เมนู

9. ติตติรชาดก


ว่าด้วยบาปที่เกิดจากความจงใจ


[570] ข้าพเจ้าเป็นอยู่สบายดีหนอ และได้
บริโภคอาหารตามชอบใจ แต่ว่าข้าพเจ้าตั้ง
อยู่ในระหว่างอันตรายแท้ ข้าแต่พระคุณเจ้า
ผู้เจริญ คติของข้าพเจ้าเป็นอย่างไรหนอ.
[575] ดูก่อนปักษี ถ้าใจของท่านไม่น้อมไป
เพื่อกรรมอันเป็นบาป บาปย่อมไม่แปด
เปื้อนท่านผู้บริสุทธิ์ ไม่ขวนขวายกระทำ
บาปกรรม.
[576] นกกระทาเป็นอันมากพากันมาด้วยคิด
ว่า ญาติของเราจับอยู่ นายพรานนกย่อมได้
รับกรรม เพราะอาศัยข้าพเจ้า ใจของข้าพเจ้า
รังเกียจอยู่ในเรื่องนั้น.
[577] ถ้าใจของท่านไม่คิดประทุษร้าย กรรม
ที่นายพรานอาศัยท่านกระทำแล้วก็ไม่ติดท่าน
บาปย่อมไม่แปดเปื้อนท่านผู้บริสุทธิ์ มีความ
ขวนขวายน้อย.

จบ ติตฺติรชาดกที่ 9

อรรถกถาติตฺติรชาดกที่ 9


พระศาสดาเมื่อทรงอาศัยนครโกสัมพี ประทับอยู่ในวทริการาม
ทรงปรารภพระราหุลเถระ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
สุสุขํ วต ชีวามิ ดังนี้.
เรื่องราวได้พรรณนาไว้พิสดารแล้วในติปัลลัตถชาดก ในหน
หลังนั่นแล. แต่ในที่นี้ ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันถึงคุณความดี
ของท่านผู้มีอายุนั้น ในโรงธรรมสภาว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย
พระราหุลเป็นผู้ใครต่อการศึกษา มีความรังเกียจบาปกรรม อดทน
ต่อโอวาท. พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้
พวกเธอนึ่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ ? เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูล
ว่า ด้วยเรื่องชื่อนี้ พระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน ราหุลก็เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา
มีความรังเกียจบาปธรรม อดทนต่อโอวาทแล้วเหมือนกัน แล้วทรง
นำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ครองราชสมบัติใน
พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์พอเจริญวัย
แล้ว ก็เรียนศิลปะทั้งปวงในเมืองตักกศิลา แล้วออกบวชเป็นฤๅษี
ในหิมวันตประเทศ ทำอภิญญาและสมาบัติให้บังเกิดแล้วเล่นฌานอยู่
ในไพรสณฑ์อันน่ารื่นรมย์ ได้ไปยังบ้านปัจจันตคามแห่งหนึ่ง เพื่อ
ต้องการเสพรสเค็มและรสเปรี้ยว. คนทั้งหลาย ในบ้านปัจจันตคาม