เมนู

4. สังขปาลชาดก



ว่าด้วยสังขปาลนาคราชบำเพ็ญตบะ



[2495]

(พระเจ้าพาราณสี ตรัสว่า) ท่านเป็นผู้มี
รูปร่างงดงาม มีดวงตาแจ่มใส ข้าพเจ้าสำคัญว่าท่าน
ผู้เจริญคงบวชจากสกุล ไฉนหนอ ท่านผู้มีปัญญาจึง
สละทรัพย์ และโภคสมบัติ ออกบวชเป็นบรรพชิต
เสียเล่า ?

[2496] (อาฬารดาบส ทูลว่า) ดูก่อนมหา-
บพิตรผู้เป็นจอมนรชน อาตมาภาพได้เห็นวิมานของ
พญาสังขปาลนาคราช ผู้มีอานุภาพมาก ด้วยตนเอง
ครั้นเห็นแล้ว จึงออกบวชโดยเชื่อมหาวิบากของบุญ
ทั้งหลาย.

[2497] (พระเจ้าพาราณสี ตรัสว่า) บรรพชิต
ทั้งหลาย ย่อมไม่กล่าวคำเท็จ เพราะความรัก เพราะ
ความกลัว เพราะความชัง ข้าพเจ้าถามท่านแล้ว ขอ-
ท่านได้โปรดบอกเนื้อความนั้น แก่ข้าพเจ้า เพราะ
ข้าพเจ้าได้ฟังแล้ว จักเกิดความเลื่อมใส.

[2498] (อาฬารดาบส ทูลว่า) ดูก่อนมหาบพิตร
ผู้เป็นอธิบดีในรัฐมณฑล อาตมาภาพเดินทางไปค้าขาย
ได้เห็นบุตรนายพรานช่วยกันหามนาคตัวมีร่างกายใหญ่-
โต เดินร่าเริงไปในหนทาง.

ดูก่อนพระจอมประชานิกร อาตมาภาพมาประ-
จวบเข้ากับลูกนายพรานเหล่านั้น ก็กลัวจนขนลุกขน
พอง ได้ถามเขาว่า ดูก่อนพ่อบุตรนายพราน ท่าน
ทั้งหลายจะนำงูซึ่งมีร่างกายน่ากลัวไปไหน ท่านทั้ง-
หลายจักทำอะไรกับงูนี้ ?

(พวกบุตรนายพรานกล่าวว่า) งูใหญ่มีกายอันเจริญ
พวกเรานำไปเพื่อจะกิน เนื้อของมันมีรสอร่อย มัน
และอ่อนนุ่ม ดูก่อนท่านผู้เป็นบุตรชาววิเทหรัฐ ท่าน
ยังมิได้เคยลิ้มรส.
เราทั้งหลายไปจากที่นี่ ถึงบ้านของตนแล้ว จะ
เอามีดสับกินเนื้อกันให้สำราญใจ เพราะว่าเราทั้งหลาย
เป็นศัตรูของพวกงู.

อาตมาภาพจึงพูดว่า
ถ้าท่านทั้งหลาย จะนำงูใหญ่มีกายอันเจริญนี้ไป
เพื่อกิน เราจะให้โค 16 ตัว แก่ท่านทั้งหลาย ขอให้
ปล่อยงูนี้เสียจากเครื่องผูกเถิด.

พวกเขาตอบว่า
ความจริงงูตัวนี้เป็นอาหาร ที่ชอบใจของเรา
ทั้งหลายโดยแท้และเราทั้งหลายเคยกินงูมามาก ดูก่อน
นายอาฬาระผู้เป็นบุตรชาววิเทหรัฐ เราทั้งหลายจักทำ
ตามคำของท่าน ดูก่อนท่านผู้เป็นบุตรของชาววิเทหะ
แต่ว่าท่านจงเป็นมิตรของเราทั้งหลาย.

ชนเหล่านั้นแก้นาคราชออกจากเครื่องผูก นาค-
ราชได้พ้นจากเครื่องผูก ซึ่งเขาร้อยไว้ที่จมูกกับบ่วง
นั้น แล้วบ่ายหน้าตรงไปทิศปราจีน หลีกไปได้ครู่หนึ่ง
ครั้นบ่ายหน้าตรงไปทิศปราจีน ได้สักครู่หนึ่ง
มีดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา เหลียวมาดูอาตมาภาพ
อาตมาภาพได้ตามไปข้างหลังของนาคราชในคราวนั้น
ประคองอัญชลี ทั้ง 10 นิ้ว เตือนว่า
ท่านจงรีบไปเสียโดยเร็ว ขอพวกศัตรูอย่าจับได้
อีกเลย เพราะว่าการสมาคมกับพวกพรานบ่อย ๆ เป็น
ทุกข์ ท่านจงไปสถานที่ๆพวกบุตรนายพรานจะไม่เห็น.
นาคราชนั้นได้ไปสู่ห้วงน้ำใส มีสีเขียวน่ารื่นรมย์
มีท่าราบเรียบ ปกคลุมไปด้วยไม้หว้า และย่างทราย
เป็นผู้ปลอดภัย มีปีติ เข้าไปยังนาคพิภพ.
ดูก่อนพระจอมประชานิกร นาคราชนั้น ครั้น
ข้าไปสู่นาคพิภพแล้ว ไม่ช้าก็มีบริวารทิพย์มาปรากฏ
แก่อาตมาภาพ บำรุงอาตมาภาพเหมือนบุตรบำรุงบิดา
ฉะนั้น พูดจารื่นหู จับใจว่า
ท่านอาฬาระ ท่านเป็นเหมือนมารดาบิดาของ
ข้าพเจ้า เป็นดังดวงใจเป็นผู้ให้ชีวิต เป็นสหาย
ข้าพเจ้าจึงกลับได้อิทธิฤทธิ์ของตน ข้าแต่ท่านอาฬาระ
ขอเชิญท่านไปเยี่ยมนาคพิภพของข้าพเจ้า ซึ่งมีภักษา-

หารมาก มีข้าวและน้ำมากมาย ดังเทพนครของท้าว
วาสวะฉะนั้น.

[2499] (พญานาคราช กล่าวว่า) นาคพิภพนั้น
สมบูรณ์ด้วยภูมิภาค ภาคพื้นไม่มีกรวด อ่อนนุ่ม
งดงาม มีหญ้าเตี้ย ๆ ไม่มีละอองธุลี นำมาซึ่งความ
เลื่อมใส ระงับความโศก ของผู้ที่เข้าไป.
ในนาคพิภพนั้น มีสระโบกขรณี อันไม่อากูล
เขียวชอุ่มดังแก้วไพฑูรย์ มีต้นมะม่วง น่ารื่นรมย์
ทั้ง 4 ทิศ มีผลสุกกึ่งหนึ่ง ผลอ่อนถึงหนึ่ง เผล็ดผล
เป็นนิตย์.

[2500] (อาฬารดาบส กล่าวว่า) ดูก่อนมหา-
บพิตรผู้ประเสริฐกว่านรชน ในท่ามกลางสวน
เหล่านั้น มีนิเวศน์เลื่อมประภัสสร ล้วนแล้วไปด้วย
ทองคำ มีบานประตูแล้วไปด้วยเงิน งามรุ่งเรืองยิ่ง
ประหนึ่งสายฟ้ารุ่งเรืองอยู่ในกลางหาว ฉะนั้น.
ขอถวายพระพร ในท่ามกลางสวนเหล่านั้น
เรือนยอดและห้อง แล้วไปด้วยแก้วมณี แล้วไปด้วย
ทองคำ โอฬาร วิจิตร เป็นอเนกประการเนรมิตด้วยดี
ติดต่อกันเต็มไปด้วยนางนาคกัญญาทั้งหลาย ผู้ประดับ
แล้ว ล้วนทรงสายสร้อยทองคำ.
สังขปาลนาคราชนั้น มีผิวพรรณไม่ทราม ว่อง-
ไว ขึ้นสู่ปราสาท มีเสาประมาณพันต้น มีอานุภาพ
ชั่งไม่ได้ เป็นที่อยู่แห่งมเหสี ของสังปาลนาคราชนั้น.

นารีหนึ่งว่องไว ไม่ต้องเตือน ยกอาสนะล้วน
ด้วยแก้วไพฑูรย์ มีค่ามาก งดงาม สมบูรณ์ด้วย
แก้วมีชาติดังแก้วมณี มาปูลาด.
ลำดับนั้น นาคราชจูงมืออาตมาภาพ ให้นั่งบน
อาสนะอันเป็นประธาน กล่าวว่า นี่อาสนะ เชิญท่าน
นั่งบนอาสนะนี้ เพราะว่าท่านเป็นที่เคารพคนหนึ่ง
ของข้าพเจ้า ในจำนวนท่านที่เคารพทั้งหลาย.
ดูก่อนพระจอมประชานิกร นารีอีกนางหนึ่งก็
ว่องไว ตักเอาน้ำมาล้างเท้าของอาตมาภาพ ดุจภรรยา
ล้างเท้าสามีที่รักฉะนั้น.
มีนารีอีกนางหนึ่งว่องไว ประคองภาชนะทองคำ
เต็มไปด้วยภัตตาหารน่าบริโภค มีสูปะหลายอย่าง
มีพยัญชนะต่าง ๆ นำมาให้อาตมา.
ขอถวายพระพร นารีเหล่านั้นรู้จักใจสามี พา
กันบำรุงอาตมาภาพ ผู้บริโภคแล้ว ด้วยดนตรีทั้งหลาย
นาคราชนั้น ก็เข้ามาหาอาตมาภาพพร้อม ด้วยกามคุณ
อันเป็นทิพย์ มิใช่น้อย ใหญ่ยิ่งกว่าการฟ้อนรำนั้น.

[2501] (พญานาคราช กล่าวว่า) ข้าแต่ท่านอา-
ฬาระ ภรรยาของข้าพเจ้าทั้ง 300 นางนี้ ล้วนมีเอว
อ้อนแอ้น มีรัศมีรุ่งเรืองดังกลีบประทุม นางเหล่านี้
จักเป็นผู้บำรุงบำเรอท่าน ข้าพเจ้าขอยกนางเหล่านี้ให้
ท่าน ท่านจงให้นางเหล่านี้ บำเรอท่านเถิด.

[2502] (อาฬารดาบส กล่าวว่า) อาตมาภาพได้
เสวยรสอันเป็นทิพย์อยู่ปีหนึ่ง คราวนั้นอาตมาภาพ ได้
ไต่ถามถึงสมบัติอันยิ่งว่า ท่านพญานาคได้สมบัตินี้
ด้วยอุบายอย่างไร ได้วิมานอันประเสริฐอย่างไร ได้
โดยมีเหตุ หรือเกิดเพราะใครน้อมมาให้แก่ท่าน ท่าน
กระทำเอง หรือเทวดาให้ ดูก่อนพญานาคราช ข้าพ-
เจ้าขอถามเนื้อความนั้นกะท่าน ท่านได้วิมานอันประ
เสริฐอย่างไร ?

[2503] (สังขปาลนาคราช กล่าวว่า) ข้าพเจ้าได้
วิมานนี้ มิใช่โดยไม่มีเหตุ และมิใช่เกิดเพราะใครน้อม
มาให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามิได้ทำเอง แม้เทวดาก็มิได้ให้
ข้าพเจ้าได้วิมานนี้ ด้วยบุญกรรมอันไม่เป็นบาปของ
ตน.

[2504] (อาฬารกุฎุมพี ถามว่า) พรตของท่าน
เป็นอย่างไร และพรหมจรรย์ของท่านเป็นไฉน นี้เป็น
วิบากแห่งกรรมอะไรที่ท่านประพฤติดีแล้ว ดูก่อนพญา
นาคราช ขอท่านจงบอกเนื้อความนี้แก่ข้าพเจ้า ท่าน
ได้วิมานนี้มาอย่างไรหนอ ?

[2505] (สังขปาลนาคราช ตอบว่า) ข้าพเจ้าได้
เป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ กว่าชนชาวมคธ มีนามว่า
" ทุยโยชนะ " มีอานุภาพมากได้เห็นชัดว่า ชีวิตเป็น

ของนิดหน่อยไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็น
ธรรมดา.
จึงเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส ได้ให้ข้าวและน้ำ เป็นทาน
อันไพบูลย์ โดยเคารพ วังของข้าพเจ้าในครั้งนั้น เป็น
ดุจบ่อน้ำ สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ก็อิ่มหนำสำราญ
ในที่นั้น.
ข้าพเจ้าได้ให้ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้
ประทีป ยวดยาน ที่พัก ผ้านุ่งห่ม ที่นอน และข้าว
น้ำ เป็นทานโดยเคารพ ในที่นั้น.
นั่นเป็นพรต และพรหมจรรย์ของข้าพเจ้า นี้เป็น
วิบากแห่งกรรมนั้น ที่ข้าพเจ้าประพฤติดีแล้ว ข้าพเจ้า
ได้วิมานอันมีภักษาหารเพียงพอ มีข้าวน้ำมากมาย
เพราะวัตร และพรหมจรรย์นั้นแล.
[2506] วิมานนี้บริบูรณ์ ด้วยการฟ้อนรำ ขับ
ร้องตั้งอยู่ช้านาน แต่เป็นของไม่เที่ยง อาตมาภาพ จึง
ถามว่า บุตรนายพรานทั้งหลาย ผู้มีอานุภาพน้อย ไม่
มีเดช ไยจึงเบียดเบียนท่านผู้มีอานุภาพมาก มีเดชได้
ดูก่อนท่านผู้มีเขี้ยวเป็นอาวุธ เพราะอาศัยอะไรหรือ
ท่านจึงถึงความเศร้าหมอง ในสำนักของบุตรนาย-
พรานทั้งหลาย ?
ความกลัวใหญ่ ตามถึงท่าน หรือว่า พิษของท่าน
ไม่แล่นไปยังรากเขี้ยว ดูก่อนท่านผู้มีเขี้ยวเป็นอาวุธ

เพราะอาศัยอะไรหรือ ท่านจึงถึงความเศร้าหมอง ใน
สำนักของบุตรนายพรานทั้งหลาย ?
[2507] มหันตภัยมิได้ตามถึงข้าพเจ้าเลย ชน
พวกนั้น ไม่อาจทำลายเดชของข้าพเจ้าได้ แต่ว่าธรรม
ของสัตบุรุษทั้งหลาย ท่านประกาศไว้ดีแล้ว ยากที่จะ
ล่วงได้ เหมือนเขตแดนแห่งสมุทร ฉะนั้น.
ข้าแต่ท่านอาฬาระ ข้าพเจ้าเข้าจำอุโบสถ ในวัน
จาตุททสี ปัณณรสีเป็นนิตย์ ต่อมาพวกบุตรนายพราน
16 คน เป็นคนหยาบช้า ถือเอาเชือกและบ่วงอัน
มั่นคงมา.
พรานทั้งหลาย ช่วยกันแทงจมูก เอาเชือกร้อย
แล้วหามข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าอดทนต่อทุกข์เช่นนั้น ไม่
ทำอุโบสถให้กำเริบ.

[2508] (อาฬารกุฎุมพีกล่าวว่า) บุตรนายพราน
เหล่านั้น ได้พบท่านผู้สมบูรณ์ด้วยกำลัง และผิวพรรณ
ที่ทางเดินคนเดียว ดูก่อนท่านนาคราช ท่านเป็นผู้
เจริญด้วยสิริ และปัญญา จะบำเพ็ญตบะเพื่อประโยชน์
อะไรอีกเล่า ?

[2509] (สังขปาลนาคราชตอบว่า) ข้าแต่ท่าน
อาฬาระ ข้าพเจ้าบำเพ็ญตบะ มิใช่เพราะเหตุแห่งบุตร
มิใช่เพราะเหตุแห่งทรัพย์ และมิใช่เพราะเหตุแห่งอายุ

เพราะข้าพเจ้าปรารถนากำเนิดมนุษย์ จึงบากบั่น
บำเพ็ญตบะ.

[2510] (อาตมาภาพถามว่า) ท่านเป็นผู้มีนัยน์ตา
แดง มีรัศมีรุ่งเรือง ประดับตกแต่งแล้ว ปลงผมและ
หนวด ชโลมทาด้วยจุรณจันทน์แดง ส่องสว่างไป
ทั่วทิศ ดุจคนธรรพราชา ฉะนั้น.
ท่านเป็นผู้ถึงแล้วซึ่งเทวฤทธิ์ มีอานุภาพมาก
พรั่งพร้อมไปด้วยกามารมณ์ทั้งปวง ดูก่อนพญานาคราช
ข้าพเจ้าขอถามเนื้อความนี้กะท่าน เหตุไรมนุษยโลก
จึงประเสริฐกว่านาคพิภพนี้ ?

[2511] (สังขปาลนาคราชตอบว่า) ข้าแต่ท่าน
อาฬาระ นอกจากมนุษยโลก ความบริสุทธิ์หรือความ
สำรวมย่อมไม่มี ถ้าข้าพเจ้าได้กำเนิดมนุษย์แล้ว จัก
กระทำที่สุดแห่งชาติและมรณะ.

[2512] (อาฬารกุฏุมพีกล่าวว่า) ข้าพเจ้าอยู่ใน
สำนักของท่านปีหนึ่งแล้ว เป็นผู้ที่ท่านบำรุงด้วยข้าว
ด้วยน้ำ ข้าพเจ้าขอลาท่าน ดูก่อนท่านผู้เป็นจอมนาค
ข้าพเจ้าจากมนุษยโลกมาเสียนาน.

[2513] (สังขปาลนาคราชตอบว่า) ข้าแต่ท่าน
อาฬาระ บุตร ภรรยา และชนบริวาร ข้าพเจ้าพร่ำสอน
เป็นนิตย์ให้บำรุงท่าน ใครมิได้แช่งด่าท่านแลหรือ

เพราะว่าการที่ได้พบท่าน นับว่าเป็นที่พอใจของ
ข้าพเจ้า.

[2514] (อาฬารกุฏุมพีตอบว่า) ดูก่อนพญา-
นาคราช บุตรที่รักปฏิบัติบำรุงมารดาบิดาในเรือน
เป็นผู้ประเสริฐ แม้ด้วยประการใด ท่านบำรุงข้าพเจ้า
อยู่ในที่นี้ เป็นผู้ประเสริฐ แม้กว่าประการนั้น เพราะว่า
จิตของท่านเลื่อมใสข้าพเจ้า.

[2515] (สังขปาลนาคราชกล่าวว่า) แก้วมณีอัน
จะนำทรัพย์มาได้ตามประสงค์ ของข้าพเจ้ามีอยู่ ท่าน
จงถือเอามณีรัตน์อันโอฬารนั้นไป ยังที่อยู่ของตน ได้
ทรัพย์แล้วจงเก็บแก้วมณีนั้นไว้.

[2516] (อาฬาดาบสทูลว่า) ขอถวายพระพร
แม้กามคุณเป็นของมนุษย์ อาตมาภาพได้เห็นแล้ว
เป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
อาตมาภาพเห็นโทษในกามคุณทั้งหลาย จึงออกบวช
ด้วยศรัทธา.
ขอถวายพระพร ทั้งคนหนุ่มคนแก่ ย่อมมีสรีระ
ทำลายร่วงหล่นไป เปรียบเหมือนผลไม้ ฉะนั้น
อาตมาภาพเห็นคุณข้อนี้ว่า สามัญผลเป็นข้อปฏิบัติอัน
ไม่ผิด ประเสริฐจึงออกบวช.

[2517] (พระเจ้าพาราณสีตรัสว่า) ชนเหล่าใด
เป็นพหูสูต ค้นคิดเหตุผลได้มาก ชนเหล่านั้นเป็น
คนมีปัญญา บุคคลควรคบหาโดยแท้ทีเดียว ข้าแต่ท่าน
อาฬาระ ข้าพเจ้าได้ฟังคำของพญานาคราช และของ
ท่านแล้ว จักทำบุญมิใช่น้อย.

[2518] (อาฬารดาบสทูลว่า) ขอถวายพระพร
ชนทั้งหลายเป็นพหูสูต ค้นคิดเหตุผลได้มาก ชน
เหล่านั้นเป็นคนมีปัญญา บุคคลควรคบหาโดยแท้
ทีเดียว ดูก่อนราชันย์ เพราะทรงสดับเรื่องราวของ
พญานาคราช และของอาตมาภาพแล้ว ขอพระองค์
โปรดทรงบำเพ็ญกุศลให้มาก.

จบสังขปาลชาดกที่ 4

อรรถกถาสังขปาลชาดก



พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระ
ปรารภอุโบสถกรรม ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อริยาวกาโสสิ
ดังนี้.
ความพิสดารว่า คราวนั้น พระบรมศาสดาทรงยังอุบาสกทั้งหลาย
ผู้รักษาอุโบสถให้ร่าเริงแล้วตรัสว่า โบราณบัณฑิตทั้งหลาย ละนาคสมบัติอัน
ใหญ่แล้ว เข้าจำอุโบสถเหมือนกัน อุบาสกเหล่านั้น ทูลอาราธนาแล้ว จึงทรง
นำอดีตนิทานมาตรัสดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล พระเจ้าแผ่นดินมคธ เสวยราชสมบัติในพระนครราช-
คฤห์. ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ทรงบังเกิดในพระครรภ์ แห่งพระอัครมเหสีของ
พระราชานั้น. พระชนกชนนีทรงขนานพระนามว่า ทุยโยธนกุมาร เธอ
เจริญวัยแล้ว ไปเรียนสรรพศิลปศาสตร์ในเมืองตักกศิลา กลับมาแสดงศิลปะ
ถวายพระราชบิดา ต่อมาพระราชบิดาจึงอภิเษกพระกุมารไว้ในราชสมบัติ แล้ว
ผนวชเป็นพระฤาษีอยู่ในพระราชอุทยาน พระโพธิสัตว์ได้เสด็จไปยังสำนักของ
พระราชบิดาวันละ 3 ครั้ง. ลาภสักการะใหญ่เกิดขึ้นแก่พระราชฤาษี. พระราช
ฤาษีไม่สามารถจะทำแม้เพียงกสิณบริกรรมได้ด้วยความกังวลนั้น จึงทรงดำริว่า
ลาภสักการะของเรามากมาย เราอยู่ที่นี่ไม่สามารถจะตัดรกชัฏนี้ได้ เราจักไม่
บอกลาพระโอรส ไปเสียในที่อื่น. พระราชฤาษีไม่บอกให้ใคร ๆ รู้ เสด็จ
ออกจากสวน ดำเนินล่วงมคธรัฐเข้าไปอาศัยจันทกบรรพต ทำบรรณศาลาอยู่
ณ ที่นั้น ในสถานที่พอไปมาได้ แต่แม่น้ำกัณณเวณณาอันไหลออกจากลำน้ำ
ชื่อสังขปาละ เขตมหิสกรัฐ กระทำกสิณบริกรรม ยังฌานและอภิญญาให้