เมนู

10. ทูตชาดก


ทุกชีวิตเป็นทูตของท้อง


[379] สัตว์เหล่านี้เป็นไปในอำนาจของตัณหา
ย่อมไปสู่ประเทศอันไกล หวังจะขอสิ่งของ
ตามแต่จะได้ เพื่อประโยชน์แก่ท้องใด
ข้าพระองค์เป็นทูตของท้องนั้น ข้าแต่
พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ ขอพระองค์อย่าได้
ทรงพิโรธแก่ข้าพระองค์เลย.
[380] อนึ่ง มาณพทั้งหลาย ย่อมตกอยู่ใน
อำนาจของท้องใด ทั้งหลายวันและกลางคืน
ข้าพระองค์ก็เป็นทูตของท้องนั้น ข้าแต่
พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ ขอพระองค์อย่าได้
ทรงพิโรธแก่ข้าพระองค์เลย.
[380] ดูก่อนพราหมณ์ เราจะให้โคสีแดง
แก่ท่านสักพันตัวพร้อมทั้งโคจ่าฝูงแก่ท่าน
แม้เราและสัตว์ทั้งมวลก็ชื่อว่าเป็นทูตของ
ท้องทั้งสิ้น เพระฉะนั้น เราก็เป็นทูต
ไฉนจะไม่ให้สิ่งของแก่ท่านผู้เป็นทูตเล่า.
จบ ทูตชาดกที่ 10

อรรถกถาทูตชาดกที่ 10


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุโลเลรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้มีคำเริ่มต้นว่า ยสฺสตฺถา ทูรมายนฺติ
ดังนี้. เรื่องจักมีแจ้งในกากชาดก นวกนิบาต. ก็พระศาสดาตรัสเรียก
ภิกษุรูปนั้นมาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอเป็นผู้โลเลเหลาะแหละเฉพาะ
ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน เธอก็เป็นผู้โลเลเหลาะแหละ
ก็เพราะความเป็นผู้โลเลเหลาะแหละ เธอจวนจะถูกตัดศีรษะด้วยดาบ.
แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ใน
พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เป็นโอรสของพระเจ้าพรหมทัตนั้น
พอเจริญวัยก็ได้เล่าเรียนศิลปศาสตร์ทั้งปวงในเมืองตักกศิลา พอ-
พระชนกล่วงลับไป ก็ได้ดำรงอยู่ในราชสมบัติ ได้เสวยโภชนะอัน
บริสุทธิ์ ด้วยเหตุนั้น พระองค์จึงมีพระนามว่า พระเจ้าโภชน-
สุทธิกราช. ได้ยินว่า พระองค์ทรงดำรงอยู่ในวิธีการเห็นปานนั้น
เสวยพระกระยาหารซึ่งมีภาชนะใบหนึ่งสิ้นเปลืองค่าถึงแสนกหาปณะ
อนึ่ง เมื่อเสวยก็ไม่เสวยภายในพระราชมณเฑียรเพราะมีพระประสงค์
จะให้มหาชนผู้ได้เห็นวิธีการเสวยของพระองค์ได้กระทำบุญ จึงให้
สร้างรัตนมณฑปที่ประตูพระราชวัง เวลาจะเสวยก็ให้ประดับประดา
รัตนมณฑปนั้น แล้วประทับนั่งบนราชบัลลังก์อันล้วนด้วยทองคำ
ภายใต้เศวตฉัตร แวดล้อมด้วยนางกษัตริย์ทั้งหลาย จึงเสวยพระ-