เมนู

7. ปีฐชาดก


ว่าด้วยธรรมในสกุล


[686] ข้าพเจ้าไม่ได้ให้ตั้ง น้ำดื่ม และโภชนา-
หารแก่ท่าน ขอท่านผู้เป็นพรหมจารีจงอด
โทษให้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเห็นโทษอยู่
อย่างนี้.
[647] อาตมภาพไม่ได้ข้องเกี่ยว และไม่ได้
นักโกรธเคืองเลย แม้ความไม่ชอบใจอะไร ๆ
ของอาตมภาพก็ไม่มีเลย แม้ที่จริงอาตมภาพ
ยังมีความวิตกอยู่ในใจว่า ธรรมของสกุลนี้
จักเป็นเช่นนี้แน่.
[648] ที่นั่ง น้ำล้างเท้า น้ำมันทาเท้า ข้าพเจ้า
ให้อยู่เป็นนิจทุกอย่าง นี้เป็นธรรมในสกุล
เนื่องมาจากปู่ ย่า ตา ยาย ของข้าพเจ้า
ทุกเมื่อ.
[649] ข้าพเจ้าบำรุงสมณพราหมณ์โดยเคารพ
ดุจญาติที่สูงสุด นี้เป็นธรรมในสกุล เนื่อง

มาจากปู่ ย่า ตา ยาย ของข้าพเจ้าทุก
เมื่อ.

จบ ปีฐชาดกที่ 7

อรรถกถาปีฐชาดกที่ 7


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า น เต
ปิฐมทายิมฺหา
ดังนี้.
ได้ยินว่า ภิกษุนั้นจากชนบทไปยังพระเชตวัน เก็บบาตรจีวร
ถวายบังคมพระศาสดาแล้วถามสามเณรหนุ่ม ๆ ว่า อาวุโส ในนคร
สาวัตถี ใครอุปการะภิกษุอาคันตุกะทั้งหลาย พวกสามเณรหนุ่ม
กล่าวว่า ท่านผู้มีอายุ ท่านเหล่านี้ คือ อนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี
และวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นผู้อุปการะภิกษุสงฆ์ ดำรงอยู่ในฐานะ.
เป็นบิดามารดา. ภิกษุนั้นรับคำว่าดีแล้ว ในวันรุ่งขึ้น ได้ไปยังประตู
บ้านของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี แต่เช้าตรู่ ในเวลาที่ภิกษุแม้รูป
เดียวยังมิได้เข้าไป. เพราะภิกษุนั้นไปยังไม่ถึงเวลา ใคร ๆ จึงไม่
แลเห็น. ภิกษุนั้นไม่ได้อะไร ๆ จากที่นั้น จึงไปยังประตูเรือนของ
นางวิสาขามหาอุบาสิกา แม้ที่บ้านของนางวิสาขามหาอุบาสิกานั้น
เธอก็ไม่ได้อะไร ๆ เพราะไปเช้าเกินไป. ภิกษุนั้นจึงเที่ยวไปในบ้าน
นั้น แล้วกลับมาใหม่ ไปถึงเมื่อเขาเลี้ยงข้าวยาคูเสร็จแล้ว จึงเที่ยว