เมนู

7. ลฏุกิกชาดก


คติของคนมีเวร


[732] ดิฉันขอไหว้พระยาช้างผู้มีกำลังเสื่อม
ในกาลที่มีอายุได้หกสิบปีแล้ว ผู้อยู่ในป่า
เป็นเจ้าโขลง เพรียบพร้อมด้วยบริวารยศนั้น
ดิฉันขอทำอัญชลีท่านด้วยปีกทั้งสอง ขอ
ท่านอย่าได้ฆ่าลูกน้อย ๆ ของฉันผู้มีกำลั
ทุรพลเสียเลย.
[733] ดิฉันขอไหว้พระยาช้างผู้เที่ยวไปตัว-
เดียว ผู้อยู่ในป่า เที่ยวหาอาการกินตามเชิง
ภูเขา ดิฉันขอทำอัญชลีท่านด้วยปีกทั้งสอง
ขอท่านอย่าได้ฆ่าลูกน้อย ๆ ของดิฉันผู้มีกำลัง
ทุรพลเสียเลย.
[734] แน่ะนางนกไส้ เราจักฆ่าลูกน้อยของ
เจ้าเสีย เจ้ามีกำลังน้อยจักทำอะไรเราได้
เราจะขยี้นกไส้อย่างเจ้าตั้งแสนตัวให้ละเอียด
ไปด้วยเท้าข้างซ้าย.
[735] กิจที่จะพึงทำด้วยกำลังกายย่อมสำเร็จ
ไม่ได้ในที่ทั้งปวง เพราะกำลังกายของคน

พาล ย่อมมีเพื่อฆ่าคนอื่น แน่ะพระยาช้าง
ท่านผู้ใดฆ่าลูกน้อย ๆ ของเราผู้มีกำลังทุรพล
เราจักทำสิ่งที่ไม่ใช่ความเจริญให้แก่ท่านผู้
นั้น.
[736] ท่านจงดูกา นางนกไส้ กบและ
แมลงวันหัวเขียว สัตว์ทั้งสี่เหล่านี้ได้ร่วมใจ
กันฆ่าช้างเสียได้ ท่านจงเห็นคติแห่งเวร
ของตนมีเวรทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแล ท่าน
ทั้งหลายอย่าได้กระทำเวรกับใคร ๆ ถึงจะไม่
เป็นที่รักใคร่กันเลย.

จบ ลฏุกิกชาดกที่ 7

อรรถกถาลฏุกิกชาดกที่ 7


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร ทรงปรารภ
พระเทวทัต จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า วนฺทามิ ตํ
กุญฺชรํ สฏฺฐิหายํ
ดังนี้ :-
ได้ยินว่า วันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันในโรง-
ธรรมสภาว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระเทวทัตเป็นคนกักขฬะ
หยาบช้า สาหัส พระเทวทัตนั้น ไม่มีแม้แต่ความกรุณาในหมู่สัตว์.
พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวก
เธอนั่งสนทนากันเรื่องอะไรหนอ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรง