เมนู

ตถาคตในอรรถว่าเสด็จมาสู่ลักษณะที่แท้



พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ตถาคต เพราะเสด็จมาสู่
ลักษณะที่แท้ เป็นอย่างไร.
ปฐวีธาตุมีความเข็มแข็งแท้ไม่แปรผันเป็นลักษณะ, อาโปธาตุมีการ
ไหลเป็นลักษณะ, เตโชธาตุมีความร้อนเป็นลักษณะ, วาโยธาตุมีความ
เคร่งตึงเป็นลักษณะ, อากาศธาตุมีการสัมผัสได้เป็นลักษณะ, วิญญาณธาตุ
มีการรู้อารมณ์เป็นลักษณะ, รูปมีการสลายแปรปรวนเป็นลักษณะ.
เวทนามีการเสวยอารมณ์เป็นลักษณะ, สัญญามีการจำอารมณ์เป็น
ลักษณะ, สังขารมีการปรุงแต่งอารมณ์เป็นลักษณะ, วิญญาณมีการรู้อารมณ์
เป็นลักษณะ.
วิตกมีการยกจิตขึ้นสู่อารมณ์เป็นลักษณะ, วิจารมีการตามเคล้า
อารมณ์เป็นลักษณะ, ปีติมีการแผ่ไปเป็นลักษณะ, สุขมีความยินดีเป็น
ลักษณะ, เอกัคคตาจิตมีการไม่ฟุ้งซ่านเป็นลักษณะ, สัทธินทรีย์มีการ
น้อมใจเชื่อเป็นลักษณะ, วิริยินทรีย์มีการประคองเป็นลักษณะ, สตินทรีย์
มีการบำรุงเป็นลักษณะ, สมาธินทรีย์มีความไม่ฟุ้งซ่านเป็นลักษณะ
ปัญญินทรีย์มีการรู้อารมณ์ต่าง ๆ เป็นลักษณะ.
สัทธาพละมีการไม่หวั่นไหวในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความไม่เชื่อเป็น
ลักษณะ, วีริยพละมีการไม่หวั่นไหวในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความเกียจคร้าน
เป็นลักษณะ, สติพละมีการไม่หวั่นไหวในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความมีสติ
ฟั่นเฟือนเป็นลักษณะ, สมาธิพละมีการไม่หวั่นไหวในอารมณ์เป็นที่ตั้ง

แห่งความฟุ้งซ่านเป็นลักษณะ, ปัญญาพละมีการไม่หวั่นไหวในอารมณ์
เป็นที่ตั้งแห่งอวิชชาเป็นลักษณะ.
สติสัมโพชฌงค์ มี อุปัฏฐานะ การบำรุงเป็นลักษณะ, ธัมมวิจย-
สัมโพชฌงค์ มีปวิจยะการเลือกเฟ้นเป็นลักษณะ, วิริยสัมโพชฌงค์ มี
ปัคคหะการประคองเป็นลักษณะ, ปีติสัมโพชฌงค์ มี ผรณะการแผ่ไปเป็น
ลักษณะ, ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ มี อุปสมะความสงบเป็นลักษณะ, สมาธิ
สัมโพชฌงค์ มีอวิกเขปะความไม่ซัดส่ายเป็นลักษณะ, อุเบกขาสัมโพชฌงค์
มีปฏิสังขาการ เพ่งเฉพาะเป็นลักษณะ.
สัมมาทิฏฐิมีการเห็นเป็นลักษณะ, สัมมาสังกัปปะมีการยกจิตขึ้นสู่
อารมณ์เป็นลักษณะ, สัมมาวาจามีการกำหนดยึดถือเป็นลักษณะ, สัมมา
กัมมันตะมีการตั้งขึ้นเป็นลักษณะ, สัมมาอาชีวะมีความผ่องแผ้วเป็น
ลักษณะ, สัมมาวายามะมีการประคองเป็นลักษณะ, สัมมาสติมีการบำรุง
เป็นลักษณะ, สัมมาสมาธิมีความไม่ฟุ้งซ่านเป็นลักษณะ.
อวิชชามีความไม่รู้เป็นลักษณะ, สังขารมีความตั้งใจเป็นลักษณะ,
วิญญาณมีการรู้อารมณ์เป็นลักษณะ, นามมีการน้อมไปสู่อารมณ์เป็น
ลักษณะ, รูปมีการสลายแปรปรวนเป็นลักษณะ, สฬายตนะมีการสืบต่อ
เป็นลักษณะ, ผัสสะมีการกระทบอารมณ์เป็นลักษณะ, เวทนามีการเสวย
อารมณ์เป็นลักษณะ, ตัณหามีความเป็นเหตุเป็นลักษณะ, อุปาทานมีการ
ยึดมั่นเป็นลักษณะ, ภพมีความเพิ่มพูนเป็นลักษณะ, ชาติมีความบังเกิดขึ้น
เป็นลักษณะ, ชรามีความทรุดโทรมเป็นลักษณะ, มรณะมีการเคลื่อนย้าย
จากภพที่ปรากฏอยู่เป็นลักษณะ,

ธาตุมีความว่างเปล่าเป็นลักษณะ, อายตนะมีการสืบต่อเป็นลักษณะ,
สติปัฏฐานมีการบำรุงเป็นลักษณะ, สัมมัปปธานมีการเริ่มตั้งเป็น
ลักษณะ, อิทธิบาทมีความสำเร็จเป็นลักษณะ, อินทรีย์มีความเป็นใหญ่ยิ่ง
เป็นลักษณะ, พละมีความไม่หวั่นไหวเป็นลักษณะ, โพชฌงค์มีการนำ
ออกจากทุกข์เป็นลักษณะ, มรรคมีการเป็นเหตุเป็นลักษณะ, สัจจะมีความ
แท้เป็นลักษณะ, สมถะมีความไม่ฟุ้งซ่านเป็นลักษณะ, วิปัสสนามีการตาม
พิจารณาเห็นเป็นลักษณะ, สมถะและวิปัสสนามีรสเป็นหนึ่งเป็นลักษณะ,
ธรรมที่ขนานคู่กันมีการไม่ครอบงำเป็นลักษณะ, ศีลวิสุทธิมีการสำรวมเป็น
ลักษณะ, จิตตวิสุทธิมีความไม่ซัดส่ายเป็นลักษณะ, ทิฏฐิวิสุทธิมีการเห็น
เป็นลักษณะ, ขยญาณมีการตัดได้เด็ดขาดเป็นลักษณะ, อนุปปาทญาณมี
การระงับเป็นลักษณะ,
ฉันทะมีมูลเป็นลักษณะ, มนสะการมีการตั้งขึ้นเป็นลักษณะ, ผัสสะ
มีการประชุมเป็นลักษณะ, เวทนามีการซ่านไปในอารมณ์เป็นลักษณะ,
สมาธิมีความประชุมเป็นลักษณะ, สติมีความเป็นใหญ่เป็นลักษณะ, ปัญญา
มีความยอดเยี่ยมกว่านั้นเป็นลักษณะ, วิมุตติมีสาระเป็นลักษณะ, พระ-
นิพพานอันหยั่งลงสู่อมตะมีปริโยสานเป็นลักษณะ, ซึ่งแต่ละอย่างเป็น
ลักษณะที่แท้ไม่แปรผัน, พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาสู่ลักษณะที่เเท้ด้วย
พระญาณคติ คือ ทรงบรรลุ ทรงบรรลุโดยลำดับ ไม่ผิดพลาดอย่างนี้. เหตุ
นั้น จึงทรงพระนามว่า ตถาคต. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า
ตถาคต เพราะเสด็จมาสู่ลักษณะที่แท้ เป็นอย่างนี้.

ตถาคต ในอรรถว่าตรัสรู้ธรรมที่แท้



พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ตถาคต เพราะตรัสรู้ธรรมที่แท้
จริง ตามที่เป็นจริง เป็นอย่างไร ?
อริยสัจ 4 ชื่อว่าธรรมที่แท้จริง. อย่างที่ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้ง
หลาย อริยสัจ 4 เหล่านี้ เป็นธรรมที่แท้ ไม่แปรผัน ไม่กลายเป็นอย่าง
อื่น. อริยสัจ 4 อะไรบ้าง ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้ว่า นี้ทุกข์ ดังนี้
เป็นธรรมที่แท้ ไม่แปรผัน ไม่กลายเป็นอย่างอื่น พึงทราบความพิสดาร
ต่อไป. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้อริยสัจ 4 เหล่านั้น เหตุนั้น จึงได้รับ
พระนามว่า ตถาคต เพราะตรัสรู้ธรรมที่แท้ ก็ คต ศัพท์ในที่นี้ มี
เนื้อความว่า ตรัสรู้.
อีกอย่างหนึ่ง สภาวะที่ชราและมรณะเกิดและประชุมขึ้นเพราะมีชาติ
เป็นปัจจัย เป็นสภาวะที่แท้ ไม่แปรผัน ไม่กลายเป็นอย่างอื่น. ฯลฯ สภาวะ
ที่สังขารทั้งหลายเกิดและประชุมขึ้นเพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย เป็นสภาวะที่
แท้ ไม่แปรผัน ไม่กลายเป็นอย่างอื่น. สภาวะที่อวิชชาเป็นปัจจัยแก่สังขาร
ทั้งหลาย ฯลฯ. สภาวะที่ชาติเป็นปัจจัยแก่ชราและมรณะ เป็นสภาวะที่แท้
ไม่แปรผัน ไม่กลายเป็นอย่างอื่น. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้ธรรมที่แท้นั้น
ทั้งหมด แม้เพราะเหตุนั้น จึงได้รับพระนามว่า ตถาคต เพราะตรัสรู้
ธรรมที่แท้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ตถาคต เพราะตรัสรู้
ธรรมที่แท้จริง ตามที่เป็นจริง เป็นอย่างนี้.