เมนู

9. สุวรรณมิคชาดก


ว่าด้วยเนื้อติดบ่วงนายพราน


[743] ข้าแต่เนื้อผู้มีกำลังมาก ท่านจงพยายาม
ดึงบ่วงออก ข้าแต่ท่านผู้มีเท้าดุจทองคำ ท่าน
จงพยายามคือบ่วงที่ติดแน่นให้ขาดเถิด ฉัน
ผู้เดียวจะไม่พึงยินดีอยู่ในป่า.
[744] ฉันพยายามดึงอยู่ แต่ไม่สามารถจะ
ทำบ่วงให้ขาดได้ ฉันเอาเท้าตะกุยแผ่นดิน
ด้วยกำลังแรง บ่วงติดแน่นเหลือเกิน จึง
ครูดเอาเท้าของฉันเข้า.
[745] ข้าแต่นายพราน ท่านจงปูใบไม้ลง จง
ชักดาบออก จงฆ่าฉันเสียก่อน แล้วจึงฆ่า
พระยาเนื้อต่อภายหลัง.
[746] เราไม่เคยได้ยินได้ฟัง หรือได้เห็นเนื้อ
ที่พูดภาษามนุษย์ได้ แน่ะนางผู้มีหน้าอันเจริญ
ตัวท่านและพระยาเนื้อนี้จงเป็นสุขเถิด.
[747] ข้าแต่นายพราน วันนี้ฉันเห็นพระยา-
เนื้อหลุดพ้นมาได้แล้วย่อมชื่นชมยินดี ฉันใด

ขอให้ท่านพร้อมด้วยญาติทั้งมวลของท่านจง
ชื่นชมยินดี ฉันนั้น.

จบ สุวรรณมิคชาดกที่ 9

อรรถกถาสุวรรณมิคชาดกที่ 9


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
กุลธิดาคนหนึ่ง ในกรุงสาวัตถี จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่ม
ต้นว่า วิกฺกม เร มหามิค ดังนี้.
ได้ยินว่า นางนั้นเป็นธิดาจองสกุลอุปัฏฐากแห่งพระอัครสาวก
ทั้งสอง ในกรุงสาวัตถี เป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใส นับถือพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ สมบูรณ์ด้วยมารยาท เป็นผู้ฉลาด ยินดียิ่งใน
บุญมีทานเป็นต้น. ตระกูลบุคคลมิจฉาทิฏฐิอื่นที่มีชาติเสมอกัน ใน
นครสาวัตถีนั้นแล ได้มาขอนางนั้น. ลำดับนั้น บิดามารดาของนาง
กล่าวว่า ธิดาของเรามีศรัทธาเลื่อมใส นับถือพระรัตนตรัย ยินดียิ่ง
ในการบุญมีทานเป็นต้น ท่านทั้งหลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ จักไม่ให้ธิดา
ของเราแม้นี้ให้ทาน ฟังธรรม ไปวิหาร รักษาศีล หรือทำอุโบสถ-
กรรม ตามความชอบใจ เราจะไม่ให้ท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจง
สู่ขอเอานางกุมาริกาจากตระกูลมิจฉาทิฏฐิที่เหมือนกับตนเถิด. ชนที่
มาขอเหล่านั้นถูกบิดามารดาของนางกุมาริกานั้นบอกคืนแล้ว จึง
กล่าวว่า ธิดาของท่านทั้งหลายไปเรือนของพวกเราแล้วจงกระทำกิจ