เมนู

ฉะนั้นจึงชื่อว่า ย่อมเห็นสิ่งอื่นทั้งปวงโดยความเป็นของเลว เพราะ
เหตุนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า :-
นรชนย่อมเห็นอานิสงส์ใดในทิฏฐิของตนก็ดี ใน
อารมณ์ที่เห็นก็ดี ในอารมณ์ที่ได้ยินก็ดี ในศีลวัตรก็ดี
ในอารมณ์ที่ทราบก็ดี นรชนนั้น ถือมั่นทิฏฐินั้นนั่นแหละ
ในลัทธิของตนนั้น ย่อมเห็นสิ่งอื่นทั้งปวงโดยความเป็น
ของเลว.

[155] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า :-
ผู้ฉลาดทั้งหลายย่อมกล่าวทัศนะที่ตนอาศัยแม้นั้น
ว่า เป็นเครื่องร้อยรัด เห็นทัศนะอื่นว่าเลว เพราะฉะนั้น
แหละ ภิกษุไม่พึงอาศัยรูปที่เห็น เสียงที่ได้ยิน อารมณ์
ที่ทราบ หรือศีลและวัตร.


ว่าด้วยทัศนะของผู้ฉลาด



[156] คำว่า ผู้ฉลาดทั้งหลายย่อมกล่าวทัศนะที่ตนอาศัย
แม้นั้นว่า เป็นเครื่องร้อยรัด
มีความว่า คำว่า ผู้ฉลาด ได้แก่ ผู้ฉลาด
ในขันธ์ ฉลาดในธาตุ ฉลาดในอายตนะ ฉลาดในปฏิจจสมุปบาท ฉลาด
ในสติปัฏฐาน ฉลาดในสัมมัปปธาน ฉลาดในอิทธิบาท ฉลาดในอินทรีย์
ฉลาดในพละ ฉลาดในโพชฌงค์ ฉลาดในมรรค ฉลาดในผล ฉลาดใน
นิพพาน ผู้ฉลาดเหล่านั้นย่อมกล่าวอย่างนี้ คือย่อมกล่าว บอก พูด
แสดง แถลง อย่างนี้ว่า ทัศนะนั้นเป็นกิเลสเครื่องร้อยรัด เป็นกิเลส