เมนู

7. อยกูฏชาดก


ว่าด้วยยักษ์ถือกระบองเหล็กใหญ่


[686] ท่านผู้ใด ยืนถือพะเนินเหล็กอันใหญ่
โตเหลือขนาดอยู่บนอากาศ ท่านผู้นั้นมาสถิต
อยู่เพื่อจะคุ้มครองข้าพเจ้าในวันนี้หรือ. หรือ
จะพยายามมาฆ่าข้าพเจ้า.
[687] ดูก่อนพระราชา เราเป็นทูตของพวก
ยักษ์ ถูกพวกยักษ์เหล่านั้นส่งมาที่นี้ เพื่อจะ
ปลงพระชนม์พระองค์ แต่ท้าวสักกรินทร์
เทวราชคุ้มครองพระองค์อยู่ เพราะเหตุนั้น
เราจึงผ่าพระเศียรของพระองค์ไม่ได้.
[688] ก็ถ้าท้าวมัฆวาฬเทวราช ผู้เป็นจอม
ทวยเทพ พระสวามีของนางสุชาดา คุ้มครอง
ข้าพเจ้าอยู่ ผู้ฉะนั้นพวกปีศาจก็คงคุกคาม
เหล่าสัตว์ทั้งหลายเป็นแน่ ข้าพเจ้าไม่ได้
สะดุ้งกลัวต่อพวกยักษ์เลย.
[689] พวกภุมภัณฑ์ และพวกปีศาจทั้งมวลจะ
คร่ำครวญกันไปก็ตามเถิด พวกมันคงไม่อาจ

จะต่อยุทธกับข้าพเจ้า กิริยาที่หลอกหลอน
ของพวกยักษ์ซึ่งทำให้น่ากลัวต่าง ๆ นั้น มีอยู่
เป็นอันมาก แต่ข้าพเจ้าก็ไม่กลัว.
จบ อยกูฏชาดกที่ 7

อรรถกถาอยกูฏชาดกที่ 7


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
การประพฤติประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลก จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้
มีคำเริ่มต้นว่า สพฺพายสํ กูฏํ ดังนี้. เรื่องปัจจุบันจักมีแจ้งในมหา
กัณหชาดก. ส่วนเรื่องในอดีตมีดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร
พาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีของ
พระเจ้าพรหมทัตนั้น. เจริญวัยแล้ว เรียนศิลปศาสตร์ได้แล้ว เมื่อ
พระราชบิดาสวรรคตแล้ว ได้ดำรงอยู่ในราชสมบัติ ทรงครองราชย์
โดยธรรม. ในครั้งนั้น คนทั้งหลายเป็นผู้ถือเทวดาเป็นมงคล พากัน
ฆ่าแพะเป็นต้นมากมาย กระทำพลีกรรมแก่เทวดาทั้งหลาย. พระโพธิ-
สัตว์ให้เที่ยวตีกลองประกาศว่า ไม่ควรฆ่าสัตว์มีชีวิต. ยักษ์ทั้งหลาย
เมื่อไม่ได้พลีกรรมจึงโกรธพระโพธิสัตว์ ได้ไปยังสมาคมยักษ์ในหิม-
วันประเทศ ให้ส่งยักษ์ตนหนึ่งผู้หยาบช้าไป เพื่อต้องการฆ่าพระ-
โพธิสัตว์. ยักษ์นั้นถือพะเนินเหล็กร้อนอันใหญ่ประมาณเท่าช่อฟ้า มา