เมนู

พระบรมศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงตรัสว่า
โปราณกบัณฑิททั้งหลาย ละนาคสมบัติแล้ว อยู่รักษาอุโบสถศีล ด้วยอาการ
อย่างนี้ แล้วทรงประชุมชาดกว่า หมองูในครั้งนั้น ได้มาเป็นพระเทวทัต
ในบัดนี้ นางนาคกัญญาสุมนาเทวี ได้มาเป็นราหุลมารดา พระเจ้าอุคคเสนราช
ได้มาเป็นพระสารีบุตร ส่วนจัมเปยยนาคราช ได้มาเป็นเราผู้ตถาคตฉะนี้แล.
จบอรรถกถาจัมเปยยชาดก

11. มหาปโลภนชาดก



ว่าด้วยหญิงเป็นมลทินของพรหมจรรย์



[2208] เทพบุตรผู้มีฤทธิ์มาก จุติจากพรหม-
โลกแล้ว มาเกิดเป็นพระโอรสของพระเจ้ากาสี ผู้ทรง
ดำรงอยู่ในราชสมบัติ อันเพรียบพร้อมด้วยสรรพกาม.
ความใคร่ก็ดี ความสำคัญในกามก็ดี ไม่มีใน
พรหมโลกเลย พระราชกุมารนั้น จึงทรงรังเกียจกาม
ทั้งหลาย ด้วยฌานสัญญาอันบังเกิดในพรหมโลก
นั้นเอง.
พระราชบิดา ตรัสสั่งให้สร้างฌานาคารไว้ใน
ภายในพระราชฐาน สำหรับพระราชกุมารนั้นทรง
หลีกเร้น บำเพ็ญฌานในอาคารนั้น เพียงพระองค์เดียว.

พระเจ้ากาสิกราช ทรงอัดอั้นตันพระทัย ด้วย
ความเศร้าโศกถึงพระโอรส ทรงปริเทวนาการว่า
โอรสคนเดียวของเรานี้ ไม่ยินดีเสวยกามารมณ์เสียเลย.

อุบายในข้อนี้ มีอยู่อย่างไรหนอ ผู้ใดพึงประเล้า
ประโลมโอรสของเรา ให้เธอปรารถนากามได้ หรือว่า
ผู้นั้นใครเล่าจะรู้เหตุที่จะให้โอรสของเราพัวพันในกาม
ได้.

[2209] ภายในพระราชฐานนั่นเอง มีกุมารีคน
หนึ่ง มีฉวีวรรณงดงาม รูปสวย ฉลาดในการฟ้อนรำ
ขับร้อง และชำนาญในการดีดสีตีเป่า นางเข้าไปใน
พระราชฐานนั้นแล้ว กราบทูลความนี้กะพระราชาว่า
เกล้ากระหม่อมฉันนี้แล จะพึงประเล้าประโลมพระราช
กุมารนั้นได้ ถ้าหากพระราชกุมารนั้น จักได้เป็น
พระภัสดาของกระหม่อมฉัน.

[2210] พระราชาจึงตรัสกะนางกุมาริกา ผู้
กล่าวยืนยันเช่นนั้นว่า เธอจงประเล้าประโลมลูกของ
เรา ลูกของเราจักเป็นสามีของเจ้า.

[2211] นางกุมารีนั้น เข้าไปในพระราชฐาน
แล้ว จึงกล่าวเป็นคาถาไพเราะจับจิตจับใจ ยั่วยวน
ชวนให้รักใคร่ เปลี่ยนแปลงขับลำนำ ประกอบไป
ด้วยกามารมณ์มากมายหลายอย่าง.

[2212] กามฉันทะ บังเกิดแก่พระราชกุมาร
นั้น เพราะได้ทรงสดับเสียงของนางกุมารี ผู้ขับกล่อม
อยู่ พระราชกุมารจึงตรัสถามคนใกล้เคียงว่า โอ !
นั่นเสียงใคร หรือใครมาขับร้องเสียงสูงต่ำ ไพเราะ
จับใจ น่ารักนักหนา ไพเราะหูเรานัก.

[2213] (พวกพระพี่เลี้ยงจึงกราบทูลว่า) ขอเดชะ
เสียงนี้น่ายินดี น่าสนุกสนานมิใช่น้อย ถ้าพระองค์
พึงบริโภคกามคุณไซร้ กามทั้งหลายจะพึงเป็นที่
โปรดปรานพระทัยของพระองค์อย่างยิ่ง.

[2214] (พระราชกุมารรับสั่งว่า) เชิญมาภาย
ในนี้ จงมาขับร้องใกล้ ๆ เรา เลื่อนเข้ามาขับร้อง
ใกล้ตำหนักเรา จงขับกล่อมใกล้ที่บรรทมของเรา.
[2215] นางกุมารีนั้น เข้าไปขับกล่อมภาย
นอกฝาห้องบรรทม แล้วเลื่อนเข้าไป ณ ตำหนัก
ฌานาคารโดยลำดับ จนผูกพระราชกุมารไว้ได้
เหมือนนายหัตถาจารย์จับคชสารป่ามัดไว้ ฉะนั้น.
[2216] เพราะรู้กามรสโลกีย์แห่งนางกุมารีนั้น
พระราชกุมารจึงเกิดความปรารถนาเป็นอธรรมว่า เรา
เท่านั้นพึงได้บริโภคกาม อย่าได้มีบุรุษอื่นเลย ต่อแต่
นั้น พระราชกุมารทรงถือดาบเล่มหนึ่งแล้ว เสด็จไป
เพื่อจะฆ่าบุรุษทั้งหลายเสีย ด้วยทรงดำริว่า เราจัก
บริโภคกามแต่ผู้เดียว อย่าพึงมีบุรุษอื่นอยู่เลย.
[2217] ต่อแต่นั้น ชาวชนบททั้งปวงจึงมา
ประชุมกัน ถวายเรื่องราวร้องทุกข์ว่า ข้าแต่พระ-

มหาราชา พระโอรสของพระองค์นี้ ทรงเบียดเบียน
ผู้หาโทษมิได้ พระเจ้าข้า.
[2218] พระเจ้ากาสีบรมกษัตริย์ ทรงเนรเทศ
พระราชกุมารออกไปจากรัฐสีมาของพระองค์แล้ว มี
พระราชโองการว่า อาณาเขตของเรามีอยู่เพียงใด
เจ้าอย่าอยู่ในอาณาเขตของเราเพียงนั้น เป็นอันขาด.
[2219] ครั้งนั้น พระราชกุมารทรงพาพระ-
ชายาไป จนบรรลุถึงสมุทรนทีแห่งหนึ่ง ทรงสร้าง
บรรณศาลาแล้ว จึงเสด็จเข้าไปสู่ป่า เพื่อแสวงหา
ผลาผล.
[2220] ครั้งนั้น มีฤาษีตนหนึ่ง มาถึงบรรณ
ศาลานั้น โดยทางเบื้องบนสมุทร เข้าไปยังศาลาของ
พระราชกุมาร ในเวลาที่นางกุมารีจัดแจงอาหารไว้แล้ว.
[2221] ชายาของพระราชกุมาร ประเล้า
ประโลมพระฤาษีนั้น ดูเถิด กรรมที่นางกุมารีทํานั้น
หยาบช้าเพียงไร ฤาษีนั้นเคลื่อนจากพรหมจรรย์ เสื่อม
จากฤทธิ์.
[2222] ฝ่ายพระราชโอรสแสวงหาผลาผล
ในป่าได้จำนวนมากแล้ว ครั้นถึงเวลาเย็น จึงใส่หาบ
ขนเข้าไปสู่อาศรม.
[2223] ฝ่ายพระฤาษี พอเห็นขัตติยราชกุมาร
จึงรีบเข้าไปยังฝั่งสมุทร ด้วยตั้งใจว่า เราจักไปทาง
เวหาส แต่ต้องจมลงในมหรรณพนั่นเอง.

[2224] ฝ่ายขัตติยราชกุมาร ได้ทอดพระเนตร
เห็นพระฤาษีจมลงไปในมหรรณพ จึงได้ตรัสพระคาถา
เหล่านี้ ด้วยความอนุเคราะห์ต่อพระฤาษีนั้น ความว่า
[2225] ตัวท่านเองมาด้วยฤทธิ์ บนน้ำอันไม่
แตกแยก ครั้นถึงความระคนด้วยสตรีแล้ว ต้องจมลง
ในมหรรณพ ธรรมดาสตรีมีปกติหมุนเวียน มีมายา
มาก มักทำพรหมจรรย์ให้กำเริบ ย่อมทำนักพรตให้
จมลง ท่านรู้แจ้งฉะนี้แล้ว พึงเว้นเสียให้ห่างไกล
สตรีทั้งหลาย มีวาจาไพเราะ เจรจานุ่มนวล ถมไม่รู้
จักเต็ม เหมือนกับนทีธาร ย่อมยังนักพรตให้จมลง
ท่านรู้แจ้งฉะนี้แล้ว พึงเว้นเสียให้ห่างไกล สตรี
ทั้งหลายย่อมเข้าไปซ่องเสพบุรุษใด ด้วยความพอใจ
หรือด้วยทรัพย์ก็ตาม ย่อมพลันตามเผาผลาญบุรุษนั้น
เหมือนไฟป่าเผาสถานที่ตนเอง ฉะนั้น.
[2226] ความเบื่อหน่ายได้เกิดมีแก่ฤาษี เพราะ
ได้ฟังถ้อยคำของขัตติยราชกุมาร ฤาษีนั้นกลับได้ทาง
อันมีมาก่อน แล้วเหาะขึ้นไปยังเวหาส.
[2227] ฝ่ายขัตติยราชกุมารผู้ทรงพระปรีชา
ได้ทอดพระเนตรเห็นพระฤาษี กำลังเหาะไปยังเวหาส
จึงได้ความสลดจิต น้อมพระทัยสู่การบรรพชา ต่อ
แต่นั้น ขัตติยราชกุมารก็ทรงบรรพชา สำรอกกาม
ราคะแล้วได้เข้าถึงพรหมโลก.

จบมหาปโลภนชาดกที่ 10

อรรถกถามหาปโลภชาดก



พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภ
มาตุคามทำสัตว์ผู้บริสุทธิ์ให้เศร้าหมอง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
พฺรหฺมโลกา จวิตฺวาน ดังนี้.
เรื่องปัจจุบัน ข้าพเจ้ากล่าวไว้พิสดารแล้วในหนหลัง. ก็ในชาดกนี้
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ขึ้นชื่อว่ามาตุคามนี้ ย่อมกระทำสัตว์ผู้บริสุทธิ์
ให้เศร้าหมองได้ ดังนี้แล้ว ทรงนำอดีตนิทานมาตรัสดังต่อไปนี้
เรื่องอดีตนิทาน บัณฑิตพึงให้พิสดารตามนัยที่กล่าวแล้ว ในจุลล-
ปโลภนชาดก ในอดีต. ก็ในครั้งนั้น พระมหาสัตว์เจ้า จุติจากพรหมโลก มาบัง
เกิดเป็นพระโอรสของพระเจ้ากาสิกราช ทรงพระนามว่า อนิตถิคันธกุมาร.
พระกุมารไม่ยอมอยู่ในมือของสตรีเลย. สตรีที่จะให้พระกุมารดื่มน้ำนมต้อง
แปลงเป็นบุรุษเพศ พระราชกุมารโปรดประทับในฌานาคาร ไม่อยากพบเห็น
สตรีเพศ.
พระบรมศาสดาเมื่อจะทรงประกาศความนั้น ได้ตรัสพระคาถา 4 คาถา
ความว่า
เทพบุตรผู้มีฤทธิ์มาก จุติจากพรหมโลกแล้ว มา
เกิดเป็นพระโอรสของพระเจ้ากาสี ผู้ทรงดำรงอยู่ใน
ราชสมบัติ อันเพรียบพร้อมด้วยสรรพกาม.
ความใคร่ก็ดี ความสำคัญในกามก็ดี ไม่มีใน
พรหมโลกเลย พระราชกุมารนั้นจึงทรงรังเกียจกาม