เมนู

พระสุตตันตปิฎก



ขุททกนิกาย ชาดก



เล่มที่ 3 ภาคที่ 5



ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น



ฉักกนิบาตชาดก

1

1. อาวาริยวรรค



1. อาวาริยชาดก



ว่าด้วยการกระทำที่ไม่เจริญด้วยโภคะ



[831] ข้าแต่มหาบพิตรผู้ทรงเป็นใหญ่ในแผ่น
ดิน ขอมหาบพิตรอย่าทรงพิโรธเลย ข้าแต่
มหาบพิตรผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พระราชา
ผู้ไม่ทรงพิโรธตอบผู้ที่โกรธแล้ว ประชาชน
ของรัฐ ราษฎรบูชาแล้ว อาตมาภาพขอถวาย

1. บาลีเล่มที่ 27

อนุศาสน์ในที่ทุกสถาน จะเป็นในบ้าน ในป่า
ที่ดอนหรือที่ลุ่มก็ตาม ข้าแต่มหาบพิตรผู้ทรง
พระคุณอันประเสริฐ ขอพระองค์อย่าทรง
พิโรธ.
[832] ที่แม่น้ำคงคาได้มีคนแจวเรือจ้าง ข้อว่า
อาวาริยปิตา เขาส่งคนข้ามฟากก่อนแล้ว จึง
ขอรับค่าจ้างภายหลัง เพราะเหตุนั้นเขาจึงมี
การทุ่มเถียงกัน และไม่เจริญด้วยโภคทรัพย์.
[833] ดูก่อนโยมชาวเรือ โยมจงขอค่าจ้างกะคน
ที่ยังไม่ข้ามไปฝั่งโน้นก่อนสิ เพราะว่าจิตใจ
ของคนที่ข้ามฟากแล้วเป็นอย่างหนึ่ง ของคนที่
ต้องการจะข้ามฟากยังไม่ได้ข้าม ก็เป็นอีกอย่าง
หนึ่งไม่เหมือนกัน.
[834] อาตมาจักตามสอนโยมทุกหนทุกแห่ง ทั้ง
ในบ้านทั้งในป่า, ทั้งในที่ดอนหรือที่ลุ่ม ดูก่อน
โยมชาวเรือ ขอโยมอย่าโกรธนะ.

[835] พระราชาได้พระราชทานหมู่บ้านชั้นดีแก่
ดาบส เพราะอนุศาสนีบทใด เพราะอนุศาสนี
บทนั้นนั่นเอง คนแจวเรือได้ตบปากดาบส.
[836] ถาดข้าวก็แตก ภรรยาก็ถูกตบ และเด็ก
ในครรภ์ก็ตกฟากลงที่พื้นดิน เขาไม่อาจจะให้
ประโยชน์งอกเงยขึ้น เพราะโอวาทนั้น เหมือน
เนื้อไม่อาจจะให้ประโยชน์เกิดขึ้น เพราะทอง-
คำฉะนั้น.

จบ อาวาริยชาดกที่ 1

อรรถกถาชาดก


ฉักกนิบาต


อรรถกถาอาวาริยวรรคที่ 1



อรรถกถาอาวาริยชาดกที่ 1



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ติตถนาวิกคนแจวเรือประจำท่าคนหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า
มาสุ กุชฺฌ ภูมิปติ ดังนี้.

ได้ยินว่า เขาเป็นคนโง่ไม่รู้อะไร ไม่รู้คุณของพระรัตนตรัย มี
พระพุทธเจ้าเป็นต้นเลย ไม่รู้คุณของบุคคลอื่น ๆ ด้วยเป็นคนดุร้าย
หยาบคาย ผลุนผลันพลันแล่น. ภายหลังภิกษุชาวชนบทรูปหนึ่ง มา
ด้วยความตั้งใจว่า เราจักทำการอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ถึงท่าน้ำแม่น้ำ
อจิรวดี ได้พูดกับนายติตถวานิกอย่างนี้ว่า :-
ดูก่อนอุบาสก อาตมาจักข้ามฟาก ขอโยมจงให้เรืออาตมภาพ
เถิด.
นายติตถวานิก ตอบว่า:-
ท่านครับ บัดนี้นอกเวลาแล้ว ขอให้ท่านอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งใน
ที่นี้.
ภิ. ดูก่อนอุบาสก อาตมาจักอยู่ที่ไหนในที่นี้ ขอจงรับอาตมา
ไปส่งเถิด.
เขาโกรธพูดว่า มาที่นี่โว้ยสมณะ เราจะนำไปส่ง แล้วได้ให้
พระเถระลงเรือ ไม่ตรงไปส่ง แต่พายเรือไปข้างล่าง ทำให้เรือโคลง
บาตรและจีวรของท่านเปียกน้ำไปถึงฝั่งโดยลำบาก ส่งขึ้นฝั่งเวลามืดค่ำ.
ต่อมาท่านได้ไปถึงวิหาร วันนั้นไม่ได้โอกาสอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า รุ่งขึ้น
จึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้วนั่งอยู่ ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง เป็น

ผู้ที่พระศาสดาทรงทำการปฏิสันถารแล้ว เมื่อถูกพระศาสดาตรัสถามว่า
เธอมาถึงเมื่อไร ? ทูลว่า เมื่อวานนี้พระเจ้าข้า เมื่อพระองค์ตรัสถามว่า
เหตุไฉน จึงมาที่อุปัฏฐาก ในวันนี้ ? ได้กราบทูลเนื้อความนั้นให้ทรง
ทราบ. พระศาสดาครั้นทรงสดับเรื่องนั้นแล้วจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ไม่ใช่เพียงบัดนี้เท่านั้น ถึงในชาติก่อน นายคนนี้ก็ดุร้าย ยาบคาย
เหมือนกัน. อนึ่ง เขาไม่ใช่ให้เธอลำบาก แต่ในชาติปัจจุบันนี้ แม้
ในชาติก่อน ก็ทำให้บัณฑิตลำบากมาแล้ว ถูกภิกษุนั้นทูลอ้อนวอน จึง
ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ครองราชสมบัติอยู่ในนคร-
พาราณสี พระโพธิสัตว์กำเนิดในสกุลพราหมณ์เจริญวัยแล้ว ได้เรียน
ศิลปศาสตร์ทุกอย่าง ที่ตักกศิลา แล้วบวชเป็นฤษี เลี้ยงอัตภาพด้วย
ผลไม้น้อยใหญ่ ในป่าหิมพานต์เป็นเวลาช้านาน เพื่อต้องการลิ้มรสเค็ม
และรสเปรี้ยว จึงไปเมืองพาราณสี พักอยู่ที่พระราชอุทยาน รุ่งขึ้นจึง
เข้าไปสู่พระนครเพื่อภิกษา. ครั้งนั้น พระราชาได้ทอดพระเนตรเห็น
ท่านมาถึงพระลานหลวง เลื่อมใสในอิริยาบถของท่าน จึงทรงนำเข้าไป
ภายในเมืองให้ฉันเสร็จ ทรงรับปฏิญญาแล้วให้ท่านอยู่ในพระราชอุท-
ยาน ได้เสด็จไปยังที่อุปัฏฐากวันละครั้ง. พระโพธิสัตว์เมื่อทูลถวายโอวาท
พระราชานั้นทุกวันว่า ขอถวายพระพรมหาราช ธรรมดาพระราชาควร
เว้นการลุอำนาจอคติทั้ง 4 เป็นผู้ไม่ประมาท สมบูรณ์ด้วยพระขันติ

พระเมตตา และพระกรุณาธรรม ครองราชสมบัติโดยธรรม จึงถวาย
พระพรคาถา 2 คาถา ว่า:-
ข้าแต่มหาบพิตร ผู้ทรงเป็นใหญ่ในแผ่น-
ดิน ขอมหาบพิตรอย่าทรงพิโรธเลย ข้าแต่
มหาบพิตรผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พระราชา
ผู้ไม่ทรงพิโรธตอนผู้ที่โกรธแล้ว ประชาชน
ของรัฐ ราษฎรบูชาแล้ว. อาตมภาพขอถวาย
อนุศาสน์ในที่ทุกสถาน จะเป็นในบ้าน ในป่า
หรือที่ดอนที่ลุ่มก็ตาม ข้าแต่มหาบพิตรผู้ทรง
พระคุณอันประเสริฐ ขอพระองค์อย่าทรงพิโรธ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า รฏฺฐสฺส ปูชิโต มีเนื้อความว่า
พระราชาแบบนี้ เป็นผู้ที่ประชาชนของรัฐบูชาแล้ว. บทว่า สพฺพตฺถ-
มนุสาสามิ
ความว่า ข้าแต่มหาราช อาตมภาพเมื่ออยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง
บรรดาบ้านเป็นต้นเหล่านี้ ก็จะถวายอนุศาสน์พระองค์ ด้วยข้ออนุศาสน์
ข้อนี้นั่นแหละ คือว่า จะถวายอนุศาสน์ในที่ใดที่หนึ่ง บรรดาบ้าน
เป็นต้นเหล่านี้ จะเป็นที่บ้านหลังเดียวก็ตาม สัตวโลกตัวเดียวก็ตาม
บทว่า มาสุ กุชฺฌ รเถสภ ความว่า อาตมภาพ ถวายอนุศาสน์
พระองค์อยู่อย่างนี้นั่นแหละ ธรรมดาพระราชา ไม่ควรจะพิโรธ. เพราะ