เมนู

สัตว์ดิ้นในอยู่ในโลกเพราะตัณหา



[51] คำว่า เราย่อมเห็น.... ดิ้นรนอยู่ในโลก มีความว่า
คำว่า ย่อมเห็น คือ ย่อมเห็น ย่อมแลดู ตรวจดู เพ่งดู พิจารณาดู
ด้วยมังสจักษุบ้าง ทิพยจักษุบ้าง ปัญญาจักษุบ้าง พุทธจักษุบ้าง สมันตจักษุ
บ้าง.
คำว่า ในโลก คือ ในอบายโลก มนุษยโลก เทวโลก
ขันธโลก ธาตุโลก อายตนโลก.
คำว่า ดิ้นรนอยู่ คือ เราย่อมเห็น ย่อมแลดู. ตรวจดู เพ่งดู
พิจารณาดู ซึ่งหมู่สัตว์นี้ดิ้นรน กระเสือกกระสน ทุรนทุราย หวั่นไหว
เอนเอียง กระสับกระส่ายอยู่ ด้วยความดิ้นรนเพราะตัณหา ด้วยความดิ้น
รนเพราะทิฏฐิ ด้วยความดิ้นรนเพราะกิเลส ด้วยความดิ้นรนเพราะความ
ประกอบ ด้วยความดิ้นรนเพราะผลกรรม ด้วยความดิ้นรนเพราะทุจริต
ด้วยราคะของผู้กำหนัด ด้วยโทสะของผู้ขัดเคือง ด้วยโมหะของผู้หลงแล้ว
ด้วยมานะเป็นเครื่องผูกพัน ด้วยทิฏฐิที่ยึดถือไว้ ด้วยความฟุ้งซ่านที่ฟุ้ง
แล้ว ด้วยความสงสัยที่ไม่แน่ใจ ด้วยอนุสัยที่ถึงกำลังด้วยลาภ ด้วยความ
เสื่อมลาภ ด้วยยศ ด้วยความเสื่อมยศ ด้วยสรรเสริญ ด้วยนินทา ด้วยสุข
ด้วยทุกข์ ด้วยชาติ ด้วยชรา ด้วยพยาธิ ด้วยมรณะ ด้วยโสกะปริเทวะ
ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ด้วยทุกข์คือความเกิดในนรก ด้วยทุกข์คือ
ความเกิดในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ด้วยทุกข์คือความเกิดในวิสัยแห่งเปรต
ด้วยทุกข์คือความเกิดในมนุษย์ ด้วยทุกข์มีความเกิดในครรภ์เป็นมูล ด้วย
ทุกข์มีความทั้งอยู่ในครรภ์เป็นมูล ด้วยทุกข์มีความตลอดจากครรภ์เป็นมูล

ด้วยทุกข์อันติดตามสัตว์ที่เกิดแล้ว ด้วยทุกข์อันเนื่องแห่งผู้อื่นแห่งสัตว์ผู้เกิด
แล้ว ด้วยทุกข์อันเกิดแต่ความขวนขวายของตน ด้วยทุกข์อันเกิดแต่ความ
ขวนขวายของผู้อื่น ด้วยทุกข์อันเกิดแต่ทุกขเวทนา ด้วยทุกข์อันเกิดแต่
สังขาร ด้วยทุกข์อันเกิดแต่ความแปรปรวน ด้วยทุกข์เพราะโรคทางจักษุ
โรคทางโสตะ โรคทางฆานะ โรคทางชิวหา โรคทางกาย โรคทางศีรษะ
โรคทางหู โรคทางปาก โรคทางฟัน โรคไอ โรคหืด โรคไร้หวัด
โรคไข้พิษ โรคไข้เชื่อมซึม โรคในท้อง โรคลมสลบ โรคบิด
โรคจุกเสียด โรคลงราก โรคเรื้อน โรคฝี โรคกลาก โรคมองคร่อ
โรคลมบ้าหมู โรคหิดเปื่อย โรคหิดด้าน โรคคุดทะราด โรคหูด
โรคละลอก โรคคุดทะราดบวม โรคอาเจียนโลหิต โรคดีกำเริบ
โรคเบาหวาน โรคเริม โรคพุพอง โรคริดสีดวง ด้วยอาพาธมีดีเป็น
สมุฏฐาน อาพาธมีเสมหะเป็นสมุฏฐาน อาพาธมีลมเป็นสมุฏฐาน อาพาธ
สันนิบาต อาพาธเกิดแต่ฤดูแปรปรวน อาพาธเกิดขึ้นเพราะการบริหารไม่
สม่ำเสมอ อาพาธเกิดขึ้นแต่ความเพียรเกินกำลัง อาพาธเกิดแต่ผลกรรม
ด้วยความหนาว ด้วยความร้อน ด้วยความหิว ด้วยความกระหาย ด้วย
ปวดอุจจาระ ด้วยปวดปัสสาวะ ด้วยความทุกข์เกิดแต่สัมผัสแห่งเหลือบ ยุง
ลม แดด และสัตว์เลื้อยคลาน ด้วยทุกข์เพราะความตายแห่งมารดา ด้วย
ทุกข์เพราะความตายแห่งบิดา ด้วยทุกข์เพราะความตายแห่งพี่ชายน้องชาย
ด้วยทุกข์เพราะความตายแห่งพี่สาวน้องสาว ด้วยทุกข์เพราะความตายแห่ง
บุตร ด้วยทุกข์เพราะความตายแห่งธิดา ด้วยทุกข์เพราะความฉิบหายแห่ง
ญาติ ด้วยทุกข์เพราะความฉิบหายแห่งโภคทรัพย์ ด้วยทุกข์เพราะความ

ฉิบหายแห่งโภคทรัพย์ ด้วยทุกข์เพราะความฉิบหายอันเกิดแต่โรค ด้วย
ทุกข์เพราะความฉิบหายแห่งศีล ด้วยทุกข์เพราะความฉิบหายแห่งทิฏฐิ
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เราย่อมเห็น....ดิ้นรนอยู่ในโลก.
[52] คำว่า หมู่สัตว์นี้ผู้ไปในตัณหาในภพทั้งหลาย มี
ความว่า คำว่า หมู่สัตว์ เป็นชื่อของสัตว์.
คำว่า ตัณหา คือ รูปตัณหา สัททตัณหา คันธตัณหา รสตัณหา
โผฏฐัพพตัณหา ธัมมตัณหา.
คำว่า ผู้ไปในตัณหา คือไปในตัณหา ไปตามตัณหา ซ่านไปตาม
ตัณหา จมอยู่ในตัณหา อันตัณหาให้ตกไปแล้ว อันตัณหาครอบงำแล้ว
มีจิตอันตัณหาครอบงำแล้ว.
คำว่า ในภพทั้งหลาย คือในกามภพ รูปภพ อรูปภพ เพราะ
ฉะนั้น จึงชื่อว่า หมู่สัตว์นี้ผู้ไปในตัณหาในภพทั้งหลาย.
[53] คำว่า นรชนทั้งหลายที่เลว....ย่อมร่ำไรใกล้ปากมัจจุ
มีความว่า นรชนทั้งหลายที่เลว คือผู้ประกอบด้วยกายกรรม วจีกรรม
มโนกรรม ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท ปิสุณ-
วาจา ผรุสวาจา สัมผัปปลาปะ อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ สังขาร
ทั้งหลาย กามคุณ 5 นิวรณ์ 5 เจตนา ความปรารถนา ความตั้งใจอันเลว
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เลว ทราม ต่ำช้า ลามก สกปรก ชั่วหยาบ
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นรชนทั้งหลายที่เลว.
คำว่า ย่อมร่ำไรใกล้ปากมัจจุ มีความว่า นรชนทั้งหลายเป็นผู้
ถึงมัจจุ ประจวบกับมัจจุเข้าถึงมัจจุถึงมาร ประจวบกับมาร เข้าถึงมาร

ถึงมรณะ ประจวบกับมรณะ เข้าถึงมรณะ ย่อมร่ำไร บ่นเพ้อ เศร้าโศก
ลำบากใจ รำพัน บอกคร่ำครวญ ถึงความหลงใหล ใกล้ปากมัจจุ
ปากมาร ปากมรณะ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า นรชนทั้งหลายที่เลว....
ย่อมร่ำไรใกล้ปากมัจจุ
.

ว่าด้วยภพน้อยภพใหญ่



[54] คำว่า ยังไม่ปราศจากตัณหาในภพน้อยและภพใหญ่
มีความว่า ตัณหา คือ รูปตัณหา ฯลฯ ธัมมตัณหา.
คำว่า ในภพน้อยและภพใหญ่ ได้แก่ ภพน้อยและภพใหญ่
คือ กรรมวัฏและวิปากวัฏ ในกรรมวัฏเป็นเครื่องเกิดในกามภพ ในวิปากวัฏ
เป็นเครื่องเกิดในกามภพ ในกรรมวัฏเป็นเครื่องเกิดในรูปภพ ในวิปากวัฏ
เป็นเครื่องเกิดในรูปภพ ในกรรมวัฏเป็นเครื่องเกิดในอรูปภพ ในวิปากวัฏ
เป็นเครื่องเกิดในอรูปภพในความเกิดบ่อย ๆ ในความเป็นไปบ่อย ๆ ใน
ความเข้าถึงบ่อย ๆ ในปฏิสนธิบ่อย ๆในอันบังเกิดขึ้นแห่งอัตภาพบ่อย ๆ.
คำว่า ยังไม่ปราศจากตัณหา คือ ยังไม่ปราศจากตัณหา
มีตัณหายังไม่หมดไป มีตัณหายังไม่สละแล้ว มีตัณหายังไม่สำรอกแล้ว
มีตัณหายังไม่พ้นไปแล้ว มีตัณหายังไม่ละเสียแล้ว มีตัณหายังไม่สละคืน
แล้ว เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ยังไม่ปราศจากตัณหาในภพน้อยและ
ภพใหญ่
.
เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า:-
เราย่อมเห็นหมู่สัตว์นี้ ผู้ไปในตัณหาในภพทั้งหลาย