เมนู

3. สีวิราชชาดก



ว่าด้วยการให้ดวงตาเป็นทาน



[2066] ข้าพระพุทธเจ้า เป็นคนชราไม่แลเห็น
ในที่ไกล มาเพื่อจะทูลขอพระเนตร ข้าพระพุทธเจ้า
มีนัยน์ตาข้างเดียว ข้าพระพุทธเจ้า ทูลขอแล้ว ขอ
พระองค์ได้โปรดพระราชทานพระเนตรข้างหนึ่ง แก่
ข้าพระพุทธเจ้าเถิด.

[2067] ดูก่อนวณิพก ใครเป็นผู้แนะนำท่าน
ให้มาขอดวงตาเรา ณ ที่นี้ บัณฑิตทั้งหลายกล่าว
ดวงตาใด ว่ายากที่บุรุษจะสละได้ ท่านมาขอดวงตา
นั้น อันเป็นอวัยวะเบื้องสูง ยากที่จะสละได้ง่าย ๆ.

[2068] ในเทวโลกเขาเรียกผู้ใดว่า สุชัมบดี
ในมนุษยโลกเขาเรียกท่านผู้นั้นว่า " มฆวา " ข้าพระ-
พุทธเจ้าเป็นวณิพก ท่านผู้นั้นแนะนำให้มาขอ
พระเนตร ณ ที่นี้ ข้าพระพุทธเจ้าเป็นวณิพก การขอ
ของข้าพระพุทธเจ้าไม่มีสิ่งใดจะยิ่งไปกว่า ขอพระองค์
ทรงพระราชทานพระเนตร แก่ข้าพระพุทธเจ้าผู้มาขอ
เถิด บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า ดวงตาใดยากที่บุรุษจะ
สละได้ ขอพระองค์โปรดพระราชทานดวงพระเนตร
นั้น ที่ไม่มีสิ่งอื่นจะยิ่งกว่า แก่ข้าพระพุทธเจ้าเถิด.

ท่านมาด้วยประโยชน์อันใด ปรารถนาประโยชน์
สิ่งใด ความดำริเหล่านั้น เพื่อประโยชน์นั้น ๆ ของ
ท่านจงสำเร็จเถิด ดูก่อนพราหมณ์ ท่านจงได้ดวงตา
เถิด เมื่อท่านขอข้างเดียว เราจะให้ทั้งสองข้าง ขอ
ท่านจงมีจักษุด้วยจักษุของเราไปเถิด ท่านปรารถนา
สิ่งใดจากเราผู้มุ่งหมายอยู่ สิ่งนั้นจงสำเร็จแก่ท่าน
เถิด.

[2069] ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประ-
เสริฐ ของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์อย่าทรง
พระราชทานดวงพระเนตรเลย อย่าทรงทอดทิ้งข้า
พระพุทธเจ้าทั้งปวงเลย ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ขอ
พระองค์ทรงพระราชทานทรัพย์เถิด แก้วมุกดา แก้ว
ไพฑูรย์มีเป็นอันมาก ข้าแต่มหาราชเจ้าผู้ทรงพระคุณ
อันประเสริฐ พระองค์จงทรงพระราชทานรถที่เทียม
แล้ว ม้าอาชาไนย ช้างตัวประเสริฐที่ตบแต่งแล้ว ที่อยู่
และเครื่องบริโภคที่ทำด้วยทองคำเถิด ข้าแต่พระองค์
ผู้ประเสริฐ ขอพระองค์จงทรงพระราชทานเหมือนกับ
ชาวสีพีทั้งปวง ที่มีเครื่องใช้สอย มีรถแวดล้อม
พระองค์อยู่โดยรอบทุกเมื่อ ฉะนั้นเถิด.

[2070] ผู้ใดแลพูดว่าจักให้ แล้วมากลับใจว่า
ไม่ให้ ผู้นั้นเหมือนกับสวมบ่วงที่ตกลงยังพื้นดินไว้ที่
คอ ผู้ใดแลพูดว่าจักให้ แล้วมากลับใจว่าไม่ให้ ผู้นั้น

เป็นคนลามกยิ่งกว่าผู้ที่ลามก ทั้งจะต้องเข้าถึงสถานที่
ลงอาญาของพญายม ความจริงผู้ขอได้ขอสิ่งใดไว้
ผู้ให้ก็ควรจะให้สิ่งนั้นแหละ ผู้ขอยังไม่ได้ขอสิ่งใดไว้
ผู้ให้ก็อย่าพึงให้สิ่งนั้น พราหมณ์ได้ขอสิ่งใดไว้กะเรา
เราก็จะให้สิ่งนั้นนั่นแหละ.

[2071] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชา พระ-
องค์ทรงปรารถนา พระชนมายุ วรรณะ สุขะ และพละ
อะไรหรือ จึงทรงพระราชทานพระเนตร พระองค์
ทรงเป็นพระราชาแห่งชาวสีพี ไม่มีใครประเสริฐยิ่ง
ไปกว่า ทรงพระราชทานพระเนตร เพราะเหตุปรโลก
หรืออย่างไร ?.

[2072] เราให้ดวงตาเป็นทานนั้น เพราะยศก็
หาไม่ เราจะได้ปรารถนาบุตร ทรัพย์หรือแว่นแคว้น
เพราะผลแห่งการให้ดวงตานี้ก็หาไม่ อีกประการหนึ่ง
ธรรมของสัตบุรุษทั้งหลาย ท่านได้เคยประพฤติกันมา
แล้วแต่โบราณ เพราะเหตุนี้แหละ ใจของเราจึงยินดี
ในทาน.

[2073] ดวงตาทั้งสองข้างจะได้เป็นที่เกลียดชัง
ของเราก็หาไม่ ตนของตนเองก็หาได้เป็นที่เกลียดชัง
ของเราไม่ พระสัพพัญญุตญาณเป็นที่รักของเรา
เพราะฉะนั้น เราจึงได้ให้ดวงตา

[2074] ดูก่อนสีวิกะ ท่านเป็นมิตรสหายของ
เรา ท่านเป็นคนศึกษามาดีแล้ว จงกระทำตามคำของ

เราให้ดี จงควักดวงตาทั้งสองของเรา ผู้ปรารถนาอยู่
แล้ววางลงในมือของพราหมณ์วณิพกเถิด.

[2075] พระเจ้าสีวิราช ทรงเตือนให้หมอ
สีวิกะ กระทำตามพระราชดำรัส หมอสีวิกะควักดวง
พระเนตรของพระราชาออกแล้ว ทรงพระราชทานแก่
พราหมณ์ พราหมณ์ก็เป็นคนตาดี พระราชาก็เข้าถึง
ความเป็นคนตาบอด.

[2076] นับแต่นั้นมาสองสามวัน เมื่อพระ-
เนตรทั้งสองมีเนื้องอกขึ้นเต็มแล้ว พระราชาผู้บำรุง
สีพีรัฐ จึงตรัสเรียกนายสารถีผู้เข้าเฝ้าอยู่นั้นว่า ดูก่อน
สารถี ท่านจงเทียมยานเถิด เสร็จแล้วจงบอกให้เรา
ทราบ เราจะไปยังอุทยาน จะไปยังสระโบกขรณี และ
ราวป่า พอพระเจ้าสีวิราชเจ้าไปประทับนั่งขัดสมาธิ
ริมขอบสระโบกขรณีแล้ว ท้าวสุชัมบดีสักกเทวราช
ก็เสด็จมาเฝ้าท้าวเธอ.

[2077] หม่อมฉันเป็นท้าวสักกะจอมแห่งเทพ
มาในสำนักของพระองค์แล้ว ข้าแต่พระราชาฤาษี ขอ
พระองค์จงทรงเลือกเอาพร ตามที่พระทัยปรารถนา
เถิด.

[2078] ข้าแต่ท้าวสักกเทวราช ทรัพย์ก็ดี กำลัง
ก็ดี ของหม่อมฉันมีเพียงพอแล้ว อนึ่ง คลังของ

หม่อมฉันก็มีเป็นอันมาก บัดนี้ หม่อมฉันเป็นคน
ตาบอด พอใจความตายเท่านั้น.

[2079] ดูก่อนบรมกษัตริย์ ผู้เป็นจอมนรชน
พระองค์จงตรัสถ้อยคำที่เป็นสัจจะ เมื่อพระองค์ตรัส
แต่ถ้อยคำที่เป็นสัจจะ พระเนตรจักเกิดขึ้นอีก.

[2080] บรรดาวณิพกทั้งหลาย ผู้มีโคตรต่าง ๆ
กัน มาขอหม่อมฉัน แม้วณิพกคนใดมาขอหม่อมฉัน
แม้วณิพกนั้นก็เป็นที่รักแห่งใจของหม่อมฉัน ด้วยการ
กล่าวคำสัตย์นี้ ขอจักษุจงบังเกิดแก่หม่อมฉันเถิด.

[2081] พราหมณ์ผู้ใดมาขอหม่อมฉันว่า ขอ
พระราชทานพระเนตรเถิด หม่อมฉันได้ให้ดวงตา
ทั้งสอง แก่พราหมณ์ผู้นั้นซึ่งเป็นวณิพก ปีติและ
โสมนัสเป็นอันมากเกิดขึ้นแก่หม่อมฉันยิ่งนัก ด้วยการ
กล่าวคำสัตย์นี้ ขอจักษุจงบังเกิดขึ้นแก่หม่อมฉันเถิด.

[2082] ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงบำรุงสีพีรัฐ
พระองค์ตรัสพระคาถาแล้วโดยธรรม พระเนตรทั้งสอง
ของพระองค์ จะปรากฏเป็นตาทิพย์เห็นได้ทะลุภาย
นอกฝา ภายนอกกำแพงและภูเขา ตลอดร้อยโยชน์
โดยรอบ.

[2083] ใครหนอในโลกนี้ ถูกขอทรัพย์อันน่า
ปลื้มใจแล้ว แม้จะเป็นของพิเศษ แม้จะเป็นของที่รัก

อย่างดี ของตนจะไม่พึงให้ เราขอเตือนท่านทั้งหลาย
ผู้เป็นชาวแคว้นสีพีทุก ๆ คน ที่มาประชุมกัน จงดู
ดวงตาทั้งสองอันเป็นทิพย์ของเราในวันนี้ ตาทิพย์
ของเราได้เห็นทะลุภายนอกฝา ภายนอกกำแพง และ
ภูเขา ตลอดร้อยโยชน์โดยรอบ ในโลกอันเป็นที่อยู่
อาศัยของสัตว์ทั้งหลายนี้ ไม่มีอะไรที่จะยิ่งไปกว่าการ
บริจาคทาน เราได้ให้จักษุที่เป็นของมนุษย์แล้ว กลับ
ได้จักษุทิพย์ ดูก่อนชาวแคว้นสีพีทั้งหลาย ท่าน
ทั้งหลายเห็นจักษุทิพย์ที่เราได้นี้แล้ว จงให้ทานเสีย
ก่อน จึงค่อยบริโภคเถิด บุคคลผู้ให้ทานและบริโภค
แล้ว ตามอานุภาพของตนไม่มีใครจะติเตียนได้ ย่อม
เข้าถึงสุคติสถาน.

จบสีวิราชชาดกที่ 3

อรรถกถาสีวิราชชาดก



พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภ
อสทิสทาน ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ทูเร จ วสํ เถโร ว
ดังนี้.
เรื่องปัจจุบันนิทานนั้น ได้กล่าวไว้พิสดารแล้ว ในสีวิราชชาดก ใน
อัฎฐกนิบาตนั้นเอง.
ก็ในกาลนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงถวายบริขารครบทุกอย่างใน
วันที่ 7 แล้วทูลขออนุโมทนา. พระศาสดาไม่ได้ตรัสอะไรเลย เสด็จหลีก
ไปแล้ว. พระราชาเสวยพระกระยาหารเช้าแล้ว เสด็จไปยังพระวิหาร ทูลถามว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะเหตุไร พระองค์จึงไม่ทรงทำอนุโมทนา พระ-
ศาสดาตรัสว่า ดูก่อนมหาบพิตร เพราะบริษัทไม่บริสุทธิ์ แล้วทรงแสดง
พระธรรมเทศนาโดยพระคาถาว่า น หเว กทริยา เทวโลกํ วชนฺติ เป็นต้น
แปลว่า คนตระหนี่ทั้งหลาย ย่อมไปสู่เทวโลกไม่ได้เลย ดังนี้. พระราชา
ทรงเลื่อมใส ทรงบูชาพระตถาคตด้วยผ้าอุตราสงค์ สีเวยยกพัสตร์มีราคาแสนหนึ่ง
แล้วเสด็จกลับพระนคร. ในวันรุ่งขึ้น ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมสภา
ว่า อาวุโสทั้งหลาย พระเจ้าโกศลราชทรงถวายอสทิสทาน แล้วยังไม่อิ่มด้วย
การถวายทานแม้ขนาดนั้น เมื่อพระทศพลทรงแสดงธรรมแล้ว ได้ถวายผ้า
สีเวยยกพัสตร์อันมีค่าแสนหนึ่งอีก อาวุโสทั้งหลาย ตลอดเวลาที่ท้าวเธอทรง
ถวายทาน ยังไม่รู้สึกอิ่มพระทัยเลย พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า
ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูล
ให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลายขึ้นชื่อว่า พาหิรภัณฑ์ บุคคลจะ