เมนู

10. สีลวีมังสชาดก


ว่าด้วยธรรมที่นำความสุขมาให้


[618] ได้ยินว่า ศีลแลเป็นความงาม ศีลเป็น
เยี่ยมในโลก ขอพระองค์จงทอดพระเนตร
งูใหญ่มีพิษร้าย ย่อมไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วย
มารู้สึกตัวว่า เป็นผู้มีศีล.
[619] นกตะกรุมทั้งหลายในโลก พากันล้อม
จิกชิ้นเนื้อที่เหยี่ยวคาบอยู่ในปาก ชั่วเวลา
ที่มันคาบชิ้นเนื้อนิดหน่อยอยู่เท่านั้น หาได้
เบียดเบียนนกที่ไม่มีความกังวลไม่.
[620] ผู้ไม่มีความหวังย่อมหลับเป็นสุข ความ
หวังย่อมเผล็ดผลเป็นสุขได้ นางปิงคลาทาสี
ได้ทำความหวังจนหมดหวังแล้ว จึงหลับ
เป็นสุขได้.
[621] ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ธรรมอัน
จะนำความสุขมาให้ยิ่งไปกว่าสมาธิย่อมไม่มี
ผู้มีจิตตั้งมั่นย่อมไม่เบียดเบียนทั้งคนอื่นและ
ตนเอง.
จบ สีลวีมังสชาดกที่ 10

อรรถกถาสีลวีมังสชาดกที่ 10


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
พราหมณ์ผู้ทดลองศีล จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
สีลํ กิเรว กลฺยาณํ ดังนี้.
เรื่องปัจจุบันนิทานแม้ทั้งสองเรื่อง ได้กล่าวไว้แล้วในหนหลัง
ทีเดียว. ส่วนในชาดกนี้ พระโพธิสัตว์ได้เป็นปุโรหิตของพระเจ้า
พาราณสี เมื่อพระโพธิสัตว์นั้นจะทดลองศีลของตน จึงถือเอา
กหาปณะจากแผ่นกระดานสำหรับนับเงินไป 3 วัน ราชบุรุษทั้งหลาย
จึงแสดงพระโพธิสัตว์นั้นแก่พระราชาว่าเป็นโจร. พระโพธิสัตว์นั้น
ยืนอยู่ในสำนักของพระราชา พรรณนาศีลด้วยคาถาที่ 1 นี้ว่า :-
ได้ยินว่า ศีลแลเป็นความงาม ศีล
เป็นเยี่ยมในโลก ขอพระองค์จงทอดพระ-
เนตรงูใหญ่มีพิษร้าย ย่อมไม่เบียดเบียนผู้อื่น
ด้วยมารู้สึกตัวว่า เป็นผู้มีศีล.

แล้วทูลขอให้พระราชาทรงอนุญาตบรรพชาแล้วไปบรรพชา.
ครั้งนั้น เหยี่ยวเฉี่ยวเอาชิ้นเนื้อในร้านขายเนื้อสัตว์แห่งหนึ่ง
แล้วบินไปทางอากาศ นกทั้งหลายอื่นจึงล้อมจิกตีมันด้วยเล็บเท้าและ
จะงอยปากเป็นต้น. เหยี่ยวนั้นไม่สามารถอดทนความทุกข์นั้นได้ จึง