เมนู

7. สัตติคุมพชาดก



ว่าด้วยพี่น้องก็ยังต่างใจกัน



[2142] พระมหาราชาผู้เป็นจอมชนแห่งชาว
ปัญจาลรัฐ เป็นดุจพรานเนื้อเสด็จออกมาสู่ป่าพร้อม
ด้วยเสนา พลัดจากหมู่เสนาไป.

ท้าวเธอได้ทอดพระเนตรเห็นกระท่อม ที่เขาทำ
ไว้เป็นที่อาศัยของโจรทั้งหลายในป่านั้น สุวโปดก
ออกจากกระท่อมนั้นไปแล้ว กลับมาพูดแข็งขันกับ
พ่อครัวว่า มีบุรุษหนุ่มน้อย มีรถม้าเป็นพาหนะ มี
กุณฑลเกลี้ยงเกลาดี มีกรอบหน้าแดง งดงามเหมือน
พระอาทิตย์ ส่องแสงสว่างในกลางวัน ฉะนั้น.

เมื่อถึงเที่ยงวันพระราชากำลังทรงบรรทมหลับ
กับนายสารถี (สุวโปดกป่าวร้องว่า) เอาซิพวกเรา จง
รีบไปชิงเอาทรัพย์ทั้งหมดของท้าวเธอเสีย เวลานี้ก็
เงียบสงัดดุจยามค่ำคืน พระราชากำลังทรงบรรทมหลับ
พร้อมกับนายสารถี พวกเราจงไปแย่งเอาผ้าและ
กุณฑลแก้วมณี แล้วฆ่าเสีย เอากิ่งไม้กลบไว้.

[2143] ดูก่อนสุวโปดกสัตติคุมพะ เจ้าเป็นบ้า
ไปกระมัง จึงได้พูดอย่างนั้น เพราะว่าพระราชา
ทั้งหลายถึงจะเสด็จมาแต่ไกล ก็ย่อมทรงเดชานุภาพ
เหมือนดังไฟสว่างไสว ฉะนั้น.

[2144] ดูก่อนนายปติโกลุมพะ ท่านเมาแล้ว
ย่อมเก่งกาจสามารถมิใช่หรือ เมื่อมารดาของเรา
เปลือยกาย ไฉนท่านจึงเกลียดการโจรกรรมหนอ.

[2145] ดูก่อนนายสารถีผู้เพื่อนยาก เจ้าจงลุก
ขึ้นเทียมรถ เราไม่ชอบใจนก เราจงไปอาศรมอื่น
กันเถิด.

[2146] ข้าแต่พระมหาราชา ราชรถได้เทียม
แล้ว และม้าราชพาหนะมีกำลัง ก็ได้จัดเทียมแล้ว
เชิญพระองค์เสด็จขึ้นประทับเถิด จะได้เสด็จไปยัง
อาศรมอื่น พระเจ้าข้า.

[2147] พวกโจรภายในอาศรมนี้ พากันไป
เสียที่ไหนหมดเล่า พระเจ้าปัญจาลราชนั้นหลุดพ้นไป
ได้ เพราะพวกโจรเหล่านั้นไม่เห็น ท่านทั้งหลายจง
จับเกาทัณฑ์ หอก และโตมร พระเจ้าปัญจาลราช
กำลังหนีไป ท่านทั้งหลายอย่าได้ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ได้
เลย.

[2148] ขณะนั้น ปุปผกสุวโปดก ตัวมีจะงอย
ปากแดงงาม ยินดีต้อนรับพระราชาว่า ข้าแต่พระ-
มหาราชา พระองค์เสด็จมาดีแล้ว อนึ่ง พระองค์ไม่
ได้เสด็จมาร้าย พระองค์ผู้ทรงอิสรภาพเสด็จมาถึง
แล้วโดยลำดับ ของสิ่งใดที่มีอยู่ในอาศรมนี้ ขอ
พระองค์จงทรงเลือกเสวยของสิ่งนั้น ผลมะพลับ ผล

มะหาด ผลมะซาง ผลหมากเม่า อันเป็นผลไม้มี
รสหวานเล็กน้อย ขอพระองค์จงเลือกเสวยแต่ที่ดี ๆ
ข้าแต่พระมหาราชา น้ำนี้เย็นนำมาแต่ซอกภูเขา ขอ
เชิญพระองค์ทรงดื่มถ้าทรงปรารถนา ฤาษีทั้งหลายใน
อาศรมนี้ พากันไปป่าเพื่อแสวงหาผลาผล เชิญเสด็จ
ลุกขึ้นไปทรงเลือกหยิบเอาเองเถิด เพราะข้าพระองค์
ไม่มีมือที่จะทูลถวายได้.

[2149] นกแขกเต้าตัวนี้ เจริญดีหนอ ประกอบ
ด้วยคุณธรรมอย่างยิ่ง ส่วนนกแขกเต้าตัวโน้น พูด
ถ้อยคำหยาบคายว่า จงจับมัดพระราชานี้ฆ่าเสีย อย่า
ให้รอดชีวิตไปได้เลย เมื่อนกแขกเต้านั้นรำพันเพ้ออยู่
อย่างนี้ เราได้มาถึงอาศรมนี้ โดยสวัสดี.

[2150] ข้าแต่พระมหาราชา ข้าพระองค์ทั้ง
สองเป็นพี่น้องร่วมท้องมารดาเดียวกัน ได้เจริญเติบโต
ที่ต้นไม้เดียวกัน แต่ต่างพลัดกันไปอยู่คนละเขตแดน
สัตติคุมพะเจริญอยู่ในสำนักของพวกโจร ส่วนข้า-
พระองค์เจริญอยู่ในสำนักของฤาษีในอาศรมนี้ สัตติ
คุมพะนั้น เข้าอยู่ในสำนักของอสัตบุรุษ ข้าพระองค์
อยู่ในสำนักของสัตบุรุษ ฉะนั้น ข้าพระองค์ทั้งสอง
จึงต่างกันโดยธรรม.

[2151] การฆ่าก็ดี การจองจำก็ดี การหลอกลวง
ด้วยของปลอมก็ดี การหลอกลวงด้วยอาการตรง ๆ ก็ดี

การปล้นฆ่าชาวบ้านก็ดี การกระทำกรรมอันแสน
สาหัสก็ดี มีอยู่ในที่ใด สัตติคุมพะนั้นย่อมศึกษาสิ่ง
เหล่านั้นในที่นั้น ข้าแต่พระองค์ผู้ภารตวงศ์ ในอาศรม
ของฤาษีนี้มีแต่สัจจธรรม ความไม่เบียดเบียน ความ
สำรวม และความฝึกอินทรีย์ ข้าพระองค์เป็นผู้เจริญ
แล้ว บนตักของฤาษีทั้งหลาย ผู้มีปกติให้อาสนะ
และน้ำ.

[2152] ข้าแต่พระราชา บุคคลคบคนใด ๆ
เป็นสัตบุรุษ อสัตบุรุษ มีศีล หรือไม่มีศีล เขาย่อม
ตกอยู่ใต้อำนาจของบุคคลนั้นนั่นแหละ บุคคลคบคน
เช่นใดเป็นมิตร หรือเข้าไปซ่องเสพคนเช่นใด ก็ย่อม
เป็นเช่นคนนั้น เพราะการอยู่ร่วมกันเป็นเช่นนั้น
อาจารย์คบอันเตวาสิกย่อมทำอันเตวาสิก ผู้ยังไม่
แปดเปื้อนให้แปดเปื้อนได้ อาจารย์ถูกอันเตวาสิกพา
แปดเปื้อนแล้ว พาอาจารย์อื่นให้เปื้อนอีก เหมือน
ลูกศรที่เปื้อนยาพิษแล้ว ย่อมทำแล่งลูกศรให้เปื้อน
ฉะนั้น นักปราชญ์ไม่พึงมีสหายลามกเลยทีเดียว
เพราะกลัวแต่การแปดเปื้อน ด้วยบาปธรรม นรชนใด
ห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา แม้ใบหญ้าคาของนรชน
นั้น ย่อมมีกลิ่นเน่าฟุ้งไป ฉันใด การเข้าไปคบหา

คนพาลก็เช่นนั้นเหมือนกัน นรชนใดห่อกฤษณาด้วย
ใบไม้ แม้ใบไม้ของนรชนนั้น ก็ย่อมหอมฟุ้งไป
ฉันใด การเข้าไปคบหานักปราชญ์ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
เพราะเหตุนั้น บัณฑิตรู้ความเปลี่ยนแปลงของตน
ดุจห่อใบไม้แล้ว ไม่ควรเข้าไปคบหาพวกอสัตบุรุษ
ควรคบหาแต่พวกสัตบุรุษ ด้วยว่าอสัตบุรุษย่อมนำไป
สู่นรก สัตบุรุษย่อมพาให้ถึงสุคติ.

จบสัตติคุมพชาดกที่ 7

อรรถกถาสัตติคุมพชาดก



พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระคทายวิหาร ใกล้ถ้ำมัททกุจฉิ
ทรงปรารภพระเทวทัต ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า มิคลุทฺโท
มหาราช
ดังนี้.
ความย่อว่า เมื่อพระเทวทัตกลิ้งศิลา สะเก็ดแตกมากระทบพระบาทของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ก็เกิดทุกขเวทนาเป็นกำลัง. ภิกษุทั้งหลายเป็นอันมาก
มาประชุมกันเพื่อเฝ้าเยี่ยมพระตถาคตเจ้า. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทอด
พระเนตรเห็นพุทธบริษัทมาประชุมกันแล้ว มีพระดำรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย
เสนาสนะนี้คับแคบนัก จักมีการประชุมใหญ่ พวกเธอจงนำเราขึ้นคานหามไป
ที่ถ้ำมัททกุจฉิเถิด. ภิกษุทั้งหลาย พากันกระทำตามพุทธดำรัส. หมอชีวกโก-
มารภัจ ได้จัดการรักษาพระบาทของพระตถาคตเจ้าให้ผาสุก. ภิกษุทั้งหลาย