เมนู

3. พรหมทัตตชาดก


ว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ


[590] ดูก่อนมหาบพิตร ผู้ขอย่อมได้ 2 อย่าง
คือ ได้ทรัพย์หรือไม่ได้ทรัพย์ แท้จริงการขอ
มีอย่างนี้เป็นธรรมดา.
[591] ดูก่อนมหาบพิตรผู้เป็นใหญ่ในปัญจาลรัฐ
บัณฑิตกล่าวถึงการขอว่า เป็นการร้องไห้ ผู้
ใดปฏิเสธคำขอ บัณฑิตกล่าวคำปฏิเสธของ
ผู้นั้นว่า เป็นการร้องไห้ตอบ.
[592] ชาวปัญจาลรัฐผู้มาประชุมกันแล้ว อย่า
ได้เห็นอาตมภาพผู้กำลังร้องไห้อยู่ หรืออย่า
ได้เห็นพระองค์ผู้ทรงกรรแสงตอบอยู่ เพราะ
เหตุนั้น อาตมภาพจึงปรารถนาขอเฝ้าในที่ลับ.
[593] ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ข้าพเจ้าขอถวาย
วัวแดงหนึ่งพันพร้อมด้วยวัวจ่าฝูงแก่ท่าน
อันอารยชนได้ฟังคาถาอันประกอบด้วยเหตุ-
ผลของท่านแล้ว ทำไมจะไม่พึงให้แก่ท่าน
ผู้เป็นอารยชนเล่า.

จบ พรหมทัตตชาดกที่ 3

อรรถกถาพรหมทัตตชาดกที่ 3


พระศาสดาเมื่อทรงอาศัยเมืองอาฬวีประทับอยู่ ณ อัตตาฬว-
เจดีย์ ทรงปรารภกุฏิการสิกขาบท จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำ
เริ่มต้นว่า ทฺวยํ ยาจนโก ราช ดังนี้.
เรื่องปัจจุบันมีมาแล้วในมณิขันธชาดก ในหนหลังนั่นเอง.
แต่ในเรื่องนี้ พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า
พวกเธอมากไปด้วยการขอ มากไปด้วยการทำวิญญัติอยู่ จริงหรือ
เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ จึง
ทรงติเตียนภิกษุเหล่านั้น แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โบราณก-
บัณฑิตทั้งหลาย แม้ผู้อันพระราชาผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินปวารณาไว้
ปรารถนาจะขอร่มใบไม้ และรองเท้าชั้นเดียวคู่หนึ่ง ก็ไม่ขอในท่าม
กลางมหาชน เพราะกลัวหิริโอตตัปปะร้าวฉาน จึงได้กล่าวขอในที่ลับ
แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าปัญจาลราชครองราชสมบัติอยู่ใน
อุตตรปัญจาลนคร กบิลรัฐ พระโพธิสัตว์ได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์
ในบ้านตำบลหนึ่ง เจริญวัยแล้วไปเมืองตักกศิลาเรียนศิลปะทั้งปวง
ในกาลต่อมา ได้บวชเป็นดาบส เลี้ยงชีพด้วยมูลผลาผลของป่า ด้วย
การแสวงหา อยู่ในหิมวันตประเทศช้านาน เมื่อจะเที่ยวไปยังถิ่น
มนุษย์เพื่อต้องการเสพรสเค็มและรสเปรี้ยว จึงไปยังอุตตรปัญจาลนคร