีอะไรเป็นนิทาน ความว่า พระ-
พุทธนิมิตตรัสถาม สอบถาม ขอให้ตรัสบอก เชิญให้ทรงแสดง ขอให้
ประสาทซึ่งมูล ฯลฯ สมุทัยแห่งผัสสะว่า ผัสสะมีอะไรเป็นนิทาน คือเกิด
เกิดพร้อม บังเกิด บังเกิดเฉพาะ ปรากฏมาแต่อะไร คือมีอะไรเป็น
นิทาน มีอะไรเป็นสมุทัย มีอะไรเป็นชาติ มีอะไรเป็นแดนเกิด เพราะ-
ฉะนั้น จึงชื่อว่า ผัสสะในโลกมีอะไรเป็นนิทาน.
[489] คำว่า และความยึดถือมีมาแต่อะไร ความว่า พระพุทธ-
นิมิตตรัสถาม สอบถาม ขอให้ตรัสบอก เชิญให้ทรงแสดง ขอให้ประสาท
ซึ่งมูล ฯลฯ สมุทัย แห่งความยึดถือทั้งหลายว่า ความยึดถือมีมาแต่อะไร
คือเกิด เกิดพร้อม บังเกิด บังเกิดเฉพาะ ปรากฏมาแต่อะไร คือมีอะไร
เป็นนิทาน มีอะไรเป็นสมุทัย มีอะไรเป็นชาติ มีอะไรเป็นแดนเกิด
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า และความยึดถือมีมาแต่อะไร.
[490] คำว่า เมื่ออะไรไม่มี ความถือว่าของเราจึงไม่มี ความว่า
เมื่อไม่มีอะไร ไม่ปรากฏ ไม่เข้าไปได้อยู่ ความถือว่าของเราจึงไม่มี
ไม่เป็น ไม่ปรากฏ ไม่เข้าไปได้ คือความถือว่า ของเรา อันพระสมณะละ
ตัดขาด สงบ ระงับแล้ว ทำไม่ให้ควรเกิดขึ้น เผาเสียแล้วด้วยไฟคือญาณ
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เมื่ออะไรไม่มี ความถือว่าของเราจึงไม่มี.
[491] คำว่า เมื่ออะไรไม่มี ผัสสะจึงไม่ถูกต้อง ความว่า เมื่อ
อะไรไม่มี ไม่เป็น ก้าวล่วง ล่วงเลย เป็นไปล่วงแล้ว ผัสสะจึงไม่ถูกต้อง
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เมื่ออะไรไม่มี ผัสสะจึงไม่ถูกต้อง เพราะเหตุนั้น
พระพุทธนิมิตนั้นจึงตรัสถามว่า