เมนู

7. สาลิยชาดก


ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว


[783] ผู้ใดลวงให้เราจับงูเห่าว่า นี่ลูกนก
สาลิกา ผู้นั้นตามพร่ำสอนสิ่งที่ลามก ถูกงู
นั้นกัดตายแล้ว.
[784] คนใดปรารถนาจะฆ่าบุคคลผู้ไม่ฆ่าเอง
และผู้ไม่ใช้คนอันให้ฆ่าตน คนนั้นถูกฆ่า
แล้วนอนตายอยู่ เหมือนกับบุรุษผู้ถูกงูกัด
ตายแล้วฉะนั้น.
[785] คนใดปรารถนาจะฆ่าบุคคลผู้ไม่เบียด-
เบียนตน และไม่ฆ่าตน คนนั้นถูกฆ่าแล้ว
นอนตายอยู่ เหมือนกับบุรุษถูกงูกัดตายแล้ว
ฉะนั้น.
[786] บุรุษผู้กำฝุ่นไว้ในมือ พึงซัดฝุ่นไปในที่
ทวนลม ละอองฝุ่นนั้น ย่อมหวนกลับมา
กระทบบุรุษนั้นเอง เหมือนบุรุษถูกงูกัดตาย
แล้วฉะนั้น.
[787] ผู้ใดประทุษร้ายผู้ไม่ประทุษร้ายตน เป็น
คนบริสุทธิ์ ไม่มีความผิดเลย บาปย่อมกลับ

มาถึงคนพาลผู้นั้นเอง เหมือนกับละอองละ-
เอียดที่บุคคลซัดไปทวนลมฉะนั้น.

จบ สาลิยชาดกที่ 7

อรรถกถาสาลิยชาดกที่ 7


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
คำว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระเทวทัตไม่อาจเพื่อแม้จะกระทำความ
สะดุ้งแก่พระพุทธองค์ได้ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
ยฺวายํ สาลิยจฺฉาโป ดังนี้.
จริงอยู่ ในครั้งนั้น พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตนี้ก็ไม่อาจเป็นผู้แม้จะ
กระทำความสะดุ้งแก่เราได้ แล้วทรงนำเอาเรื่องในยินดีมาสาธก ดังต่อ
ไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร-
พาราณสี พระโพธิสัตว์ได้บังเกิดในตระกูลกุฎุมพีในหมู่บ้าน ใน
คราวมีอายุยังน้อย เล่นอยู่ที่โคนตนไทรใกล้ประตูบ้านกับพวกเด็กที่
เล่นฝุ่นกัน. ครั้งนั้นมีหมอทุรพลคนหนึ่ง ไม่ได้การงานอะไรในบ้าน
จึงออกไปถึงที่นั้น เห็นงูตัวหนึ่งนอนหลับโผล่หัวออกมาจากระหว่างค่า
คบไม้ จึงคิดว่า เราไม่ได้อะไรในบ้าน เราจักลวงเด็กพวกนี้ให้งูกัด
เเล้วเยียวยารักษา คงจะได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งทีเดียว จึงได้กล่าวกะพระ-
โพธิสัตว์ว่า ถ้าเธอจะพบลูกนกสาลิกา เธอจะจับเอาไหม. พระโพธิ-